- 16 มิ.ย. 2561
ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th
บทพิสูจน์พระแท้... อยู่ด้วยพระธรรมวินัยไม่ใช่เงิน ล่าสุดพระอาจารย์อารยวังโสได้รับนิมนต์ประชุมพระวินัยร่วมกับองค์ดาไลลามะ
- - - - -
1.ประเด็นร้อน คำสั่งสังคายนาเงิน(ส่วนตัว)พระ
คำกล่าวของท่านอาจารย์พุทธทาสที่ว่า "มุ่งเป็นอยู่อย่างต่ำ เพื่อกระทำอย่างสูง" ย่อมสะท้อนถึงการดำรงชีพชอบ หรือ "สัมมาอาชีวะ" ของสมณะ นักบวชในพุทธศาสนาอันเกี่ยวเนื่องจากกรณีออกระเบียบคำสั่งของสำนักพุทธฯเรื่องเงินๆทองๆของพระจนกลายเป็นประเด็นในสังคมและเป็นที่วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง
ทั้งๆที่คำสั่งดังกล่าว ถือเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ตั้งอยู่ในครรลองของพระธรรมวินัย และสามารถทำได้จริงในทางปฏิบัติสำหรับพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบที่ผู้คนให้ความศรัทธานับถือ
แต่กระนั้นก็มีพระหรือนักบวชอีกจำนวนหนึ่งที่ออกมาต่อต้านกฏระเบียบดังกล่าว เช่น พระมหาไพรวัลย์ หรือพระอาจารย์แดง โดยบอกว่าระเบียบดังกล่าวเป็นการบีบบังคับที่ไม่เข้ากับยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ซึ่งถือว่าเงินเป็นปัจจัยที่สำคัญในการดำรงชีวิตในสมัยปัจจุบัน
กระทั่งบอกว่า เงินมีความจำเป็นต่อการเผยแผ่ศาสนา ถ้าพระไม่มีเงิน ไม่มีปัจจัยจะเอาอะไรไปเผยแผ่ศาสนาเช่น "พระอาจารย์แดง" เจ้าอาวาสวัดถ้ำเขาเต่า ได้จวก พศ. อย่างดุเดือด ห้ามพระรับปัจจัย แต่เวลาเดินทางก็ต้องจ่ายค่ารถ ต้องจ่ายค่าน้ำค่าไฟ แล้วส่วนพวกนี้ใครล่ะจะออกให้
รวมถึงความพยายามสร้างประเด็นให้เข้าใจผิดว่า คำสั่งของสำนักพุทธฯ ห้ามพระรับเงิน หรือห้ามพระจับเงิน หรือห้ามถวายเงินให้พระ เช่น "พระมหาไพรวัลย์" วัดสร้อยทอง ได้เสนอให้ทบทวนเรื่องระเบียบพระห้ามจับเงิน เนื่องจากวิถีชีวิตเปลี่ยนไป และมองว่าการจับเงินนั้นไม่ได้ผิดวินัยร้ายแรงอะไร
2. พระอารยวังโส รับคำสั่งสำนักพุทธฯไม่ขัดพระธรรมวินัย ทำได้จริง
การต่อต้านดังกล่าวข้างต้นปรากฏข้อเท็จจริงที่ถูกบิดเบือนใน 2 ประเด็น
ประเด็นแรกนั้น ระเบียบดังกล่าวไม่ได้ห้ามพระรับเงินแต่ห้ามพระรับเงินหรือทรัพย์อื่นๆเพื่อเก็บเอาไว้เป็น "ทรัพย์สินส่วนตัว" ต่างหาก
ดังนั้นการทำบุญหรือบริจาคทานนั้นพุทธศาสนิกชนยังทำได้ตามปกติเพียงแต่เมื่อถวายปัจจัยหรือบริจาคสิ่งของใดๆให้พระรูปหนึ่งรูปใด พระรูปนั้นจะถือเอาทรัพย์หรือสิ่งของนั้นเป็นของส่วนตัวไม่ได้ ต้องนำเข้ากองกลางเป็นของสงฆ์ทั้งหมด ซึ่งหากมีความจำเป็นต้องใช้ก็ให้ขอต่อที่ประชุมสงฆ์หรือส่วนกลางของวัดมาใช้
ประเด็นที่สอง ไม่ใช่พระทุกรูปจะคัดค้านหรือต่อต้านระเบียบดังกล่าว เพราะมีพระที่ปฏิบัติอยู่แล้วตามระเยียบหรือข้อบังคับดังกล่าวมาเนิ่นนานแล้วด้วยซ้ำ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ระเบียบดังกล่าว ถูกต้องตามพระธรรมวินัย สามารถทำได้จริงในปัจจุบัน และไม่เป็นอุปสรรคต่อการเผยแผ่พระศาสนา
ดังกรณีของ พระอาจารย์อารยวังโส วัดป่าฯลำพูน ซึ่งท่านเป็นผู้นำออกมาสนับสนุนการออกระเบียบดังกล่าวอย่างชัดเจน ดังที่ท่านได้กล่าวว่า
"เมื่อวันที่ ๑๓ มิถุนายนที่ผ่านมาเช่นเดียวกันในช่วงเวลา ๑๖.๓๐ น. อาตมาได้รับหนังสือจากสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ ของคุณพงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์เพื่อเปิดเผยข้อมูลวัดในระบบเกี่ยวกับการจัดการด้านการเงินและบัญชีของวัดต่อสาธารณชน มีสื่อทีวีหลายช่องมาร่วมรับฟัง เมื่อชี้แจงแถลงให้ทราบถึงระบบการจัดการของวัดที่สมภารและคณะสงฆ์ต้องทำงานร่วมกันในเชิงนโยบาย และส่งผ่านไปให้คณะกรรมการฯไวยาวัจกร ผู้เชี่ยวชาญที่มีจิตอาสาในแต่ละด้านดำเนินการไปอย่างเป็นระบบสัมพันธ์กันภายใต้การควบคุมดูแลของคณะสงฆ์ โดยพระภิกษุสงฆ์และสมภารจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวในเชิงธุรกรรมทั้งสิ้น
จึงไม่ปรากฏชื่อพระในบัญชีธนาคาร หลักฐานการเงินทั้งหมดในวัดของอาตมาและในวัดสาขาอีก ๔-๕
แห่งที่ปกครองดูแลพระภิกษุอยู่ โดยยึดหลักข้อเดียวว่า ห้ามพระรับ หรือให้รับ หรือยินดีในการรับ เงิน
ทองของมีค่าทั้งหลาย.... หากมีผู้ประเคนถวายเพื่อเรียกใช้เป็นกัปปิยภัณฑ์จากไวยาวัจกรที่ถือเงินทองของชาวศรัทธาอยู่ ก็สามารถกระทำได้โดยให้เป็นไปตามพระวินัยที่พุทธานุญาตไว้
ดังปรากฏในเภสัชชขันธกะทั้งนี้ให้พระภิกษุยึดมั่นในหลักธรรมมณิจูฬกสูตรที่ทรงแสดงเรื่อง สมณศากยบุตรไม่สมควร.. ไม่ยินดี.. ไม่รับทองเงินด้วยเหตุผลที่ว่า ..ทอง เงิน ควรแก่ผู้ใด เบญจกามคุณควรแก่ผู้นั้น เบญจกามคุณควรแก่ผู้ใด ทองและเงินควรแก่ผู้นั้น
ปัญหาในแวดวงสงฆ์เน่าเหม็นมานานและกว้างไปทั่วจนเกิดพวกทุมมังกุ (หน้าด้าน) ลอยหน้าลอย
ตาใส่จีวรสวย ครองสมณฐานะเป็นถึงชั้นปกครอง.. ด้วยแต่งตั้งกันตามอำนาจอคติธรรม... สถาบัน
พระพุทธศาสนาในประเทศจึงไม่สะอาด สวยงาม ดุจดังในอดีต ..เด็กรุ่นใหม่เห็นพระเดินมาเบ้หน้า.. อุทานว่า พระรับเงินหรือเปล่าวะ..
จึงควรถึงเวลาแล้วที่ควรกล่าวว่า หากสงฆ์ถึงความพรั่งพร้อม ขอพึงกระทำการสังคายนาองค์กรสงฆ์เถิด
เพื่อชำระมลทินในหมู่สงฆ์ให้สิ้นไป!!!
"พระธรรมวินัยที่พระพุทธเจ้าบัญญัตินั้น สามารถทำได้จริงในยุคนี้ ซึ่งตัวพระอาจารย์เองก็ได้กระทำอยู่ ด้วยการไม่รับเงินใดๆ มาเป็นของส่วนตัว ไม่มีบัตรกดเงิน ไม่มีบัญชีธนาคาร ไม่ได้เป็นเจ้าของดินใดๆ แม้แต่แปลงเดียว เป็นเรื่องของญาติโยมทางพุทธศาสนาจะต้องดูแลอย่างถูกต้องกันต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีปัญหา"
3. เป็นพระไม่สะสมเงิน แต่ได้รับเกียรติสูงสุดได้ร่วมประชุมกับองค์ดาไลลามะ
พระอาจารย์อารยวังโส ได้ยกตัวอย่างการจัดการบริหารเงิน และเป็นต้นแบบที่ดีอย่างของ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (อัมพร) "ท่านจะตรัสชัดเจนเลยว่าท่านไม่รับเงิน แต่ให้ท่านพูดพระองค์เดียวยังไม่พอ พวกเราทุกคนต้องร่วมกันพูดด้วย อยากให้ทุกคนช่วยกันสอดส่องดูแล"
และล่าสุด (16 มิ.ย. 2561) นั้น พระอาจารย์อารยวังโส ได้รับนิมนต์จาก องค์กรพุทธศาสนานานาชาติ เพื่อร่วมประชุมด้านพระวินัย ที่นครเดลี ประเทศอินเดีย
โดยในการประชุมดังกล่าวถือว่าไม่ธรรมดาเพราะมี พระสังฆราช องค์ดาไลลามะ และ ผู้นำศาสนา ผู้นำจิตวิญญาณทางศาสนาจากทั่วโลกเข้าร่วมประชุม โดยพระอาจารย์อารยวังโสได้รับนิมนต์เข้าร่วมประชุมในฐานะ ผู้นำจิตวิญญาณทางพุทธศาสนาจากประเทศไทย ที่เป็นที่ยอมรับในฐานะ "กูรู จี" ของชาวอินเดีย
ว่าท่านเป็นผู้เคร่งครัดในพระวินัยอย่างยิ่ง
อันเป็นบทพิสูจน์ว่าพระไม่จำเป็นต้องมีเงินส่วนตัว
และ สิ่งที่จำเป็นแท้จริงสำหรับการเผยแผ่ ประกาศธรรมไม่ใช่ เงิน แต่คือ ธรรมะ