หนุ่มนร.นอกวัย17 ซิ่งฟอร์ดมัสแตง ชนรถขนทรายบึ้มสนั่นไฟท่วม เด็ก3ชีวิตสุดระทึก

จากกรณีเมื่อเวลา 02.20น. เมื่อคืนที่ผ่านมา ร.ต.อ.วิวัฒน์ มหาเทพ รอง สว.(สอบสวน)สน.บางเขน ได้รับแจ้งเหตุรถชนกันจนเกิดเพลิงไหม้ ถนนเกษตร-นวมินทร์ ขาออก  หลัก ตอม่อ18 แขวงเสนานิคม เขตจตุจักร กทม. จึงรายงานผู้บังคับบัญชาก่อนไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ  พร้อมด้วยรถน้ำ จากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัย และเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ้ง

 

 

 

       ทั้งนี้ที่เกิดเหตุเป็นลักษณะเป็นถนน3เลน ที่เลนกลางพบรถยนต์ยี่ห้อฟอร์ดมัสแตง 2.3 ecoboost coupe AT  สีแดง ทะเบียน ษ3014 กทม. ที่บริเวณกระโปรงด้านฝั่งซ้ายพังยุบ กำลังถูกเพลิงลุกไหม้เสียหายทั้งคัน เจ้าหน้าที่ต้องระดมใช้น้ำดับเพลิงนานกว่า 30นาที เพลิงจึงสงบ ห่างออกไปประมาณ5 เมตร พบรถบรรทุกสิบล้อขนทราย ทะเบียน83-4581 นครปฐม นอนพลิกตะแคง ด้านหน้าชนเข้ากับเสาไฟฟ้าหักโค่น1ต้น ที่บริเวณท้ายรถพบกันชนสีแดงของฟอร์ดมัสแตง ติดอยู่ใกล้กันพบหม้อแปลงไฟฟ้าตกลงมาด้านล่างพังเสียหาย มีเศษกระจกและกันชนตกกระจัดกระจายเต็มพื้นที่

 

 

 

 

สำหรับผู้บาดเจ็บถูกเจ้าหน้าที่นำตัวส่งโรงพยาบาลเปาโลเกษตร อุบัติเหตุดังกล่าวทำให้การจราจรบนถนนเกษตร-นวมินทร์ขอออกติดขัด มีรถยนต์ติดสะสมยาวเกือบ1กม. โดยจากการสอบถามพยานทราบว่าก่อนเกิดเหตุพบเห็นรถฟอร์ดมาสแตง คันเกิดเหตุขับรถด้วยความเร็วมาจากนวมินทร์ มุ่งหน้าแยกเกษตร เพื่อกลับรถ เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุรถฟอร์ดมัสแตง ซึ่งขับมาเลนกลางไปพุ่งชนเข้ากับท้ายรถบรรทุก จนเกิดเพลิงลุกไหม้ทั้งคัน

 

 

       ขณะที่นายพีร์ศรัณย์ สุรินทร์ อายุ17ปี ซึ่งได้รับบาดเจ็บแขนขวาหัก วิ่งหนีออกมาได้ก่อน ส่วนรถบรรทุกหลังถูชนท้ายได้หักรถเข้าข้างทำให้พุ่งชนเข้ากับเสาไฟฟ้าหัก โดยผู้ขับขี่คือนายไทย ชมหมู่ อายุ59ปี ซึ่งภายในรถบรรทุกยังมีนางบุปผา ชมหมู่ อายุ37ปี ด.ช.เจษฎา พงษ์สวัสดิ์ อายุ5ปี ด.ช.เทวฤทธิ์ ชมหมู่ อายุ3ปี และด.ญ.ประภัสศร ชมหมู่ อายุ1ปี ทั้งหมดได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้นำตัวทั้งหมดส่งไปโรงพยาบาลเปาโลเกษตร

 

 

       อย่างไรก็ตามมีรายงานข่าวแจ้งว่านายพีร์ศรัณย์ สุรินทร์ กำลังศึกษาอยู่ที่ประเทศอังกฤษ แต่เนื่องจากเป็นช่วงวันหยุดจึงได้กลับมาเที่ยวที่ประเทศไทย ทางด้าน ร.ต.อ.วิวัฒน์ เปิดเผยว่าก่อนอื่นต้องย้ายรถจากจุดเกตุเหตุไปยัง สน.บางเขนเพื่อเปิดช่องการจราจร ซึ่งจากนี้จะทำการทำการเก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุ และสอบปากคำพยานที่เห็นเหตุการณ์และผู้ก่อเหตุ ก่อนจะแจ้งข้อหาต่อไป