สาวโคราชฉุนหนัก แจ้งความโดนโจรฉกไก่ ตร.ไล่ไปหาผญบ. ตัดสินใจแชร์โซเชียลเท่านั้นแหละคดีพลิกเลย

จากกรณีที่มีสาวชาวโคราชรายหนึ่ง เข้าแจ้งควมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ หลังมีคนลักลอบเข้ามาขโมยไก่ที่เลี้ยงไว้ ซึ่งได้นำเอาคลิปจากกล้องวงจรปิดไปให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยตรวจสอบด้วยนั้น ก่อนจะได้รับคำตอบว่า ให้ตามหาคนร้ายเอง 

ล่าสุดเจ้าของเฟซบุ๊ก Tewiga Pongnil ได้โพสต์เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นอย่างละเอียด ระบุว่า "#อัพเดต 19.08.61 10.08 ตอนนี้ตำรวจที่รับเรื่องโทรมาตามให้เข้าไปที่กองเมือง ให้ไปดำเนินการขั้นต่อไปแล้วนะคะ ขอบพระคุณทุกท่านค่ะ ถ้าไม่มีคนตาย หรือทรัพย์สินไม่หายเป็นล้านๆ เค้าคงไม่สนใจอะไรหรอกเนาะ ไปแจ้งความ ก็ถามนิดๆ หน่อยๆ เพียงเพราะว่า เป็นแค่ลักขโมยไก่ และรอบนี้ได้ขโมยเอากล้องวงจรปิดเราไป 1 ตัว แต่ประเด็นที่เรากังวลคือ มันเข้ามาหลายรอบมาก ไก่หายบ่อย บ่อยมาก บ่อยจนต้องเอากล้องไปติดในเล้าไก่อ่ะ คิดดู แล้วถ้าต่อไปมันไม่เอาไก่ แล้วเอาอย่างอื่นล่ะ 

 

แล้วถ้าวันนึง คนในบ้านเราเกิดเดินออกมาหลังบ้านพอดี มาเจอกับมันเข้า จะเกิดอะไรขึ้น คิดดูเล่นๆ นะ จะไม่หลอนหรอ ที่มีใครก็ไม่รู้มาเดินเพ่นพ่านอยู่ในบ้านตอนกลางคืน พอเล่าเรื่อง นั้นนี่เสร็จ ยื่นกระดาษแผ่นนี้มาให้ โดยที่ไม่ถามหาหลักฐานอะไรเลยเราเลยถามว่า ไม่ดูวิดีโอ หรือ รูปอะไรเลยหรอคะ เค้าบอกว่า.. ไม่ดูๆ เอาไปหา ไปให้ผู้ใหญ่บ้าน หรือคนแถวนั้นดู ถ้าได้ชื่อ ได้ที่อยู่ผมจะออกหมายเรียกไปเอง

 

สรุปกูมาแจ้งความเพื่อ!! เพื่อกระดาษใบเดียวเนี่ยนะ แล้วก็ต้องไปหาหลักฐาน ตามหาถึงขั้นรู้ชื่อ รู้ที่อยู่ให้ ตร. เลยอ่ะ  กุจะเก่งไปมั้ยเนี่ย จริงอยู่ว่า มันไม่ได้ร้ายแรงใหญ่โต ก็ไม่ได้หวังว่าแบบ ป่ะ ผมจะไปหาลายนิ้วมือ หรือดูที่เกิดเหตุ แต่แบบดูรูป ดูอะไรนิดนึงก็ดีอ่ะ ทรัพย์สินไม่ได้มาก แต่เราห่วงความปลอดภัยของคนในบ้านมากกว่า ใครเคยเห็นบุคคลในภาพกรุณาแจ้งด้วยนะคะ พิกัด แถววัดหน่องไผ่ ต.โพธิ์กลาง อ.เมือง โคราช"

 

 

อย่างไรก็ตามขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับเรื่องและเตรียมดำเนินการคดีแล้ว แต่ที่ทำให้ชาวโซเชียล และคนที่เข้ามาอ่านโพสต์ดังกล่าว วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักคือ หากไม่เป็นคดีใหญ่โต ไม่ถูกกระแสโซเชียลโจมตี เจ้าหน้าที่ตำรวจจะใส่ใจดูแลทุกข์สุขของชาวบ้านหรือไม่ จนบางคนถึงขั้นบอกว่า เงินไม่มา งานไม่เดินหรือเปล่า และถ้าเจ้าหน้าที่ตำรวจยังเป็นแบบนี้ ประชาชนก็คงคิดแต่ภาพลักษณ์ที่ติดลบอยู่วันยังค่ำ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ขอบคุณเฟซบุ๊ก : Tewiga Pongnil