ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

   หลังจากที่มีกระแสข่าวออกมาว่า พระพรหมสิทธิ (ธงชัย สุขญาโณ) เจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร แสดงความประสงค์ จะเดินทางเข้ามอบตัวที่กองปราบปราม ในช่วงเช้าของวันนี้ในคดีเงินทอนวัด โดยบรรยากาศก็เต็มไปด้วยกองทัพสื่อมวลชนที่มารอคอยทำข่าวกันอย่างคับคั่ง ด้วยจิตใจที่จดจ่อ ทั้งนี้บรรยากาศรอบๆกองบังคับการปราบปราม ก็มีบรรดาลูกศิษย์ลูกหามารอให้กำลังใจพระพรหมสิทธิ (ธงชัย สุขญาโณ) เจ้าอาวาสวัดสระเกศ จำนวนหนึ่ง ในขณะนี้ก็ยังไม่มีท่าทีที่พระพรหมสิทธิ (ธงชัย สุขญาโณ) เจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ จะเดินทางเข้ามามอบตัวที่กองบังคับการปราบปรามฯ แต่อย่างใด ต่อมาได้ไม่นานเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามได้จับกุมตัวพระพรหมสิทธิ (ธงชัย สุขญาโณ) อดีตเจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร กรรมการ มส.และเจ้าคณะภาค 10 ผู้ต้องหาคดีฟอกเงิน ทุจริตเงินทอนวัดได้แล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังควบคุมตัวมาสอบสวนที่กองปราบฯ  วินาทีควบคุมตัว "เจ้าคุณธงชัย" เดินทางไปศาลอาญาพิจารณาฝากขัง (คลิป)

  หลังจากพนักงานสอบสวนกองกำกับการ 1 กองปราบปราม ได้นำตัว “พระธงชัย สุขโข” อายุ 60 ปี เจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร หรืออดีตพระพรหมสิทธิ ผู้ต้องหาตามหมายจับฐานทุจริตเงินทอนวัด มาที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เพื่อขออำนาจฝากขัง และไม่ได้ประกันตัว จนกระทั่งถูกจับสึก ก่อนจะถูกควบคุมตัวเข้าคุมขังในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ นั้น
   โดยคำร้องฝากขัง ระบุพฤติการณ์สรุปว่า ผู้ต้องหาร่วมกับนายพนม ศรศิลป์ อดีต ผอ.พศ.กับพวก ซึ่งเป็นฆราวาส และพระ ในการโอนเงินและซุกซ่อนเงินที่ได้จากการกระทำ ด้วยการโอนเงิน ที่ได้เบิกถอนเงินจากบัญชีเงินฝากทั้ง 2 โครงการจากธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด สาขาวงเวียนโอเดียน ใน 2 บัญชี รวม 32 ครั้งให้แก่กลุ่มฆราวาสที่ไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องไปโดยทุจริต โดยมีการขอหมายจับจากศาลอาญาคดีทุจริตฯ เมื่อวันที่ 23 พ.ค.61

เปิดชัดๆ คำฟ้อง "พระธงชัย" ร่วมมืออดีต ผอ.สำนักพุทธฯ.ตั้งวงโกงเงินทอนวัด

 

 

   ขณะที่ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวน ได้คัดค้านการให้ประกันตัวผู้ต้องหาด้วย เนื่องจากมีเอกสารจำนวนมากอยู่ในความครอบครองของผู้ต้องหา เกรงว่าจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน นอกจากนี้พฤติการณ์ของผู้ต้องหามีการกระทำเป็นขบวนการ มีการแบ่งหน้าที่กันทำ อีกทั้งคดีมีอัตราโทษจึงเกรงว่า หากปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาจะหลบหนีด้วย

   กระทั่งเวลา 16.30 น. ศาลได้ออกนั่งบัลลังก์ พิจารณาคำร้องฝากขัง ซึ่งได้อ่านรายละเอียดให้ผู้ต้องหาและทนายความฟังแล้ว แจ้งให้พนักงานสอบสวน ผู้ร้อง และผู้ต้องหากับทนายความทราบว่า มีประเด็นต้องพิจารณาว่า มีความจำเป็นเรื่องการฝากขังผู้ต้องหาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 87 และ พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ.2559 มาตรา 6 หรือไม่ ปรากฏว่า ทนายความได้แถลงคัดค้านการฝากขังโดยอ้างว่า จากการนำเสนอข่าวของสื่อต่างๆ ทราบว่า พนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเสร็จสิ้นแล้วจึงไม่จำเป็นต้องยื่นคำร้องฝากขังผู้ต้องหาอีก

   ด้าน พ.ต.ท.สัณห์เพ็ชร พนักงานสอบสวน ได้แถลงยืนยัน การสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ยังมีเหตุจำเป็นต้องสอบปากคำพยานอีก 20 ปาก ซึ่งเกี่ยวข้องการเส้นทางการเงินและการกระทำผิดของกลุ่มผู้ต้องหา ซึ่งเป็นพระวัดพระธาตุดอยสุเทพ จ.เชียงใหม่ , ราชบุรี , ขอนแก่น และนครศรีธรรมราช โดยจะเร่งดำเนินให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
  ศาลพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า พนักงานสอบสวนยังมีความจำเป็นต้องสอบปากคำพยานที่เกี่ยวข้องอีก จึงอนุญาตให้ฝากขังผู้ต้องหาเป็นเวลา 12 วันตามคำร้อง

  ภายหลังเสร็จสิ้นกระบวนการฝากขังแล้ว ในเวลา 17.00 น.เศษ ขณะที่ "พระธงชัย" ก็ถูกควบคุมตัวจากห้องห้องเวรชี้ ไปยังห้องควบคุมชั้นล่างของศาล เพื่อรอฟังคำสั่งขอประกันตัว ซึ่งทนายความได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นเงินสด จำนวน 1 ล้านบาท เพื่อขอปล่อยชั่วคราวระหว่างฝากขัง กระทั่งเวลา 18.00 น.เศษ ศาลพิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีแล้วเห็นว่า คดีมีอัตราโทษสูง พฤติการณ์การกระทำความผิดส่งผลกระทบต่อศรัทธาของพุทธศาสนิกชน มีลักษณะการกระทำเป็นขบวนการ แบ่งหน้าที่ยักย้ายเงินที่ได้มาให้แก่พวกของผู้ต้องหาและบุคคลภายนอกหลายรายการ จึงอาจมีพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดอยู่ในความครอบครองของผู้ต้องหากับพวก และหลังจากศาลออกหมายจับผู้ต้องหาแล้วหลบหนี

 


   ดังนั้นหากอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวแล้วเชื่อว่าผู้ต้องหาจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ที่จะเป็นอุปสรรคหรือก่อให้เกิดความเสียหายต่อการสอบสวนของเจ้าพนักงาน เพราะอาจจะหลบหนีได้ อีกทั้งพนักงานสอบสวนก็คัดค้านการปล่อยชั่วคราว ส่วนอาการเจ็บป่วยของผู้ต้องหานั้น ตาม พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ พ.ศ.2560 ให้มีการอนุญาตส่งตัวไปรักษาตัวนอกเรือนจำได้อยู่แล้ว ดังนั้นในชั้นนี้จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว ให้ยกคำร้องของผู้ต้องหา