หยุดมโน ตอกหน้าเพจแดง!! “KonthaiUk”กุเรื่อง”เงินภาษี”ซื้อเครื่องบิน “การบินไทย”แจ้งหาแหล่งทุนเอง ไม่ได้พึ่งพางบฯรัฐ

ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

จากกรณีที่เพจ  “KonthaiUk” ได้เสนอข้อมูลเท็จ เมื่อวันที่13 ก.ค. ที่ผ่านมาหลังจาก กระทรวงคมนาคมเตรียมเสนอขออนุมัติให้ 'การบินไทย' จัดซื้อเครื่องบินใหม่ ทดแทนเครื่องบินลำเก่า วงเงิน 1 แสนล้านบาท เโดยระบุว่า..

 

เอาเงินใครจ่ายเห็นเจ๊งทุกปี

ก็เงินภาษีของคนไทยจ่าย

เคยมีใครได้บินฟรีกันสักครั้งไหมวะ

ชงครม. ก.ย. ไฟเขียวการบินไทยซื้อเครื่องบินใหม่ 23 ลำ กว่าแสนล้าน

 

หยุดมโน ตอกหน้าเพจแดง!! “KonthaiUk”กุเรื่อง”เงินภาษี”ซื้อเครื่องบิน “การบินไทย”แจ้งหาแหล่งทุนเอง ไม่ได้พึ่งพางบฯรัฐ

จนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆเป็นจำนวนมาก ต่อมาเมื่อวันที่14 ก.ค. ทางด้านนางอุษณีย์ แสงสิงแก้ว รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ชี้แจงว่า โครงการจัดหาเครื่องบินของ บริษัท การบินไทยฯ เป็นแผนการจัดหาเครื่องบิน ปี 2561-2565 จำนวน 23 ลำ ซึ่งเป็นการจัดหาเพื่อทดแทนเครื่องบินเก่าที่มีอายุใช้งานมากกว่า 20 ปี 

 

และจะต้องปลดระวางตามแผนปฏิรูปองค์กร ซึ่งแผนดังกล่าวได้ผ่านการพิจารณาเห็นชอบจากกระทรวงคมนาคมแล้ว และจะนำเสนอต่อคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และเสนอต่อคณะรัฐมนตรีต่อไปนั้น จากการที่บริษัทฯ เป็นบริษัทมหาชนที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ บริษัทฯ ไม่ได้ใช้งบประมาณของภาครัฐ ซึ่งเป็นเงินภาษีของประชาชนมาใช้ในการจัดซื้อเครื่องบิน ซึ่งบริษัทฯ ได้ดำเนินธุรกิจโดยไม่ได้พึ่งพางบประมาณของภาครัฐ 

 

และรัฐบาลก็มิได้มีการจัดสรรงบประมาณให้กับบริษัท การบินไทยฯ แต่อย่างใด อนึ่ง การจัดหาเงินทุนของโครงการจัดหาเครื่องบินดังกล่าว บริษัทฯ อยู่ระหว่างการหารือกับที่ปรึกษาด้านการเงิน เพื่อช่วยพิจารณาการจัดหาแหล่งเงินทุนที่เหมาะสมกับสถานะของบริษัทฯ

 

 

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่11 ก.ค. ”ฐานเศรษฐกิจ”ได้เปิดเผยบทสัมภาษณ์ ของ แหล่งข่าวระดับสูงจากการบินไทย ถึงแผนการลงทุนจัดซื้อเครื่องบินใหม่ 23 ลำไว้อย่างละเอียด มีเนื้อหาทั้งหมดดังต่อไปนี้

 

แผนการลงทุนจัดซื้อเครื่องบินใหม่ 23 ลำ มูลค่าการลงทุนไม่เกิน 1 แสนล้านบาท เป็นกรอบลงทุนที่เป็นการลงทุนในการจัดซื้อเครื่องบินรวมเครื่องยนต์และอุปกรณ์ภายในเครื่องบิน เป็นแผนลงทุน 5 ปี (2561-2565) ซึ่งขอยืดหยุ่นให้การบินไทยสามารถจัดซื้อเครื่องบินได้ทั้งเครื่องบินลำตัวกว้างและลำตัวแคบ ที่เหมาะสมตามแผนการขยายเน็ตเวิร์คของการบินไทยในช่วง 5 ปีนี้ ซึ่งตามแผนการใช้เครื่องบินจะโฟกัสที่จุดบินของการบินไทยในปัจจุบันเป็นหลักและแผนที่อยากจะขยายในช่วง 5 ปีนี้ (ยังไม่รวมแผนเปิดจุดบินไปสหรัฐอเมริกา) แทนที่จะระบุว่า ต้องนำมาทดแทนเครื่องบินที่จะปลดระวาง 19 ลำ ซึ่งเป็นเครื่องบินพิสัยไกล 17 ลำ และเครื่องบินลำตัวแคบ 2 ลำ

 

"การยืดหยุ่นเช่นนี้จะทำให้การบินไทยสามารถซื้อเครื่องบินมาทดแทนเครื่องบินที่จะปลดระวาง 19 ลำ และยังอาจทำให้การบินไทยมีเครื่องบินมาใช้งานได้เพิ่มขึ้น และแผนดังกล่าวจะเป็นกรอบการลงทุนเฉพาะในส่วนของการบินไทย ไม่รวมการจัดหาเครื่องบินของไทยสมายล์ จำนวน 9 ลำ ที่จะไม่นำมารวม เพราะเป็นการต่อสัญญาการเช่าเครื่องบินเท่านั้น จากจำนวนเครื่องบินที่จะปลดระวางทั้งหมด 28 ลำ ซึ่งเป็นของการบินไทย 19 ลำ เป็นเครื่องบินพิสัยไกล 17 ลำ และเครื่องบินลำตัวแคบ 2 ลำ ส่วนอีก 9 ลำเป็นเครื่องบินบินลำตัวแคบ ที่เป็นการเช่าดำเนินการสำหรับสายการบินไทยสมายล์"

 

ส่วนกรอบที่ขออนุมัติไป จะเป็นแค่พิสัยของเครื่องบินที่มีทั้งลำตัวแคบและกว้าง ยังไม่ได้ระบุรุ่นเครื่องบินที่จัดซื้อ เพราะการจัดซื้อที่จะเกิดขึ้นเป็นสเต็ปต่อไปหลังจาก ครม. อนุมัติ ซึ่งการจะซื้อเครื่องบินรุ่นใดของแอร์บัส หรือ โบอิ้ง จะพิจารณาจากใครที่ยื่นข้อเสนอที่ดีที่สุดให้การบินไทย และต้องเป็นเครื่องบินนิวเจเนอเรชั่นมีเทคโนโลยีทันสมัย เช่น เครื่องบินพิสัยไกล อาทิ แอร์บัส 350-1000 และโบอิ้ง787-10

 

อย่างไรก็ตาม จากการจัดหาฝูงบินที่เกิดขึ้น ทำให้การบินไทยเตรียมการเสนอขายตราสารหนี้ประเภทหุ้นกู้ และหรือหุ้นกู้ที่มีลักษณะคล้ายทุน (ตราสารหนี้ฯ) จำนวน 8 หมื่นล้านบาท ระยะเวลา 5 ปี (2561-2565) สำหรับนำไปใช้คืนหุ้นกู้ที่ครบกำหนดและหรือใช้คืนหุ้นเงินกู้ วงเงิน 4 หมื่นล้าน โดยจะใช้คือในปี 2561 วงเงิน 1 หมื่นล้านบาท ปี 2562 วงเงิน 9 พันล้านบาท ปี 2563 วงเงิน 6 พันล้านบาท ปี 2564 วงเงิน 6 พันล้านบาท และปี 2565 วงเงิน 9 พันล้านบาท และแผนจัดหาฝูงบินใหม่ ที่ต้องเตรียมการรองรับการจ่ายค่ามัดจำในล็อตแรก ที่คาดว่าหลังจากการสั่งซื้อเครื่องบิน จะต้องใช้เวลาราว 14-28 เดือน ในการรับมอบเครื่องบิน ซึ่งคาดว่าจะทยอยรับมอบเครื่องบินลำแรกได้ในช่วงไตรมาสแรก ปี 2563

 

ทั้งนี้เมื่อช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่าน จากกรณีปฏิบัติการรวบผู้แชร์ข่าวบิดเบือนเพื่อทำลายความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลและเศรษฐกิจตามนโยบายของรัฐบาล และได้ทำการออกหมายจับ "นางวัฒนา เอ็บเบจช์ หัวขบวนเพจ KonthaiUk"  ซึ่งมีถิ่นพำนักอยู่ที่เมืองลอนดอน ประเทศอังกฤษ ตามฐานความผิด พ.ร.บ.คอมพ์ จากการปั้นข่าว “เรือเหาะ - ดาวเทียม 91,200 ล้าน!”  เรียกเสียงฮือฮาได้เป็นอย่างดี