หนีให้ห่าง..หลีกให้ไกล!! ผู้ไม่เป็นมิตร ๑๖ จำพวก "หลวงปู่หา สุภโร"เตือนให้จดจำ ไม่ควรคบหาเป็นมิตร อย่างเด็ดขาด พึงจดจำกันไว้ให้ดี. #คำเตือน

ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

พระญาณวิสาลเถร(หลวงปู่หา สุภโร)

วัดสักกะวัน(ภูกุ้มข้าว) กาฬสินธุ์

 

 

ผู้ไม่เป็นมิตร มี ๑๖ จำพวก คือ

๑.ไม่แสดงความพอใจ ในเมื่อเห็นผู้อื่น เหมือนกับเพื่อนของตัวหรือเห็นเพื่อนของตัวหรือเห็นเพื่อนของตัวแท้

๒.ไม่ทำตามถ้อยคำที่พูดไว้กับเพื่อน

๓.ไม่ดูแลตามเพื่อนในเวลาเพื่อนกลับ

๔.กล่าวถ้อยคำให้เป็นศัตรูต่อเพื่อน

๕.คบศัตรูของเพื่อน

๖.ไม่คบมิตรของเพื่อน

๗.ห้ามไม่ให้ผู้อื่นสรรเสริญเพื่อน

๘.ชอบใจผู้ที่ติเตียนเพื่อน

 

 

หนีให้ห่าง..หลีกให้ไกล!! ผู้ไม่เป็นมิตร ๑๖ จำพวก "หลวงปู่หา สุภโร"เตือนให้จดจำ ไม่ควรคบหาเป็นมิตร อย่างเด็ดขาด พึงจดจำกันไว้ให้ดี. #คำเตือน

หลวงปู่หา สุภโร

 

 

๙.ไม่บอกความลับของตัวแก่เพื่อน

๑๐.ไม่ปกปิดความลับของเพื่อน

๑๑.ไม่สรรเสริญ การงานของเพื่อน

๑๒.ไม่สรรเสริญ ปัญญาของเพื่อน

๑๓.ยินดีต่อความพินาศของเพื่อน

๑๔.ไม่ยินดีต่อความสรรเสริญของเพื่อน

๑๕.ไม่ระลึกถึงเพื่อนในเวลากินของอร่อย

๑๖.เมื่อได้ดีแล้วไม่ช่วยเพื่อน ส่วนผู้เป็นมิตร ก็มีลักษณะ ๑๖.อย่างตรงกันข้ามกับที่ว่ามาแล้ว

 

 

หนีให้ห่าง..หลีกให้ไกล!! ผู้ไม่เป็นมิตร ๑๖ จำพวก "หลวงปู่หา สุภโร"เตือนให้จดจำ ไม่ควรคบหาเป็นมิตร อย่างเด็ดขาด พึงจดจำกันไว้ให้ดี. #คำเตือน

หลวงปู่หา สุภโร

 

 

หนีให้ห่าง..หลีกให้ไกล!! ผู้ไม่เป็นมิตร ๑๖ จำพวก "หลวงปู่หา สุภโร"เตือนให้จดจำ ไม่ควรคบหาเป็นมิตร อย่างเด็ดขาด พึงจดจำกันไว้ให้ดี. #คำเตือน

หลวงปู่หา สุภโร

 

เช่าพระคลิ๊กที่นี่
เช่าพระที่นี่

 

พระญาณวิสาลเถร (หา สุภโร) หรือ หลวงปู่ไดโนเสาร์ พระภิกษุในพุทธศาสนานิกายเถรวาท คณะธรรมยุตินิกาย ชาวจังหวัดกาฬสินธุ์ เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญ ในราชทินนามตามสัญญาบัตรว่า พระญาณวิสาลเถร เจ้าอาวาสวัดสักกะวัน (ภูกุ้มข้าว) ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ และอดีตรองเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์เป็นพระเถราจารย์ผู้ปฏิบัติตามพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด เป็นที่น่าเคารพสักการบูชาของบรรดาศิษยานุศิษย์ ซึ่งเป็นที่ประจักษ์แก่พุทธศาสนิกชนทุกหมู่เหล่า และได้ค้นพบกระดูกไดโนเสาร์ ทำให้มีการขุดค้น โดยเป็นแหล่งไดโนเสาร์กินพืชที่สมบูรณ์ที่สุดของประเทศไทยและยังมีการสร้างพิพิธภัณฑ์สิรินธร บริเวณที่ขุดค้นพบอีกด้วย

 

 

หนีให้ห่าง..หลีกให้ไกล!! ผู้ไม่เป็นมิตร ๑๖ จำพวก "หลวงปู่หา สุภโร"เตือนให้จดจำ ไม่ควรคบหาเป็นมิตร อย่างเด็ดขาด พึงจดจำกันไว้ให้ดี. #คำเตือน

หลวงปู่หา สุภโร

 

 

พระญาณวิสาลเถร (หลวงปู่หา สุภโร) ท่านมีนามเดิมว่า หา ภูบุตตะ เกิดวันศุกร์ที่ ๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๖๘ ตรงกับวันขึ้น ๑๐ ค่ำ เดือน ๘ ปีฉลู ที่บ้านนาเชือก ตำบลเว่อ (ปัจจุบันเป็นตำบลนาเชือก) อำเภอยางตลาด (ปัจจุบันเป็นอำเภอเมือง) จังหวัดกาฬสินธุ์ บิดาชื่อ นายสอ ภูบุตตะ มารดาชื่อ นางบัวลา ภูบุตตะ มีพี่น้องรวมกัน ๗ ท่าน

 

 

หนีให้ห่าง..หลีกให้ไกล!! ผู้ไม่เป็นมิตร ๑๖ จำพวก "หลวงปู่หา สุภโร"เตือนให้จดจำ ไม่ควรคบหาเป็นมิตร อย่างเด็ดขาด พึงจดจำกันไว้ให้ดี. #คำเตือน

หลวงปู่หา สุภโร

 

 

ท่านถือกำเนิดในตระกูลที่มีฐานะดีในหมู่บ้านนาเชือก ซึ่งอพยพมาจากจังหวัดอุบลราชธานี มีฝูงวัวมากกว่า ๓๐ ตัว มีที่นากว่า ๖๐ ไร่ มารดาเลี้ยงหม่อนเป็นจำนวนมาก ซึ่งถือว่าเป็นครอบครัวที่มีฐานะมั่นคงที่สุดในแถบนั้น เมื่อท่านเป็นฆราวาส ท่านมีความขยันหมั่นเพียร และความอุตสาหะ ท่านช่วยโยมบิดามารดาทำงานทุกอย่าง ท่านได้สำเร็จการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ ที่โรงเรียนวัดบ้านนาเชือกเหนือ ตำบลนาเชือก อำเภอยางตลาด จังหวัดกาฬสินธุ์

 

 

หนีให้ห่าง..หลีกให้ไกล!! ผู้ไม่เป็นมิตร ๑๖ จำพวก "หลวงปู่หา สุภโร"เตือนให้จดจำ ไม่ควรคบหาเป็นมิตร อย่างเด็ดขาด พึงจดจำกันไว้ให้ดี. #คำเตือน

หลวงปู่หา สุภโร

 

 

ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ ๒ ท่านก็ได้รับการคัดเลือกให้เป็นทหารอาสาเพื่อไปร่วมรบในสงคราม และท่านได้เข้ารับการฝึกซ้อมรบ ภายหลังก่อนที่ท่านจะไปในสงครามจริงๆ สงครามโลกครั้งที่ ๒ ก็ได้ยุติลงก่อนในปี พ.ศ. ๒๔๘๘ ครั้งนึงท่านชอบการต่อยมวยมาก ท่านชอบไปต่อยมวยตามงานวัดต่างๆ ในเวลาว่างจากการทำนาและงานอื่น แต่โยมบิดาของท่านไม่ชอบที่ท่านเป็นนักมวยนัก พอช่วงอายุประมาณ ๒๐ ปี คุณยายของท่านก็ได้ปรารภกับท่านว่าอยากจะให้ท่านบวชให้คุณยายของท่านหน่อย อันเป็นที่มาของการออกบวชภายใต้ร่มกาสาวพัสตร์ในบวรพระพุทธศาสนา

 

 

ท่านอุปสมบท เมื่ออายุย่างเข้า ๒๑ ปี ที่สิมน้ำ ณ วัดสว่างนิวรณ์นาแก ตำบลนาเชือก อำเภอยางตลาด จังหวัดกาฬสินธุ์ โดยมีหลวงปู่ลือ เป็นพระอุปัชฌาย์ สังกัดมหานิกาย เมื่อท่านบวชแล้วก็มาอยู่ที่วัดสุวรรณชัยศรี ตำบลนาเชือก อำเภอยางตลาด จังหวัดกาฬสินธุ์ ในปี พ.ศ. ๒๔๘๙ ขณะนั้นที่นั่นการปกครองในคณะสงฆ์ยังไม่ทั่วถึงมากนัก การบวชของคณะธรรมยุตและคณะมหานิกายยังไม่มีการแยกจากกัน ยังคงใช้พระอุปัชฌาย์องค์เดียวกัน

 

 

หนีให้ห่าง..หลีกให้ไกล!! ผู้ไม่เป็นมิตร ๑๖ จำพวก "หลวงปู่หา สุภโร"เตือนให้จดจำ ไม่ควรคบหาเป็นมิตร อย่างเด็ดขาด พึงจดจำกันไว้ให้ดี. #คำเตือน

หลวงปู่หา สุภโร

 

 

ในปี พ.ศ. ๒๔๙๐ ทางคณะสงฆ์ได้ประกาศว่า พระอุปัชฌาย์สังกัดนิกายอะไรผู้บวชก็ต้องสังกัดนิกายนั้น พระครูประสิทธิ์สมณญาณ จนฺโทปโม เจ้าอาวาสวัดสุวรรณชัยศรี (ศิษย์อุปัฏฐากหลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต สมัยท่านจำพรรษาอยู่แถบจังหวัดเชียงใหม่) ซึ่งเป็นพระอาจารย์ของท่านจึงได้ขึ้นไปอบรมการเป็นพระอุปัชฌาย์ของคณะธรรมยุต ต่อมาเมื่อท่านอายุ ๒๒ ปี ท่านได้ญัติติเป็นธรรมยุต ที่สิมน้ำ ณ วัดบ้านหนองโจด (ปัจจุบันเป็นที่นาชาวบ้าน) ตำบลนาเชือก อำเภอยางตลาด จังหวัดกาฬสินธุ์ เมื่อ วันที่ ๒๑ เดือน กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๙๐ เวลา ๑๓.๐๐ น. โดยมีพระครูประสิทธิ์สมณญาณ เป็นพระอุปัชฌาย์ มีพระครูปลัดอ่อน ขนฺติโก เป็นพระกรรมวาจาจารย์ มีพระใบฎีกาทองสุข สุจิตฺโต เป็นพระอนุสาวนาจารย์ มีฉายา ว่า “สุภโร” แปลว่า “ผู้เลี้ยงง่าย”

 

 

หนีให้ห่าง..หลีกให้ไกล!! ผู้ไม่เป็นมิตร ๑๖ จำพวก "หลวงปู่หา สุภโร"เตือนให้จดจำ ไม่ควรคบหาเป็นมิตร อย่างเด็ดขาด พึงจดจำกันไว้ให้ดี. #คำเตือน

หลวงปู่หา สุภโร

 

 

เมื่อท่านยังเป็นพระนวกะ (ผู้บวชใหม่) ปี พ.ศ. ๒๔๙๔ ได้จำพรรษาที่วัดสุวรรณชัยศรี จนสอบได้นักธรรมชั้นตรี และ ในปีพ.ศ. ๒๔๙๕ สอบได้นักธรรมชั้นโทที่วัดขวัญเมือง จังหวัดกาฬสินธุ์ และในปีพ.ศ. ๒๔๙๗ ได้มีโอกาสศึกษาต่อที่วัดนรนาถสุนทริการาม กรุงเทพมหานคร จนสำเร็จนักธรรมชั้นเอก ท่านได้มีโอกาสอุปัฏฐากท่านเจ้าประคุณสมเด็จมหามุนีวงศ์ (สนั่น จนฺทปชฺโชโต) และด้วยความที่ท่านมีนิสัยใฝ่เรียนรู้ ท่านจะเรียนบาลีเป็นประจำทุกวัน เมื่อเว้นว่างจากการเรียนบาลีแล้ว ท่านก็จะเดินทางด้วยเท้าเปล่าเพื่อไปเรียนกรรมฐานจากพระธรรมมงคลญาณ (วิริยังค์ สิรินธโร) วัดธรรมมงคล และพระสุทธิธรรมรังสีคัมภีรเมธาจารย์ (ลี ธมฺมธโร) ที่วัดบรมนิวาส

 

 

เมื่อเรียนไปได้สักระยะหนึ่ง ท่านเริ่มอาพาธด้วยโรคดีซ่าน การเรียนทั้งปริยัติและปฏิบัติจึงได้ระงับไว้ก่อน เมื่ออาการหนักมากจนถึงขั้นต้องนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลสงฆ์ถึง ๓ เดือน โดยไม่มีท่าทีว่าจะหาย หรือดีขึ้นเลย ท่านจึงทอดอาลัยในชีวิต แล้วตั้งความปรารถนาขอใช้ชีวิตที่เหลือในการรับใช้พระศาสนาให้สมกับที่เป็นผู้อุทิศตนต่อชาวโลก โดยท่านได้ตั้งสัตยาธิษฐาน ที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้วมรกต) ว่า “หากข้าพเจ้าจะมีชีวิตในการบวช ขอให้โรคหาย ถ้าหากจะไม่มีชีวิตแล้ว ขอให้ตายกับผ้าเหลือง” ท่านมีความคิดว่าหากได้บวชอยู่นานๆ จะได้ทำประโยชน์ในพระศาสนาให้สมกับที่เป็นผู้อุทิศตนต่อชาวโลก จากนั้นท่านจึงเดินทางกลับมาที่บ้านเกิดเพื่อตั้งต้นดำเนินภารกิจดังที่ตั้งปณิธานไว้ และได้ตั้งสัตยาธิษฐานอีกครั้งหนึ่งว่า “ขอให้ได้อยู่ป่าทำความสงบสบายทางจิต”

 

 

หนีให้ห่าง..หลีกให้ไกล!! ผู้ไม่เป็นมิตร ๑๖ จำพวก "หลวงปู่หา สุภโร"เตือนให้จดจำ ไม่ควรคบหาเป็นมิตร อย่างเด็ดขาด พึงจดจำกันไว้ให้ดี. #คำเตือน

หลวงปู่หา สุภโร

 

 

ด้วยอานิสงส์แห่งการอุทิศตนเพื่อพระพุทธศาสนา ในขณะนั้นท่านก็ได้รับการรักษาจากหมอพื้นบ้าน และการอบรมทางใจจากการปฏิบัติสมาธิกรรมฐานเข้าช่วยเหลือ จึงเป็นผลให้อาการของโรคทุเลาลงจนหายขาดในที่สุด เมื่อหายเป็นปกติแล้วท่านจึงออกเที่ยวปฏิบัติรุกขมูล หาความวิเวกทางกายและใจออกธุดงค์ไปยังภาคต่างๆ ในประเทศไทยแทบทุกจังหวัด ไปทุกมุมเมืองในภาคอีสาน และข้ามไปยังฝั่งลาว ไปถึงนครเวียงจันทน์ถึงสองครั้ง เข้ากัมพูชา จนเห็นผลทางจิตอันแน่นอนแล้ว ท่านจึงกลับมาช่วยงานพระศาสนาดังปฐมปณิธาน

 

 

อ่านเพิ่มเติม...  คาถาแคล้วคลาด "พ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์"

 

 

ขอขอบพระคุณท่านเจ้าของภาพ เจ้าของบทความ และที่มาเนื้อหาข้อมูล

หนังสือบันทึกธรรมะเล่มที่ ๑

พระญาณวิสาลเถร(หลวงปู่หา สุภโร)

วัดป่าคลองกุ้ง จันทบุรี

https://th.wikipedia.org