- 13 ส.ค. 2561
"นายกฯ" แนะภาคเกษตรปรับตัวรับมือความเปลี่ยนแปลง ซึ่งอาจทำให้ผลผลิตมีราคาตกต่ำได้ ระบุปัญหาหลักของภาคเกษตร คือต้นทุนการผลิตสูง เกษตรกรมีหนี้สินในระบบ-นอกระบบ ขอทุกฝ่ายร่วมมือแก้ปัญหาอย่างจริงจัง
"นายกฯ" แนะภาคเกษตรปรับตัวรับมือความเปลี่ยนแปลง ซึ่งอาจทำให้ผลผลิตมีราคาตกต่ำได้ ระบุปัญหาหลักของภาคเกษตร คือต้นทุนการผลิตสูง เกษตรกรมีหนี้สินในระบบ-นอกระบบ ขอทุกฝ่ายร่วมมือแก้ปัญหาอย่างจริงจัง
วันนี้ (13 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า "พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา" นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงราคาพืชผลทางการเกษตรโดยเฉพาะข้าวว่า ในช่วงนี้มีราคาดี เพราะต่างประเทศประสบภัยธรรมชาติ จึงมีความต้องการสินค้าข้าวสูง แต่หากในปีต่อไป เราปลูกข้าวมากขึ้นจนเกินความต้องการของตลาด ก็จะทำให้ราคาตกต่ำลงอีกเป็นวัฏจักร
นายกฯ เน้นย้ำว่า ปัญหาหลักของภาคการเกษตร คือต้นทุนการผลิตสูง เกษตรกรมีหนี้สินทั้งในระบบและนอกระบบ ทำให้ต้องขายที่ดินให้นายทุน และเช่าที่เพื่อทำกิน สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นมาอย่างยาวนาน รัฐบาลจึงอยากให้ทุกฝ่ายหันมาร่วมกันแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ยังระบุด้วยว่า จุดอ่อนของการทำการเกษตรแบบอิสระ คือ การแบกรับภาระต้นทุนที่สูง และเมื่อต่างคนต่างทำ จึงขายไม่ได้ เพราะตลาดไม่ต้องการ แต่หากมีการรวมกลุ่มผลิตสินค้าที่สอดคล้องกับตลาดก็จะทำให้ขายได้ จึงต้องมีการรวมกลุ่มเป็นสหกรณ์ วิสาหกิจชุมชน หรือเกษตรแปลงใหญ่ เพื่อลดต้นทุน เพิ่มปริมาณและคุณภาพ สร้างอำนาจต่อรองให้แก่ตนเอง รวมทั้งทำไร่นาสวนผสม ลดปริมาณพืชที่ปลูกอยู่เพียงชนิดเดียวไปปลูกพืชอื่นทดแทน และเลี้ยงสัตว์เป็นรายได้เสริม
"ผลผลิตทางการเกษตรชนิดอื่น เช่น มันสําปะหลัง อ้อย ยางพารา สับปะรด ฯลฯ ทุกอย่างใช้หลักการเดียวกัน หากประสบปัญหาราคาตกต่ำ และรัฐบาลต้องรับซื้อในราคาสูง เมื่อขายไม่ได้ก็ยิ่งขาดทุน และกระทบต่องบประมาณของประเทศ ดังนั้น ทุกคนจะต้องช่วยกันเพื่อให้เกษตรกรมีชีวิตที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน“ นายกรัฐมนตรี ระบุ