ส่งขึ้นเขียง!! ดีเอสไอหิ้ว"พิสิฐชัย"หลังมโนจับ"เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ"โยงเงินทอนวัด เจอหนักผิดพ.ร.บ.คอมพ์!!

ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

สืบเนื่องจากการที่  นายพิสิฐชัย สว่างวัฒนากร  พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ  ชำนาญการพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว  แสดงข้อความเกี่ยวกับคดีเงินทอนวัดไว้ 2 ครั้งติดๆกัน เมื่อวันที่ 8 มิ.ย. โดยครั้งแรกระบุว่า "ข่าวเตรียมจับ เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ วัดพิชัยญาตฯ อีกวัดคาดว่าวัดบวรฯครับ" และจากนั้นถัดมาไม่กี่ชั่วโมง นายพิสิฐชัย ก็ได้โพสต์อีกครั้งโดยระบุว่า "ข่าวทำคดีเงินทอน เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ วัดพิชัยญาตฯ อีกวัดราชสิทธิครับ"  จนกลายเป็นกระแสความขัดแย้งในหมู่ผู้คนพุทธศาสนา  ทั้งๆที่ประเด็นดังกล่าวไม่มีมูลความจริง

ล่าสุดเมื่อวันที่ 12 มิ.ย.61 กองบังคับการปราบปราม(บก.ป.) พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.ศูนย์บริหารคดีพิเศษ และรองโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ ได้นำตัวนายพิสิฐชัย เข้ารับทราบข้อหา พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ หลังจากที่ลงข้อความในเฟชบุ๊คส่วนตัวจะมีการดำเนินคดีกับเจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ วัดพิชยญาติการาม วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร และวัดราชสิทธิธารามราชวรวิหาร

 

ที่เกี่ยวข้องกับคดีเงินทอนวัด จนสร้างความสับสนให้กับสังคมและแวดวงพระสงฆ์ เพราะเจ้าอาวาสทั้ง 4 วัดล้วนแต่เป็นพระมหาเถระผู้ใหญ่ชั้นสมเด็จ ทางสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนกองปราบปราม ฐานความผิด นำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์หรือพ.ร.บ.คอมพ์

 

จากการโพสต์ข้อความดังกล่าวเป็นที่วิพากวิจารณ์ในวงการสงฆ์มากอย่างมากทำให้เข้าใจว่าทั้ง 4 วัดจะถูกดำเนินคดีเงินทอนวัดล็อตที่4  เพราะนายพิสิฐชัย เป็นเจ้าหน้าที่ที่มีความใกล้ชิดกับคณะสงฆ์ทั้งยังได้รับความไว้วางใจจากมหาเถรสมาคม (มส.) ให้เป็นคณะอนุกรรมการรวบรวมข้อมูลข่าวสารของ มส.ด้วย และคณะกรรมการดังกล่าวมี สมเด็จพระพุทธจารย์(สนิทชวนปัญฺโญ) เจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยาราม กรรมการ มส.เป็นประธาน พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)

 

จึงได้มีคำสั่งให้พ้นจากหน้าที่เดิม ไปปฏิบัติหน้าที่สำนักงานผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีพิเศษ พร้อมให้กองภาษีตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ ถึงแม้นายพิสิฐชัย จะออกมาโพสต์เฟชบุ๊คส่วนตัวเพื่อขอโทษสังคม อ้างเข้าใจผิดข้อมูลคาดเคลื่อน 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อคณะเจ้าหน้าที่ของดีเอสไอมาถึง ได้พาตัวนายพิสิฐชัย เข้าให้การกับ พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผู้บังคับการปราบ(ผบก.ป.) พร้อมพนักงานสอบสวนทันที ยังไม่ยอมเปิดเผยรายละเอียดใดๆ ซึ่งทาง พ.ต.ต.วรณัน รองโฆษกดีเอสไอแจ้งเพียงว่า พ.ต.ท.กรวัชร์ จะเป็นผู้ให้ข้อมูล 

 

ต่อมา พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหาญพิทักษ์ ผู้บัญชาการสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) ได้เดินทางมาร่วมสอบปากคำ ใช้เวลาในการสอบปากคำประมาณ 2ชั่วโมง พ.ต.ท.กรวัชร์ เปิดเผยว่า จากที่มีข้าราชการกรมสอบสวนคดีพิเศษไปโพสต์ข้อความเกี่ยวกับเรื่องเงินทอนวัด และทางสำนักพระพุทธศาสนาได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนกองปราบปราม ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษได้ให้ความร่วมมือ

 

และเป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจของผู้ต้องหาจึงได้เข้ามาพบพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อหา พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เบื้องต้นนายพิสิฐชัยได้ให้การกับพนักงานสอบสวนแล้ว และได้ขอเวลารวบรวมเอกสารเพื่อส่งมอบให้พนักงานสอบสวนอีกครั้งหนึ่ง 

 

เรื่องนี้เป็นความเห็นส่วนตัว ไม่ใช่เป็นการกระทำความผิดที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงาน ผู้กระทำกระทำในฐานะส่วนตัว และทางกรมสอบสวนคดีพิเศษได้มีการตั้งคณะกรรมการและมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ โดยให้ไปประจำที่สำนักผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้เขาเข้ามาอยู่ในส่วนที่เรากำกับดูแลได้ ในเบื้องต้น DSI ไม่ได้ทำเรื่องเกี่ยวกับเงินทอนวัดอยู่แล้ว และที่มาที่กองปราบเพราะไม่เข้าลักษณะคดีพิเศษ ให้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นผู้สอบสวน

 

ด้าน พล.ต.ต.ไมตรี ผบก. ป. เปิดเผยว่า ส่วนตัวนายพสิฐิชัย จะได้ข้อมูลมาอย่างไรเป็นรายละเอียดในสำนวนไม่สามารถเปิดเผยได้แต่ตัวเขาเองยอมรับว่าเป็นคนโพสต์ข้อความ ส่วนรายละเอียดทั้งหมดนายพิสิฐชัย จะทำเป็นคำให้การ มาให้เพิ่มเติมภายหลัง และก่อนที่ตัวนายพิสิฐชัยจะโพสต์ข้อความดังกล่าวเจ้าหน้าที่กองปราบได้ประสานไปยัง บก.ปปป.แล้วยังไม่มีการดำเนินการตรวจสอบแต่อย่างใด ข้อมูลที่นายพิสิฐชัย นำมาโพสต์ จึงเป็นเรื่องเท็จ

 

ผู้สื่อข่าวถามว่าการที่นายพิสิฐชัยโพสต์ครั้งนี้จะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นเจ้าหน้าที่ทำงานคดีเงินทอนวัดจะทำงานยากหรือไม่ พล.ต.ต.ไมตรี ตอบว่า ไม่ยาก เราทำงานตามปกติ ผิดก็ว่ากันไปตามผิดถูกก็ว่ากันไปตามถูก ไม่มีการละเว้นการปฏิบัติอยู่แล้ว ซักต่อว่าทางวัดที่ถูกนายพิสิฐชัยกล่าวอ้างได้เข้ามาแจ้งความที่กองปราบแล้วหรือยัง. ผบก.ป.เผยว่า ยัง