ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

สืบเนื่องจากกรณีที่ นายจีระพันธ์ เพชรขาว หรือ หมอปลา มือปราบสัมภเวสี และ น.ส.รภัสสรณ์ ฤทธิธนไพบูลย์ หรือ น้ำฟ้า ภรรยา เดินทางไปยังกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เพื่อแจ้งความเอาผิดเพจโซเชียลและสำนักข่าวออนไลน์ หลังถูกกล่าวหาว่าบ้านเป็นเหมือนโรงฆ่าสัตว์ รวมทั้งมีการกล่าวหาว่า น้ำฟ้าเป็นหมอกระเป๋า หิ้วกระเป๋าไปศัลยกรรมแบบไม่ถูกกฎหมาย 

 

เกี่ยวกับเรื่องนี้ ล่าสุด รายการโหนกระแสโดย “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” ในฐานะผู้ดำเนินรายการ ได้เปิดใจ “บี ฟักโกสต์” แอดมินเพจ FuckGhost ฟักโกสต์ : สมาคมต่อต้านสิ่งงมงาย ซึ่งพาผู้เสียหาย “คุณภา” และ “คุณต่าย” นามสมมติ ถึงประเด็นดังกล่าว

 

เดือดสุดชม.นี้!!อดีตFCออกโรงแฉทำไม?เกลียด"หมอปลา"อ้างโดนสารพัดหลอก ฟังชัดๆปมเมียไม่ใช่แพทย์แต่ทำตัวเป็นหมอ หลังเจ้าตัวโวยสนั่นพวกมั่วใส่ร้าย

 

ทางบี ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า “มีผู้เสียหายแจ้งมาทางเพจเกี่ยวกับกรณีการรักษา เขาแจ้งว่าหมอปลาเคยบอกว่าภรรยาเขาโดนคุณไสย จริง ๆ เขาป่วยโรคเยื่อหุ้มสมอง คราวนี้ทำให้ญาติผู้ป่วยเขาเชื่อผิด ๆ ขาดการรักษา แล้วไปรักษาตามความเชื่อที่บ้านหมอปลาจนเขาไม่หาย” หมอปลาบอกว่าคนที่รักษากับเขา เคยผ่านการรักษาวิทยาศาสตร์มาแล้วแต่ไม่หาย เขาเป็นที่พึ่งสุดท้าย 

 

เดือดสุดชม.นี้!!อดีตFCออกโรงแฉทำไม?เกลียด"หมอปลา"อ้างโดนสารพัดหลอก ฟังชัดๆปมเมียไม่ใช่แพทย์แต่ทำตัวเป็นหมอ หลังเจ้าตัวโวยสนั่นพวกมั่วใส่ร้าย


โดยก่อนหน้านั้น หมอปลาเคยยอมรับในรายการหนึ่งว่าเมียของเขาเป็นหมอ “สรุปผมก็ได้ข้อมูลมาว่าเขาไม่ได้เป็นแพทย์ พยายามตีแผ่ไม่อยากให้ผู้ป่วยหลงเชื่อเข้าไปรักษา ก็เหมือนกับหมอเถื่อน และมีภาพที่นำเสนอไป มีภาพฉีดยาให้น้ำเกลือ วันนี้เราพาผู้เสียหายมายืนยัน” ผมมีผู้เสียหายสองคน ที่เคยรับการรักษา ฉีดฟิลเลอร์ ศัลยกรรมต่าง ๆ 

 

เดือดสุดชม.นี้!!อดีตFCออกโรงแฉทำไม?เกลียด"หมอปลา"อ้างโดนสารพัดหลอก ฟังชัดๆปมเมียไม่ใช่แพทย์แต่ทำตัวเป็นหมอ หลังเจ้าตัวโวยสนั่นพวกมั่วใส่ร้าย

 

ขณะที่ภาผู้เสียหาย กล่าวว่า “ตนไปรักษากับหมอปลา เป็นเอฟซี รักและศรัทธามาก ซึ่งในวันนี้ก็เกลียดมากเหมือนกัน พูดได้เต็มปาก เพราะรู้สึกเอาความรักของเราไปทำลายเรา” โดยเริ่มแรกพี่ไปหาหมอปลา ไปมาตั้งแต่ปี 52 ไม่ได้ไปถี่ ไม่ได้ไปพัก ไปมาก็ดีขึ้นนิดหน่อย เพื่อนชวนไป ไปตั้งแต่หมอฟ้ายังไม่มาอยู่”

 

ส่วนหมอฟ้า เขาบอกว่าตัวเขาเองเป็นหมอ เขาทำหน้า ฉีดจมูกให้พี่ เข็มหักคาจมูกสองครั้ง เขาบอกฉีดเสริมดั้ง เขาว่าดั้งพี่หลบ เข็มหักคาจมูก หมอฟ้าเป็นคนฉีด แล้วหมอปลาบอกว่าพี่กรรมเยอะ แฟนพี่ทำของใส่ พี่น้องสามีทำของใส่พวกเรา ตอนนี้มันแย่กว่าตอนนั้น ยืนยันว่าเป็นหมอฟ้าค่ะ ไม่ได้ปรักปรำ เหมือนหมอปลาพูดเมื่อวาน ว่าความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย”

 

ขณะที่ทางด้านต่าย เปิดเผยด้วยว่า มีการซื้อขายรถกันกับหมอฟ้า ซึ่งตนรู้จักก่อนจะรู้จักหมอปลา เคยไปบ้านหมอปลา ก็เห็นหมอฟ้ามีการฉีดยา รักษาคนไข้ เขาก็มีฉีดให้หนู โบท็อกซ์ ร้อยไหม หน้าหนูเสียไปหลายหมื่นค่ะ เก็บตังค์ทุกครั้ง มีหลักฐานค่ะ แล้วต้องไปแก้ เพราะฉีดฟิลเลอร์ที่จมูก เขาพูดกับหนูว่าเขาเป็นหมอ เราก็เชื่อในคำพูดเขา อีกอย่างเราก็เห็นที่หมอปลาบอกในรายการเมื่อ 2 ปีที่แล้วว่าเขาเป็นหมอ มีใบจบ เปิดคลินิก

 

เดือดสุดชม.นี้!!อดีตFCออกโรงแฉทำไม?เกลียด"หมอปลา"อ้างโดนสารพัดหลอก ฟังชัดๆปมเมียไม่ใช่แพทย์แต่ทำตัวเป็นหมอ หลังเจ้าตัวโวยสนั่นพวกมั่วใส่ร้าย

 

ด้านทนายโก้ กล่าวด้วยว่า “ถ้าตามที่เล่าก็เป็นความผิดฐานยักยอกทรัพย์ และลักทรัพย์ที่อยู่ในรถด้วย ก็ไปแจ้งความ เรื่องไม่ได้เงินก็บังคับคดีค่ะ ขั้นตอนต่อไป หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเข้ามาดูแล มันตรวจสอบได้ว่าเป็นหรือไม่เป็น ตามที่ออกรายการถ้าเป็นประโยชน์สาธารณะ ของคุณบีฟักโกสต์ก็กลัวมีความผิด ถ้าเป็นการรักษา มีการเอาเงินด้วย ทำหน้าฉีดหน้า มันเป็นเรื่องความเชื่อ ความเชื่อก็ต้องประกอบกับทางวิทยาศาสตร์และไสยศาสตร์ ปรากฏว่ามีคนตายด้วย”

 

แบ่งเป็นสองส่วน คนแรกคือหมอปลาถูกกล่าวหาจากบีฟักโกสต์ รักษาคนไม่มีความน่าเชื่อถือ สองกล่าวหาคุณน้ำฟ้าว่าเป็นหมอกระเป๋า โดยใช้ฟิลเลอร์สารอะไรต่าง ๆ แอบอ้างเป็นหมอ 

 

เดือดสุดชม.นี้!!อดีตFCออกโรงแฉทำไม?เกลียด"หมอปลา"อ้างโดนสารพัดหลอก ฟังชัดๆปมเมียไม่ใช่แพทย์แต่ทำตัวเป็นหมอ หลังเจ้าตัวโวยสนั่นพวกมั่วใส่ร้าย


อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านั้น หมอปลาเคยพูดถึงประเด็นดังกล่าวว่า คนที่มาหาผม ไปหาหมอวิทยาศาสตร์มาหมดแล้ว เหมือนบ้านผมเป็นที่พึ่งสุดท้าย เขาไม่มีทางออกแล้ว คนพวกนี้ถ้าพ่อแม่ตาย เขาจะอยู่ยังไงในสังคม สิ่งที่เขาต้องการคือวางอนาคตไว้เลยว่าถ้าเขาตาย ไอ้คนที่มีปัญหาจะอยู่ยังไง ให้เราช่วยบำบัด เพื่อให้คนเหล่านี้กลับไปสู่สังคม มีงานทำ ไม่เป็นภาระกับสังคมมากกว่า “เราปกป้องเมีย เพราะเมียไม่ผิด ถ้าไม่รักเมีย จะรักหมาที่ไหน”

 

 

 

 

 

 

 

ขอบคุณที่มา : รายการโหนกระแส