- 15 พ.ค. 2561
ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th
คำเดียวว่า"เละ"?! "นักเขียนแดงใหญ่ปีกร่าน-สุชาติ สวัสดิ์ศรี" ผู้พ่วงตำแหน่งศิลปินแห่งชาติชวน "คนเป่านกหวีด และคนต้านทักษิณทั่วทุกสารทิศ" ออกมายอมรับความผิดพลาด โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในแวดวงศิลปะร่วมลงชื่อ "ปลดอาวุธ คสช." โดยเขาหยิบเอาหนังของ "Lav Diaz" ผู้กำกับชาวฟิลิปปินส์ ที่โทนหนังออกไปในทาง ความเศร้า-ทุกข์ตรมของคนฟิลิปปินส์ใน “สถานการณ์รัฐประหาร” ของประเทศมาเทียบเคียงกับกรณีของไทยในยุค คสช. (เรื่องนี้แน่นอนอยู่แล้ว เพราะต่อให้งู ๆ ปลา ๆ การเมืองในอาเซียนยังมองออกได้ไม่ยากว่า ช่วง 20 - 30 ปีก่อนในยุคที่ฟิลิปินส์ และอินโดนีเซียมีผู้นำเผด็จการซึ่งมาจากการเลือกตั้งนั้น ประชาชนของทั้ง 2 ประเทศทุกข์ยากขนาดไหน แล้วตระกูลผู้นำเสวยสุขบนความทุกข์ตรมของชาวบ้านเช่นไร ไม่เช่นนั้นตอนที่ชาวฟิลิปปินส์ขับไล่ผู้นำเผด็จการที่ว่า...จะค้นพบในภายหลังในเวลาต่อมาได้อย่างไรว่า...แค่คน ๆ เดียว คือเมียของผู้นำตระกูลนั้น...จะมี "รองเท้า" นับพัน ๆ เฉียดจะ "หมื่นคู่" เสียด้วยซ้ำ แต่ตอนหนีประชาชนหัวซุกหัวซุนขึ้นเฮลิคอปเตอร์นั้น...ต้องระเห็จไป "ตีนเปล่า" เพราะไม่มีแม้แต่เวลาที่จะแหย่เท้าเข้าไปในรองเท้าแพงระยับ...กรณีอินโดนีเซียอาจจะผิดแผกไปบ้างในกรณีการลุกฮือขับไล่ของประชาชน เพราะฉากสุดท้ายของผู้นำ 2 ประเทศแตกต่างกัน แต่ก็มีหลายอย่างคล้าย ๆ กัน ในเรื่องการคอร์รัปชั้น และการครองอำนาจที่ยาวนาน กระทั่งถูกประชาชนขับไล่ ซึ่งทั้งหมดนั้นต่างกับ เผด็จการ คสช. ที่ สุชาติ สวัสดิ์ศรี พยายามโหมกระพือให้คนไทยเกลียดชังอย่างสิ้นเชิง-ผู้เขียน)
ขณะที่อีกหนึ่งเหตุผล ที่สุชาติชักชวนให้คนทำงานศิลปะร่วมลงชื่อ "ปลดอาวุธ คสช." เพราะเขาอ้างว่า ตนเองก็เคยเป็น “อดีตสลิ่ม” มาก่อนและได้ “ประกาศความผิดพลาด” มาก่อนแล้วตั้งแต่ คสช.เข้ามา...เขาจึงออกปากชักชวนกรณีดังกล่าว (ส่วนคำอ้างว่า ตนเองเคยเป็น “อดีตสลิ่ม” มาก่อน ยังเป็นที่สงสัย เพราะหลายคนตั้งข้อสังเกตว่า ไม่เคยเห็นเขาออกมาต่อกรราวีกับรัฐบาลทักษิณหรือยิ่งลักษณ์ที่เป็นรัฐบาลที่โกงกินมากที่สุดในประวัติการเมืองไทยเลยสักครั้ง (นอกจากโวยวายอยู่พักหนึ่งตอนยิ่งลักษณ์ปล่อยน้ำท่วมใหญ่ปี 2554 เพราะหนังสือที่เก็บมานานปีพินาศย่อยยับไปมาก แต่หลังจากที่ได้ศิลปินแห่งชาติในยุครัฐบาลที่ปล่อยน้ำท่วมซึ่งตนเองเพิ่งด้ช่าไปหยก ๆ เป็นค่าปิดปาก...สุชาติก็กลับลำ 360 องศาทันที-ผู้เขียน)
โดยรายละเอียดทั้งหมดที่ สุชาติ โพสต์ไว้ คือ
“ขอเปิดเช้าด้วยผลงานของ Lav Diaz ผู้กำกับหนังชาวฟิลิปปินส์ ด้วยหวังว่าความเศร้าของเราทุกคนใน “สถานการณ์รัฐประหาร” ครั้งนี้จะก่อเกิดเป็นตัวนำพลังให้เกิดการสร้างสรรค์งานศิลปะที่เข้มข้นมากขึ้น ไม่ใช่ศิลปะเนียนๆ เบลอๆ
ก่อนอื่นท่านที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของ “นกหวีด” และ Bangkok Shutdown โดยเฉพาะท่านที่มี “ตัวตน” อยู่ในแวดวงศิลปะ ท่านจะต้อง “ประกาศความพลาด” ของท่านให้ปรากฏก่อนว่ามีส่วนชักนำให้เกิดภาวะ Missing Link ครั้งนี้ (อย่างน้อยก็แสดงตัวไปร่วมลงชื่อ “ปลดอาวุธ คสช.” กับ iLaw ) หรือแสดงท่าทีในเรื่องหลักการและจุดยืนให้ชัดเจนทั้งโดยตรงและโดยอ้อม เพื่อประสานสร้างความมีเอกภาพแห่งมิตรภาพ มองตากันได้เต็มตา
ผมเองในฐานะ “อดีตสลิ่ม” ก่อนหน้าที่จะมีคำๆนี้เกิดขึ้น ได้ “ประกาศความพลาด” มาก่อนแล้วตั้งแต่ คสช.เข้ามาทำรัฐประหาร เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557
ไม่เห็นมันจะเสียหน้าที่ตรงไหน”
อย่างไรก็ตาม หลังข้อความดังกล่าวเผยแพร่ออกไป ก็มีผู้ที่รู้ทัน และคว่ำหวอดในแวดวงศิลปะ แวดวงงานเขียนเข้ามาตอกหน้าสุชาติในทันที อังประโยคที่น่าสนใจยิ่ง อาทิ
"ผมรู้จักกับแกมาเนิ่นนานแล้ว ตั้งแต่สมัยเป็นนักศึกษา ยังมีคนในแวดวงวรรณกรรมเรียกแกว่าสุซาร์ต เพราะแกเป็นคนเผยแพร่ปรัชญา เอ็กซิสตองเชียลลิส์คนแรกๆในเมืองไทย เป็นบรรณาธิการหนังสือสังคมศาสตร์ปริทัศน์หนังวิชาการยุครุ่งเรือง แต่ผมก็ไม่เคยคิดว่าแกจะเพี้ยนไปขนาดนี้ โดยไม่เคยต่อกรราวีกับรัฐบาลทักษิณหรือยิ่งลักษณ์ที่เป็นรัฐบาลที่โกงกินมากที่สุดในประวัติการเมืองไทย เป็นรัฐบาลที่ถูกยุบพรรคถึง2ครั้ง มีรัฐมนตรีที่เข้าคุกเพราะการทำระยำตำบอนกับบ้านเมืองและมีรัฐมนตรีที่หนีความผิดมากที่สุดในโลก ไม่น่าเชื่อว่าดีเอ็นเอจะถูกทำลายได้อย่างเฉียบพลัน แล้วแปรเปลี่ยนให้คนเกลียดได้ขนาดนี้ อโหสิให้ผมด้วยผมรับพี่ไม่ได้จริงๆ อีกต่อไปแล้ว"
หรือไม่ก็ "กปปส มีแต่จะประกาศความภาคภูมิใจ พวกเราเป่านกหวีดไล่คนชั่วด้วยความมุ่งมั่น และมั่นใจ ไม่เคยคิดว่าเป็นความพลาด อาวุธของ คสช ไม่เคยฆ่าประชาชน มีแต่จะปกป้องประชาชน จะไปปลดเขาทำไม อาวุธของคนเสื้อแดงต่างหาก ที่เข่นฆ่าประชาชนมาเยอะแล้ว สุชาติเพี้ยนรึเปล่า" รวมทั้ง "ศิลปินแห่งชาติยกเลิกเถอะ เสียดายงบประมาณแผ่นดิน" และอื่น ๆ อีกมาก
