จากอดีตถึงปัจจุบัน กับคดีสะเทือนขวัญรถรับ-ส่งนักเรียน บทเรียนที่แก้ไม่ตรงจุด

   จากกรณีเมื่อเย็นวันที่ 15 ส.ค. 2561 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านใหม่ได้รับแจ้ง เหตุลืมเด็กอนุบาลไว้ในรถตู้รับส่งนักเรียน จึงรีบรุดไปยังจุดเกิดเหตุพบศพเด็กหญิง วัย 3 ขวบ เสียชีวิต

 

     จากกรณีเมื่อเย็นวันที่ 15 ส.ค. 2561 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านใหม่ได้รับแจ้ง เหตุลืมเด็กอนุบาลไว้ในรถตู้รับส่งนักเรียน จึงรีบรุดไปยังจุดเกิดเหตุพบศพเด็กหญิง วัย 3 ขวบ เสียชีวิต ภายในรถตู้ ทะเบียน นข1612 นราธิวาส เป็นรถตู้รับส่งนักเรียนใน อ.สายบุรี  พื้นที่โรงเรียนบำรุงมุสลีมีน ม.1 ต.ตะบิ้ง อ.สายบุรี จ.ปัตตานี ทราบชื่อภายหลังคือ เด็กหญิงนูรนาเดีย มะ เป็นนักเรียนชั้นอนุบาล 1 โรงเรียนบำรุงมุสลีมีน สภาพศพมีเลือดไหลออกทางจมูก เสื้อผ้าเลอะทั้งตัวนอนเสียชีวิตอยู่ที่เบาะหลังสุดของรถตู้ จากผลชันสูตรโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสายบุรี พบว่าเด็กขาดอากาศหายใจ

          ก่อนเกิดเหตุแม่ของเด็กหญิงนูรนาเดีย ได้ส่งลูกไปโรงเรียนกับคนขับรถตู้รับ-ส่งนักเรียนในช่วงเช้า โดยในวันนั้นไม่มีครูพี่เลี้ยงนั่งไปด้วย ตกเย็นได้ขี่จยย.ไปรับ ครูบอกว่าเด็กหญิงนูรนาเดีย นั้นไม่ได้มาโรงเรียนจึงทำให้ผู้เป็นแม่นั้นสงสัยว่าลูกสาวของตนหายไปไหน ตอนนั้นเองครูผู้สอนเกิดเอะใจจึงได้โทรหาครูผู้ช่วยเพื่อทำการเปิดรถตู้เนื่องจากสงสัยว่าเด็กหญิงนูรนาเดีย นั้นยังติดอยู่ในรถ เมื่อเปิดประตูรถเข้าไปจึงเจอศพของเด็กหญิงนูรนาเดีย ด้านคนขับรถตู้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวมารับทราบข้อกล่าวหาคือ นายอาหะมะ สารอเอง อายุ 23 ปี เบื้องต้นตั้งข้อหากระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงกับความตาย

 

จากอดีตถึงปัจจุบัน กับคดีสะเทือนขวัญรถรับ-ส่งนักเรียน บทเรียนที่แก้ไม่ตรงจุด

 

 

    จากกรณีดังกล่าวนับเป็นคดีที่ 2 ของปี 2561 ต่อจากคดีของน้องแยม เด็กหญิงวัย 5 ขวบ ที่ครูพี่เลี้ยงเผลอลืมเด็กไว้ทั้งที่นั่งอยู่ด้านหน้าคนขับในรถรับส่งนักเรียน จนกลายเป็นคดีสะเทือนขวัญแห่งปีเกี่ยวกับเด็กนักเรียนที่ผู้ปกครองต้องกลับมาตระหนักคิดถึงความปลอดภัยในบุตรหลานของตนเมื่อส่งขึ้นรถตู้ไป แต่ปฎิเสธไม่ได้ว่าคดีทั้งหมดเกิดจากความประมาทของคนขับ ไปจนถึงครูพี่เลี้ยงเองหากตรวจสอบอย่างดีเหตุการณ์เช่นนี้จะไม่เกิด ซึ่งในแต่ละครั้งเมื่อมีการสูญเสียสร้างความโศกเศร้าให้กับครอบครัวเหยื่อและสะเทือนใจแก่ผู้ที่ได้ทราบข่าว

 

      ทั้ง 2 เหตุการณ์นี้ถือเป็นเพียงส่วนหนึ่งที่เคยเกิดขึ้นเท่านั้น ยังมีอีกหลายคดีที่เกี่ยวกับการรับส่งของรถตู้นักเรียน ที่มีความประมาท เช่นวันที่ 31 ก.ค. 2560 ครอบครัวของ เด็กชายชนะชัย คงผล หรือน้องกาก้า อายุ 6 ขวบ ได้สูญเสีย น้องกาก้าไปจากการที่คนขับลืมน้องไว้ในรถ ทำให้ขาดอากาศหายใจ จนแพทย์สุดยื้อแม้จะพยายามอย่างเต็มที่ และอีกเหตุการณ์กับคลิปเด็กหญิงพลัดตกจากรถตู้ ในปี 2559 แต่ยังถือว่าโชคดี ที่เด็กหญิงไม่ได้รับอันตรายใดๆ แต่ที่คลิปโด่งดังเนื่องจากมีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งนำคลิปของเด็กหญิงขณะตกจากรถตู้รับส่งนักเรียน มาโพสต์ไว้ จนมีการแชร์ส่งต่อเป็นวงกว้างนำมาซึ่งการสืบสวนและเอาผิดคนขับรถตู้

 

จากอดีตถึงปัจจุบัน กับคดีสะเทือนขวัญรถรับ-ส่งนักเรียน บทเรียนที่แก้ไม่ตรงจุด

 

 

      จากคดีเกี่ยวกับรถตู้รับส่งนักเรียนที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งทำให้หลายโรงเรียนกลับมาคิดจนมีการจัดกิจกรรมเสริมอยู่ช่วงหนึ่ง ให้เด็กสามารถช่วยเหลือตัวเองได้เมื่อติดอยู่ในรถตู้เพียงลำพัง พร้อมสาธิตวิธีปลอดล็อกประตูรถด้วยตัวเองอย่างง่าย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องเศร้าขึ้น แต่นั่นเป็นเพียงช่วงแรกๆ เท่านั้นเมื่อเกิดข่าวเด็กติดรถขึ้นมา

       ปัจจุบันกรมการขนส่งทางบก (ขบ) เข้ามาดูแลเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยของรถตู้ โรงเรียนหรือรถรับส่งนักเรียนมากขึ้นพร้อมออกกฎหมายภายใต้ พ.ร.บ.ขนส่งทางบก พ.ศ.2522 กำหนดให้ผู้ประกอบการรถรับส่งนักเรียนที่มีที่นั่งเกินกว่า 12 ที่นั่ง (รถบัส) ต้องมายื่นขอจดทะเบียนขอใบอนุญาตประกอบขนส่งนักเรียนเป็นการเฉพาะ พร้อมทั้งต้องติดตั้งอุปกรณ์ความปลอดภัยประจำรถด้วย แต่กฎหมายยังไม่ได้ครอบคลุมถึงรถขนาดเล็กที่มีที่นั่งน้อยกว่า 12 ที่นั่ง คือ รถตู้ และรถกระบะ ที่มักเกิดปัญหาขึ้นบ่อยครั้ง หากทำผิดจะมีโทษทางกฎหมายตามพ.ร.บ.ขนส่งทางบก พ.ศ.2522 ข้อหาใช้รถผิดประเภท และไม่มีใบอนุญาตประกอบการขนส่ง มีโทษหนักจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาทถึง 1 แสนบาท หรือทั้งจำ ทั้งปรับ ส่วนกรณีฝ่าฝืนไม่ติดตั้งอุปกรณ์ความปลอดภัยในตัวรถ หากตรวจพบมีโทษปรับไม่เกิน 5 พันบาท

         ส่วนในเรื่องการลงโทษของผู้ขับรถตู้รับส่งนักเรียนหากมีการตายเกิดขึ้นนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจะตั้งข้อหาประมาทและกระทำการให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย มีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี และปรับไม่เกิน 2 หมื่น ถือเป็นความผิดคดีอาญาไม่สามารถยอมความได้
   
      คดีเกี่ยวกับรถตู้รับส่งนักเรียนที่เกิดขึ้นถึงแม้จะมีกฎหมายระบุโทษของคนขับรถตู้ไว้ แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่สามารถเอาผิดในข้อหาได้โดยตรง จนบางครั้งคดีความต้องเงียบลง ฝากถึงผู้มีส่วนเกี่ยวข้องช่วยเป็นหูเป็นตา ใส่ใจในหน้าที่ให้มากขึ้นเพราะคงไม่มีใครอยากให้ศพต่อไปเป็นลูกหลานหรือคนที่คุณรัก