“เฉลิม อยู่บำรุง”ในวัย 71 ปี กับอาการปากกล้า..ขาสั่น ?

จากภาพเหตุการณ์การจัดงานวันเกิดของนายวัน อยู่บำรุง บุตรชายร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ที่จัดเลี้ยงขึ้นที่บ้านบางบอน เมื่อวันที่ 12 ส.ค.ที่ผ่าน ปรากฎว่า ร.ต.อ.เฉลิมได้กล่าวพาดพิงคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือคสช.และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในลักษณะท้าทาย ในทำนองว่าไม่กลัวต่ออำนาจ ของฝ่ายที่มีอำนาจอยู่ ณ ขณะนี้

 

“เฉลิม อยู่บำรุง”ในวัย 71 ปี กับอาการปากกล้า..ขาสั่น ?

ในภาพเหตุการณ์วันนั้นร.ต.อ.เฉลิมได้ประกาศต่อหน้าผู้ที่มาร่วมงานจำนวนกว่าหลายร้อยคน ช่วงหนึ่งระบุว่า.. น้องทั้งหลาย ที่ผมเงียบๆไปเนี่ย ไม่ใช่กลัวใคร ความกลัวทำให้เสื่อม ขอให้คสช.ปลดล็อก แน่จริงปลดล็อก อย่าไปนึกว่าผมกลัว ไม่มีกลัว ปลดล็อกเมื่อไหร่ มึงอยู่ กูไป มึงไป กูอยู่ แต่พวกผมต้องอยู่ เพราะผมนามสกุลอยู่บำรุง  การเมืองไม่ใช่เรื่องใครกลัวใคร การเมืองเป็นเรื่องของประชาชน 

 

"นี่ผมพูดเป็นความลับต่อหน้าคนหลายร้อยคนอย่าไปบอกใครนะ รอบหน้าเพื่อไทยชนะถล่มทลาย  ไอ้สามมิตร …ทำเป็นกูรูทางเศรษฐกิจ เอ็งรอเวลาไอ้เหลิมพูดบ้าง กูจะได้บอกท่านประยุทธ์ว่า มึงมาเล่นการเมืองเพราะอะไร ผมขอบอกกับท่านทั้งหลายด้วยหัวใจมุ่งมั่น เด็ดเดี่ยว เอ็งจับเมื่อไหร่กูยอมไปติดคุก มึงปล่อยเมื่อไหร่ก็กลับบ้านกู อวยพรขอให้ลูกวันโชคดี เรื่องที่ผ่านมาให้พ้นไป ขอให้เกิดเรื่องดีๆ ขอให้รักแม่มากๆ ไม่ขอตังแม่บ่อยๆ สุขสดชื่นสมหวังจงเป็นของวัน อยู่บำรุง"

 

“เฉลิม อยู่บำรุง”ในวัย 71 ปี กับอาการปากกล้า..ขาสั่น ?

 

ดังนั้นจะได้ย้อนกลับไปดู “ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง” เมื่อตอนที่คสช. ยึดอำนาจใหม่ มีพฤติกรรมอย่าไร..?

 

เชื่อว่าหลายคนยังไม่ลืม เมื่อ13ต.ค.2557 ร.ต.อ.เฉลิม เอ่ยปากเอาใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยกล่าวว่า เป็นคนที่ฉลาด เก่ง มีกุนซือดี ถ้าสามารถแก้เศรษฐกิจได้ตนเชื่อว่าประชาชนจะพอใจ รัฐบาลก็จะอยู่ได้นาน ตนคิดว่าในวันนี้ประชาชนเบื่อการเมืองและนักการเมืองมากแล้ว

 

มาถึงวันนี้ ดูแล้วว่าคำประกาศของร.ต.อ.เฉลิม  ที่ว่าท้าทายคสช. แน่จริงปลดล็อกการเมือง ต่อสู้ทางการเมืองต่างๆนาๆ และด้วยความคิดที่มั่นใจและเชื่อนายทักษิณ ชินวัตรว่า พรรคเพื่อไทยจะชนะเลือกตั้ง แบบแลนด์สไลด์จริงๆ ซึ่งหากวิเคราะห์จากข้อเท็จจริงที่เป็นอยู่ ดูเหมือนว่าเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว

และหากมาพิจารณาข้อเท็จจริงทางการเมืองแล้ว ในการเลือกตั้งครั้งที่จะเกิดขึ้น เป็นไปไม่ได้เลยด้วยกลไกตามรัฐธรรมนูญและวิธีการเลือกตั้ง ที่จะทำให้พรรคเพื่อไทยได้กลับมาเป็นรัฐบาล เป็นไปไม่ได้เลย  ด้วยเงื่อนไงแรกจากสมาชิกวุฒิสภา  250 เสียงที่จะถ่วงดุลในการที่จะโหวตให้ผู้ใดเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งทั้ง250คน เป็นผู้ที่ทางคสช.คัดเลือกมา ซึ่งคาดว่าน่าจะโหวตให้กับผู้ที่คสช.ให้การสนับสนุน

 

และ2 จะต้องไม่ลืมระบอบการเลือกตั้งในครั้งใหม่นี้ ใช้วิธีคิดคะแนนแบบสัดส่วนผสม ที่ถูกคะแนนเสียงมีคุณค่า มีความหมาย เมื่อลงคะแนนแล้วไม่สูญเปล่าเหมือนที่ผ่านมา เพราะนำมารวบรวมในการคำนวณ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ทั้งฝ่ายชนะ และฝ่ายที่แพ้ 

 

“เฉลิม อยู่บำรุง”ในวัย 71 ปี กับอาการปากกล้า..ขาสั่น ?

 

โดยนำมาหารกับจำนวน ส.ส.ทั้งหมด คือ 500 คน เพื่อหาอัตราส่วนคะแนนว่า ส.ส.1 คน ควรจะได้คะแนนเท่าไร แล้วจึงนำตัวเลขที่ได้ไปคำนวณจำนวน ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ที่แต่ละพรรคจะได้รับอีกที ดังนั้นเมื่อคะแนนทุกคะแนนมีความหมายก็จะทำให้จำนวนส.ส.ของพรรคใหญ่ๆจะถูกกระจายไปยังพรรคขนาดกลางและขนาดเล็ก ตามกลไกในการเลือกตั้งระบบสัดส่วนผสม ซึ่งถือเป็นระบบที่เคารพเสียงประชาชนทุกคน 

 

“เฉลิม อยู่บำรุง”ในวัย 71 ปี กับอาการปากกล้า..ขาสั่น ?

 

เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ต้องจับตาดูว่าหลังจากที่มีการปลดล็อคทางการเมืองแล้วบทาทของร.ต.อ.เฉลิม จะเป็นเช่นไร แต่ที่แน่ๆ เฉลิมอยู่บำรุงต้องแสดงบทบาทอย่างเต็มที่อย่างแน่นอน เผื่อที่จะได้ยกระดับการมีบทบาทในพรรคเพื่อไทยในยามที่กำลังเกิดความระส่ำระสายแตกแยก จนเกิดช่องว่าง และที่สำคัญถึงเวลานี้ก็หน้าที่จะบรรลุเป้าหมายของตัวร.ต.อ.เฉลิมแล้วที่จะกำจัดคู่แข่ง “คุณหญิง สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์” ออกนอกเส้นทางการเป็นหัวหน้าพรรค หรือผู้ที่จะได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี ตัวแทนพรรคเพื่อไทย เพราะว่าทั้งคู่นั้นเป็นคู่แข่งกัน ทางด้านบารมีกันโดยตลอด มีจะอยู่ในมุ้งเดียวกันก็ตาม โดยร.ต.อ.เฉลิมยึดหลักทางด้านฝั่งธนฯ ส่วนคุณหญิง สุดารัตน์ เจ้าของพื้นที่ในกทม. ดังนั้นก็ต้องติดตามต่อไปกับบทบาทของร.ต.อ.เฉลิม ในวัย71ปี