อเมริกายังไง..ก็คืออเมริกา เล่นบทตี2หน้า!!คบค้าสมาคมเพื่อผลประโยชน์..หวังกินทั้งประเทศ??!!

ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

หลายคนยังชอบพูดว่า อเมริกาคือมหามิตรของไทย เพราะด้วยท่าที่เปลี่ยนไปจากหลังมือ เป็นหน้ามือ จากนางคริสตี้ เคนนีย์ ที่ดำรงตำแหน่งเป็นเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย ผู้ที่ได้ฉายา "ทูตมะกัน หัวใจสีแดง" ที่เคยแสดงบทบาทในไทยงจนถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักและ”ล้ำเส้น"  จนมาถึงกลิน เดวีส์ ทั้งสองคนนี้ออกมาต่อต้านเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์บอกต่อต้านมาตรา 112  ตลอดมาก็แทรกแซงกิจการในประเทศเรา ตลอดเวลาหนุนระบอบทักษิณชัดเจน   จนกระทั้งต่อมานายโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ นโยสหรัฐที่มีต่อไทยก็เริ่มพัฒนาในทางดีขึ้นตามลำดับ และการเดินทางไปสหรัฐอเมริกาของพล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อพบปะกับโดนัลด์ ทรัมป์  ในห้องรูปไข่ ทำเนียบขาว กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ดูคล้ายกับเป็นเครื่องยืนยันที่ดี

 

 

อีกทั้งในขณะนี้พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรมว.กลาโหม พร้อมคณะ อยู่ในระหว่างเดินทางเยือนประเทศสหรัฐอเมริกา อย่างเป็นทางการ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 21 - 27 เม.ย. 61 ตามคำเชิญของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เพื่อกระชับความสัมพันธ์และความร่วมมือทางทหาร รวมทั้งส่งเสริมความร่วมมือด้านความมั่นคงระหว่างกัน 

 

อเมริกายังไง..ก็คืออเมริกา เล่นบทตี2หน้า!!คบค้าสมาคมเพื่อผลประโยชน์..หวังกินทั้งประเทศ??!!

 

 

การเดินทางเยือนสหรัฐอเมริกา ทวิภาคีอย่างเป็นทางการ ของ รมว.กห.และคณะ ได้ว่างเว้นมาหลายสิบปีแล้ว การเดินทางเยือนสหรัฐฯทวิภาคีอย่างเป็นทางการของรมว.กห.และคณะในครั้งนี้ จึงถือเป็นการยืนยันความสัมพันธ์อันแนบแน่น และความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ ระหว่าง ไทย - สหรัฐฯ ที่มีมาต่อเนื่องยาวนาน รวมทั้งเป็นการเสริมและสานต่อความร่วมมือด้านการทหารและความมั่นคงในมิติต่างๆ

 

แต่สหรัฐก็คือสหรัฐ ระหว่างที่กระชับความสัมพันธ์และความร่วมมือทางทหาร แต่อีกด้านหนึ่งได้โจมตีเราอย่างเลือดเย็นกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ เผยแพร่รายงานการปฏิบัติด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศต่างๆ ประจำปี 2560 ชี้ รัฐบาลไทยยังมีการละเมิดสิทธิรุนแรง และกดดันในเรื่องม.112

 

นายจอห์น ซัลลิแวน รักษาการรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ แถลงรายงานการปฏิบัติด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศต่างๆ ครอบคลุมเกือบ 200 ประเทศทั่วโลก ประจำปี 2560 โดยรายงานในส่วนของไทยนั้น มีความยาว 44 หน้า อ้างอิงข้อมูลของทางไทย ระหว่างเดือนตุลาคม 2559 – กันยายน 2560

รายงานระบุว่า คนไทยยังถูกละเมิดสิทธิรุนแรงในรัฐบาลชุดปัจจุบัน รวมถึง การที่เจ้าหน้าที่รัฐใช้กำลังเกินกว่าเหตุ มีการคุกคาม หรือข่มเหงผู้ต้องหาคดีอาญา ผู้ถูกคุมขัง และนักโทษผู้ต้องขัง

 

นอกจากนี้ ยังพบกรณีที่ทางการจับกุม และคุมขังประชาชนตามใจชอบ เช่น เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงข่มเหงกลุ่มผู้ที่มีความเห็นแตกต่างในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ปัญหาการทุจริต การหาประโยชน์ทางเพศกับเด็ก และการค้ามนุษย์

 

รายงาน ยังชี้ว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของไทย ยังมีการใช้กำลังเกินกว่าเหตุต่อ ผู้ต้องสงสัย ผู้กระทำผิด หรือเกี่ยวข้องกับการวิสามัญฆาตกรรม โดยอ้างข้อมูลจากสำนักการสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ที่ระบุว่า ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2559- กันยายน 2560 เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง รวมถึง ตำรวจ ทหาร และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง ได้วิสามัญฆาตกรรมผู้ต้องสงสัยระหว่างการจับกุมไป 16 ราย เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าจากตัวเลขในปีก่อนหน้านี้

 

 

สหรัฐระบุด้วยว่า ที่ผ่านมา คสช.มักคุมตัวผู้ที่แสดงความคิดเห็นต่างทางการเมือง โดยข้อมูลจนถึงเดือนสิงหาคม 2560 กรมราชทัณฑ์รายงานว่ามีผู้ถูกจำคุกหรือควบคุมตัวในความผิดฐานหมิ่นพระ บรมเดชานุภาพ 135 คน องค์กรเพื่อสิทธิมนุษยชนหลายแห่งระบุว่าการดำเนินคดี กับบุคคลเหล่านี้มักมีมูลเหตุมาจากเรื่องการเมือง

 

คำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 3/ 2558 กำหนดให้ทหารมีอำนาจตรวจค้น ยึด และควบคุมตัวบุคคลไม่เกิน 7 วัน โดยไม่ต้องมีหมายของศาล การใช้อำนาจดังกล่าวเป็นลักษณะเดียวกับการใช้อำนาจตามกฎอัยการศึก ให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารมีอำนาจเหนือเจ้าหน้าที่ฝ่ายพลเรือน  ส่งผลให้ที่ผ่านมาพบกรณีทหารใช้อำนาจดังกล่าวคุกคามบุคคลที่แสดงความเห็นตรงข้ามกับ คสช.หรือสมาชิกครอบครัวของบุคคลนั้น

 

อเมริกายังไง..ก็คืออเมริกา เล่นบทตี2หน้า!!คบค้าสมาคมเพื่อผลประโยชน์..หวังกินทั้งประเทศ??!!

 

 

นอกจากนี้ ทางการยังเฝ้าติดตามและตรวจสอบผู้เห็นต่าง รวมถึงชาวต่างชาติ โดยเมื่อเดือนเมษายนปีที่แล้ว รัฐบาลได้ออกประกาศห้ามประชาชนติดต่อ หรือเผยแพร่ข้อความทางสื่อสังคมออนไลน์ จากบุคคลต้องห้าม 3 คน ซึ่งเขียนวิจารณ์ประเทศไทยผ่านสื่อสังคมออนไลน์บ่อยครั้ง

 

 

รายงานระบุว่า ทางการไทยใช้กฎหมาย เป็นเครื่องมือเอาผิดผู้ที่วิจารณ์สถาบันอย่างต่อเนื่อง แม้ที่ผ่านมาองค์กรสื่ออิสระจะยังดำเนินงานอยู่ได้ แต่ต้องเผชิญอุปสรรคในการทำงานอย่างอิสระ ผู้คนในแวดวงสื่อหลายรายแสดงความวิตกกังวลว่าคำสั่งของ คสช.จะจำกัดเสรีภาพสื่อ และสั่งระงับการทำงานของสื่อโดยไม่มีหมายศาล

 

ขณะเดียว กันก็กังวลเรื่องที่ทางการเข้าไปจำกัดหรือ ขัดขวางการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตอย่างเสรี รวมถึงการเซ็นเซอร์เนื้อหาต่างๆ ทางออนไลน์ด้วย

 

ความพยายามที่จะโจมตีประเทศไทยสิทธิเสรีภาพแทบจะเรื่องชาชินสำหรับคนไทย  แล้วรู้ดีอยู่เต็มอกว่า ไอ้ผู้ที่ให้การสนับสนุนขบวนการให้ร้ายเมืองไทย และทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ ผ่านองค์กรตัวร้ายที่สุดก็คือ National Endowment for Democracy (NED)  ก็คือสหรัฐเองนั้นแหล่ะ   NED เป็น CIA ภาคพลเรือนของสหรัฐอเมริกา ที่สนับสนุนด้านการเงินแก่องค์กรเอกชนบ้านเรา ให้ทำงานในโครงการต่าง ๆ ที่สอดรับกับวัตถุประสงค์ของ NED

 

ซึ่งองค์กรนี้เป็นแม่ข่ายสนับสนุน NGO ในประเทศไทยหลายองค์กร รวมทั้งประชาไท และมูลนิธิ Enlawthai ด้วย นอกจากนั้นก็ยังมี Community Education Media และ Human Rights Lawyers Association องค์กรเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ต่อต้านการรัฐประหาร และเรียกร้องให้มีการคืนประชาธิปไตยโดยเร็ว บรรดาเคลื่อนไหวนักกิจกรรม นักเคลื่อนไหว ที่ชอบอ้างเรื่องประชาธิปไตย และ สิทธิต่างๆ ในประเทศไทยประจำปี 2017 โดยให้งบเป็นเงินทั้งสิ้นกว่า 70 ล้านบาท!!! 

 

แหล่งที่มาของเงินสนับสนุนของ NED ก็มาจาก "สภาคองเกรส" โดยตรง และนำไปแจกจ่ายให้กับองค์กรพัฒนาเอกชนทั่วโลก ภายใต้คำขวัญ เพื่อสร้างเสริมประชาธิปไตย และพิทักษ์สิทธิมนุษยชนอย่างที่กล่าว

หลายคนไม่เข้าใจว่าองค์กรเหล่านี้อันตรายอย่างไร บางคนเห็นชื่อหรือหลักการสวยๆ ก็หลงเคลิ้มไปแล้ว โดยหารุ้ไม่ว่าองค์กรเหล่านี้ ทำอะไรเลวร้ายไว้บ้าง   เรื่องนี้ทาง "Kittitouch Chaiprasith"  ได้อธิบายได้อย่างละเอียด มีเนื้อหาบางช่วงบางตอน

 
1. องค์กรเหล่านี้มักจะมีบอร์ดบริหารที่มาจาก เจ้าหน้าที่ระดับสูงของ CIA หรือคนที่กำหนด
นโยบายต่างประเทศในแถวหน้าหรือที่เรียกว่า Think Tank ซึ่งคนหนึ่งที่ผมจะยกตัวอย่างก็คือ Frank Carlucci ซึ่งมีชื่อเป็นบอร์ดบริหารของ ทั้ง NED และ Freedom House !!!! โดยFrank Carlucci เป็นถึงอดีต ผอ.CIA สมัยประธานาธิบดี Jimmy Carter และเป็น
รัฐมนตรีกลาโหม (Secretary of Defense) ในสมัยของประธานาธิบดี Ronald Reagan !!!!
(Secretary of Defense เป็นตำแหน่งสูงสุดของ ฝ่ายความมั่นคง ซึ่งมีอำนาจสั่งการกองทัพทั้งหมด เป็นรองเพียงแค่ประธานาธิบดีของอเมริกาเท่านั้น)


ในช่วงที่ Frank Carlucci ทำงานอยู่ใน CIA นั้น ได้เข้าไปเกี่ยวพันกับการ #ลอบสังหารผู้นำประเทศ ตามคำสั่งของประธานาธิบดีที่ต้องการโค่นผู้นำชาติ ที่ไม่ได้เข้าข้างฝ่ายสหรัฐอเมริกาในช่วงสงครามเย็น


หนึ่งในนั้นคือประธานาธิบดี Patrice Lumumba ซึ่งเป็นผู้นำที่ปลดแอกประเทศ Congo จากการ เป็นอาณานิคมของชาติตะวันตก และยังเป็นถึง... "ประธานาธิบดีจากการเลือกตั้งคนแรกของ Congo" แต่เมื่อเข้าฝ่ายทางโซเวียต จึงทำให้ถูกลอบสังหาร!!


หลักฐานการสั่งการโดยประธานาธิบดีอเมริกา ถึงเจ้าหน้าที่ CIA ให้ลอบสังหารนาย Lumumba มีปรากฎอยู่ทั้งในเอกสารและการให้สัมภาษณ์ของ เจ้าหน้าที่คณะทำงานในเวลานั้นหลายชิ้นด้วยกัน

เอกสารเหล่านี้ได้รับการรับรองความน่าเชื่อถือขนาด ที่สื่อใหญ่อังกฤษอย่าง BBC และ The Guardian ก็ยังหยิบมาทำข่าวกันอย่างใหญ่โตเมื่อปี 2000

 

โดยขณะนั้น Frank Carlucci เป็นเจ้าหน้าที่ CIA ที่แฝงตัวใน Congo โดยปฏิบัติหน้าที่เป็นรองเลขาฯ สถานทูตอเมริกาในประเทศ Congo ซึ่งแน่นอนว่ามีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับเรื่องนี้ (ก่อนที่ภายหลังจะได้มาเป็น ผอ. CIA เองเลย)


เค้าคนนี้แหละที่มานั่งเป็นหนึ่งในบอร์ดบริหาร ขององค์กร NED และ Freedom House ที่ให้เงิน สนับสนุนการเคลื่อนไหวของกลุ่มร่มในเกาะฮ่องกง (ซึ่งใช้งาน Joshua Wong และ Nathan Law เป็น คนขับเคลื่อนขบวนการที่ผลักดันให้ฮ่องกงแยกตัว ออกจากประเทศจีน ตามแผนการณ์ที่เค้าต้องการ

 

 2. องค์กร NED, FreedomHouse, USAID ล้วนแต่เป็นองค์กรสกปรกที่เล่นเกมส์ สองหน้า
หน้าหนึ่งทำทีเป็นว่าสนับสนุนสิทธิมนุษยชนและ ประชาธิปไตย หรือสิทธิเสรีภาพ และคำสวยต่างๆ (ที่เท่าจะหยิบยกมาอ้างได้) องค์กรพวกนี้จะให้เงิน เสมือนหนึ่งการกุศลเพื่อช่วยเหลือผู้คนในระดับหนึ่ง เพื่อทำให้ภาพลักษณ์ของตนเป็นองค์กรผู้ใจบุญ ทำให้คนไม่สงสัยในการเคลื่อนไหวของพวกเค้า


แต่อีกหน้าหน้า องค์กรเหล่านี้ทำหน้าที่ควบคู่ ไปกับองค์กรอย่าง CIA ซึ่งนั่นทำให้ต้องมี ผอ.CIA และเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองและการทูตอีกหลายคน เช่น Carlucci และ Abramowitz นั่งเป็นบอร์ดบริหาร!! หลักฐานที่เชื่อมโยงความร่วมมือระหว่างองค์กรเหล่านี้เป็นตัวอย่างในดูพอสังเขป หลักฐานชิ้นแรกก็คือ


เอกสารที่ระบุถึงการให้เงินทุนผ่านองค์กร USAID เพื่อฝึกบุคลากรและจัดหายุทโธปกรณ์ให้กับบุคคล ที่จะมาเป็นตำรวจในประเทศอเมริกาใต้ และที่อื่นๆ

งงกันไหมครับว่าอเมริกาไปเกี่ยวอะไรกับประเทศอื่น??


เพราะปี 1960 อเมริกาได้ให้ USAID จัดตั้งองค์กร "Office of Public Safety" องค์กรนี้ทำหน้าที่ดังที่ว่า คือ เพื่อสนับสนุนความมั่นคงและสงบสุขของอเมริกา และผลประโยชน์ของอเมริกาในประเทศต่างๆ ทั่วโลก โดยล็อบบี้รัฐบาลหุ่นเชิดของตนเพื่อให้ทำการอนุมัติ
ให้เจ้าหน้าที่ของอเมริกาเข้าไปจัดการควบคุมอบรม ตำรวจในประเทศเหล่านั้น รวมถึงจัดหาอาวุธต่างๆ ในกับทางตำรวจของประเทศเหล่านั้นด้วย (เอาง่ายๆ ก็คือ อยากขายอาวุธนั่นแหละ)

 


จากเอกสารเก่าของ CIA ที่ชื่อ Family Jewel  ซึ่งเป็นเอกสารลับ (ที่ใช้นามแฝง) ซึ่งบันทึกเรื่อง #งานสกปรก" ต่างๆ ของหน่วยข่าวและเครือข่าย
ได้ถูกเปิดเผยในปี 2007 ออกมาจำนวน 613 หน้า ในหน้าที่ 607-613 ได้แสดงข้อมูลให้เห็นว่าองค์กร USAID นั้นทำงานร่วมกันกับหน่วยข่าวกรองกลางหรือ CIA อย่างใกล้ชิด ทั้งการแลกเปลีย่นข้อมูลและฝึกคน

 

ส่วนตัวอย่างที่เห็นชัดที่สุดในปัจจุบันก็คือ กรณีเหตการณ์ซีเรียซึ่งทางอเมริกาสนับสนุน ทั้งสื่อ เงินทุน และอาวุธให้กับกลุ่มกบฎซีเรีย โดยเงินเหล่านี้ให้ผ่านกองทุน USAID ภายใต้

 

 

วันนี้...เรารู้เท่าทันสหรัฐอย่างเดียวไม่พอ "ต้องจำ" ด้วย สหรัฐไม่เคยจริงใจกับใคร  การที่เรานับว่าสหรัฐคือมหามิตรนั้นเป็นเรื่องไม่จริง!!! สหรัฐทำได้ทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ตัวเอง  และการคบค้าสมาคมกับรัฐบาลระบอบทักษิณ หวังได้ประเทศไทย "ทั้งประเทศ" ไปแบ่งเค้กกัน!!?