มวยถูกคู่?" สุริยะใส"เทียบกลไก"รปช.-ที่ให้ปชช.เป็นเจ้าของพรรค"กับ "พรรคนายทุนไพร่-ที่เปิดตัวก็ประกาศชื่อเจ้าของพรรค"บอกเลยแก่นคิดคนละชั้น

ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

ต้องอ่าน "สุริยะใส กตะศิลา" พูดถึง “ปรากฏการณ์กำนันสุเทพครั้งที่ 2” ซึ่งเป็นผลพวงมาจากการเข้าร่วมกับพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) เพื่อสร้างพรรคการเมืองแบบใหม่ในแนวทางพรรคของประชาชนเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดย "สุริยะใส" ยืนยันว่า "นายสุเทพ" ยังอยู่ในแนวทางรักษาสัจจะวาจา ที่เคยให้ไว้กับสังคมคือไม่รับตำแหน่งใดทางการเมือง และขอเป็นแค่สมาชิกพรรคคนหนึ่งเท่านั้น

เหนืออื่นใดก็คือ รองคณบดีจากมหาวิทยาลัยรังสิต ยังฉายให้เห็นความต่างของ พรค รปช. กับพรรคอื่น ๆ ในเชิงนวัตกรรมทางการเมืองที่ รปช. ออกแบบให้สมาชิกเป็นเจ้าของพรรคอย่างแท้จริง ต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับพรรคการเมืองทั่วไป ที่เริ่มต้นก็ประกาศชื่อหัวหน้า ชื่อเลขาธิการหรือเจ้าของพรรคตัวจริงกันเลย แต่ รปช.ไม่ใช่แค่คิดใหม่ แต่สร้างข้อตกลงใหม่ๆ ให้สมาชิกจะเป็นผู้ชี้ขาดโดยตรง

โดยรายละเอียดทั้งหมดที่ "สริยะใส" ระบุไว้ในเฟซบุ๊กส่วนตัว คือ


“ปรากฏการณ์กำนันสุเทพครั้งที่ 2” บอกอะไรการเมืองไทย

 

ปรากฏการณ์กำนันสุเทพ ล่าสุดกรณีเข้าร่วมกับพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.)เพื่อสร้างพรรคการเมืองแบบใหม่ในแนวทางพรรคของประชาชน น่าจับตาไม่น้อยไปกว่า “ปรากฎการณ์กำนันสุเทพครั้งที่ 1 “ เมื่อร่วมกับมวลมหาประชาชนโค่นล้มรัฐบาลที่หมดความชอบธรรมและชูธงปฏิรูปประเทศ ปรากฎการณ์ครั้งที่ 2 นี้ยังอยู่ในแนวทางรักษาสัจจะวาจา ที่เคยให้ไว้กับสังคมคือไม่กลับเข้าสู่อำนาจทางการเมืองไม่รับตำแหน่งใดทางการเมืองหรือแม้แต่ในพรรครวมพลังประชาชาติไทย(รปช.) จะขอเป็นเพียงสมาชิกผู้หนึ่งร่วมกันกับประชาชนสร้างพรรคเพื่อนำไปสู่การปฏิรูปประเทศต่อไป แน่นอนคำประกาศของกำนันสุเทพครั้งนี้ย่อมเป็นคำตอบในตัวว่าการปฏิรูปประเทศยังไม่เสร็จจึงเป็นภาระหน้าที่ที่จะต้องผลักดันให้เสร็จตามเจตจำนงเมื่อครั้งกำเนิดมวลมหาประชาชน

 

 

น่าเสียดายที่มีการมอง "ปรากฎการณ์กำนันสุเทพครั้งที่ 2" ด้วยการเลือกจับบางประเด็นและตีความว่ากำนันสุเทพตะบัดสัตย์หรือไม่ ทั้งที่จริงถ้าฟังอย่างไม่มีอคติกำนันสุเทพ ก็ยังยืนอยู่ในจุดยืนเดิมที่ประกาศไว้คือไม่เข้าสู่การเมืองไม่รับตำแหน่งใดๆในทางการเมือง ซึ่งก็ไม่ต้องไปตีความให้เสียเวลาถ้าถึงวันที่กำนันสุเทพ ก้าวข้าวเขตแดนนี้นั่นหละคำว่าตะบัดสัตย์ถึงจะฟังขึ้น

 

 

ผมไม่แปลกใจ และก็คาดการณ์ไม่ผิดที่จะมีถ้อยคำเหน็บแนม ถากถางกระทั่งเย้ยหยันสารพัดพุ่งไปที่ตัวกำนันสุเทพ โดยเฉพาะจากกลุ่มก้อนนักการเมืองและพรรคการเมืองบางพรรค แต่ที่ผมแปลกใจค่อนข้างมาก ผมไม่เห็นกำนันสุเทพตอบโต้ เอาคืนในแบบที่เราเคยเห็นหรือแบบที่นักการเมืองถนัดและทำกันอย่างเมามันในขณะนี้ แม้แต่พรรค รปช.ก็เช่นกันตั้งแต่วันยื่นจดแจ้งชื่อพรรค 25 พฤษภาคมที่ผ่านมา ยังไม่เห็นผู้ก่อตั้งพรรคคนใดออกมาชี้หน้า ท้าทายปั้นสำนวน สร้างโวหารสาดใส่ พรรคการเมืองอื่นหรือผู้วิจารณ์แม้แต่ครั้งเดียว

 

 

และวันเปิดตัวผู้ก่อตั้งและผู้สนับสนุนพรรค เมื่อวันที่ 3 มิย.ที่ผ่านมาเราได้เห็นสิ่งใหม่ ที่เป็นนวัตกรรมทางการเมืองจาก พรรค รปช.ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบวางกลไกให้สมาชิกเป็นเจ้าของพรรคอย่างแท้จริง เพื่อสร้างวิถีประชาธิปไตยในพรรค ต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับพรรคการเมืองทั่วไป ที่เริ่มต้นก็ประกาศชื่อหัวหน้า ชื่อเลขาธิการหรือเจ้าของพรรคตัวจริงกันเลย แต่ รปช.ไม่ใช่แค่คิดใหม่ แต่สร้างข้อตกลงใหม่ๆ ให้สมาชิกจะเป็นผู้ชี้ขาดโดยตรงทั้งตำแหน่งผู้บริหารพรรค นโยบายพรรค การสรรหาผู้สมัครฯ หรือแม้แต่การสร้างโรงเรียนการเมืองของพรรคเพื่อหลอมรวมอุดมการณ์ของพรรค และวินัยหรือจริยธรรมในพรรค

 

 

ยังมีกลไกใหม่ๆ อีกหลายอย่างที่น่าติดตามจากพรรคนี้ แต่น่าเสียดายมีความพยายามไม่ทำความเข้าใจกระทั่งไม่ได้ให้ความสำคัญกับกลไกใหม่ๆเหล่านี้ ยังคงพึงพอใจกับวิถีพรรคการเมืองแบบเก่าที่สร้างปัญหาให้กับประเทศมาจนประชาชนต้องลุกขึ้นมาขับไล่จนนับครั้งไม่ถ้วน

 

 

กำนันสุเทพและขบวน รปช. จะประสบความสำเร็จ ในการเลือกตั้งหรือไม่ อาจไม่ใช่เรื่องสำคัญ เท่ากับการสร้างพรรคการเมืองที่เป็นของประชาชน เป็นพื้นที่ เป็นช่องทางให้ประชาชนใกล้ชิดและเข้าถึงอำนาจอธิปไตยที่แท้จริง นี่ก็ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่สร้างความหวัง การเมืองแบบนี้ชนะตั้งแต่ต้นไม่มีคำว่าแพ้ เพราะไม่ได้ไปแข่งกับใคร แต่ช่วยกันทำให้การเมืองดีขึ้นอย่างที่ ศ.ดร. เอนก เหล่าธรรมทัศน์ พูดเอาไว้นั่นเอง

 

ขอบคุณพิเศษข้อเขียน : "สริยะใส กตะศิลา"