- 22 ส.ค. 2561
"นายกฯ" ส่งซิกอาจใช้ ม.44 แก้ไพรมารี่โหวต เพื่อให้ ลต.ได้ ย้ำเดือนกุมภาฯ 62 เวลาดีหย่อนบัตร
"นายกฯ" ส่งซิกอาจใช้ ม.44 แก้ไพรมารี่โหวต เพื่อให้ ลต.ได้ ย้ำเดือนกุมภาฯ 62 เวลาดีหย่อนบัตร
วันนี้ (22 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า "พล.อ ประยุทธ์ จันทรโอชา" นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้า คสช.ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ ที่ ทำเนียบรัฐบาล วันนี้ว่า ที่ประชุมไม่ได้มีการหารือเรื่องการเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือสถานการณ์ก่อนการปลดล็อคพรรคการเมืองในเดือนกันยายนนี้ เพราะหน้าที่ของเราคือการสร้างความสงบเรียบร้อยให้ประเทศของเรา เพื่อเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้ง เพราะฉะนั้นขึ้นอยู่กับคนหลายส่วน คือคนหนึ่งพยายามให้สงบ อีกคนหนึ่งพยายามให้ไม่สงบ ตนไม่รู้เหมือนกันว่าจะเป็นใคร แต่ติดตามดูอยู่ทุกกลุ่ม อย่าทำให้บ้านเมืองสับสนอลหม่านก็แล้วกัน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า พล.อ วัลลภ รักเสนาะ เลขา สมช.ระบุว่า ช่วงนี้ต้องจับตาความเคลื่อนไหวในโซเชียลมีเดียเป็นพิเศษ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก็ต้องจับตาดูทุกอัน บางทีก็ขยายความขัดแย้ง โซเชียลมีเดีย ควรมีบทบาทในการสร้างการรับรู้ มากกว่าจะสร้างให้คนเป็น2พวก และตีกันอยู่ในโซเชียลมีเดีย พวกเดียวกันเชียร์คนนี้ อีกพวกหนึ่งก็เชียร์คนนี้และด่าอีกคนหนึ่ง เพราะฉะนั้นการจะไปสู่ประชาธิปไตยในวันหน้า ต้องแก้ไขกันใหม่ ต้องสร้างการรับรู้ให้กับประชาชนอย่างไร ให้สงบได้อย่างไร
"ถึงแม้ว่าจะไม่ชอบอย่างไรก็ตามแต่ เราต้องยอมรับในกติกาของการเลือกตั้ง เพราะฉะนั้นการได้รัฐบาลมา ก็เท่ากับการยอมรับในเสียงส่วนมาก เสียงส่วนน้อย แต่รัฐบาลต้องทำหน้าที่เพื่อทั้งคนเสียงส่วนมาก และเสียงส่วนน้อย ไม่ว่าจะเป็นของพรรคใดก็ตาม หรือจะพรรคร่วมรัฐบาล หรือจะเป็นพรรคฝ่ายค้าน เรามีหน้าที่ดูแลทั้ง 2 ฝ่าย" นายกฯ ระบุพร้อมทั้งยังบอกด้วยว่า
รัฐบาลต้องทำตัวแบบนี้ เช่นที่ตนไปต่างจังหวัดมา ตนไม่ได้มองว่าใครอยู่ตรงไหน อะไร อย่างไร ตนมองว่าประชาชนต้องการอะไร ไม่ว่าจะในพื้นที่ใดก็ตาม ส่วนใหญ่พรรคการเมืองจะมองเป็นพื้นที่ พื้นที่นี้ของเรา ของเค้า เลยกลายเป็นความขัดแย้ง ความขัดแย้งเกิดขึ้นมา ไอ้พวกนี้ก็ไม่ได้ รัฐบาลต้องดูแลเสียงส่วนใหญ่ และต้องแก้ปัญหาดูแลคนส่วนน้อยไปด้วย อย่างเช่นเมื่อวาน กลุ่มจังหวัดงบประมาณในการบูรณาการสร้างความเชื่อมโยงเหล่านี้ ไม่งั้นไม่ต่อเนื่องเหมือนเดิม
"เราก็ลงไปดูว่าแผนมีแค่ไหนอย่างไร และมาปรับเพิ่มเติม ส่วนจะได้เมื่อไหร่ ค่อยว่าอีกที เพราะมันขึ้นอยู่กับงบประมาณที่มีกับเวลาที่สามารถจะทำได้ สิ่งสำคัญที่สุดคือ ไม่ว่าใครเป็นรัฐบาลใครเป็นฝ่ายค้านก็ตาม รัฐบาลมีหน้าที่ทำเพื่อประชาชนโดยรวมของประเทศ ทั้ง77 จังหวัด แผนงานต้องเกิดในทุกพื้นที่ ผู้สื่อข่าวถามว่า ต้องจับตากลุ่มไหนเป็นพิเศษหรือไม่ในช่วงนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สื่อก็รู้อยู่แล้ว ต้องติดตามดูในโซเชียลมีเดียว่าเขาเขียนว่าอย่างไร สื่อก็ช่วยตนติดตามสิ สื่อจะปล่อยให้คนเขียนอะไรที่ก่อให้เกิดความแตกแยกในสังคม ต้องไปดูตรงนั้นและประนามคนเหล่านั้น ไม่ใช่ทำให้เกิดความแตกแยก สื่อก็รู้ว่าเป็นกลุ่มใด จะมาถามให้ตนพูดทำไม ก็ทุกกลุ่มนั่นแหละ อย่าไปกังวล"
ผู้สื่อข่าวถามว่า นาย วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้นำผลหารือกับกกต.เมื่อวันที่20สค.รายงานต่อนายกรัฐมนตรี หรือยัง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก็หารือไปตามแนวทางที่ทำมาโดยตลอด สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องสอดคล้องกับการทำงานของรัฐบาล คสช.ในเรื่องการปลดล็อค และพรบ.ที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งทั้งหมด
“เราบอกไปแล้ว กำหนดเวลาเรามีอยู่แล้ว มี150วัน 120วัน มี90วัน มันตีเส้นแค่ตรงไหน นั่นคือเต็มเวลาตามกฎหมาย เพราะฉะนั้นถ้าเรามาไล่ดู มันจะเลยที่ผมกำหนดไว้ด้วยซ้ำไป แต่ผมก็บอกว่าถ้ามันเป็นไปได้ก็ต้องกุมภา “
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า นาย วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่าเป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรีที่จะตัดสินใจว่าจะมีการแก้ไขพ.ร.บ พรรคการเมือง ในเรื่องไพรมารี่โหวต นายกรัฐมนตรีจะตัดสินใจอย่างไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า
“ก็ใช่สิ ก็ต้องทำให้ได้นั่นแหละ เพราะเขียนไว้แล้วในกฎหมาย ทีนี้ปีแรกจะมีปัญหาหรือไม่ มันจะต้องแก้ไขตรงนี้อย่างไร ให้มันเรียบร้อยให้ทำไปได้ระดับหนึ่ง เพื่อไม่ให้มันขัดแย้งกับกฎหมาย
เข้าใจไหม วันหน้ามันก็ควรจะทำได้100% วันนี้เดี๋ยวถ้าผมทำอะไรมากๆ ก็กลายเป็นทำไม่ได้ เลือกตั้งไม่ได้ตามเวลา กลับมาที่ผมอีก ผมต้องการให้ทุกอย่างเดินตามโรดแมปที่ผมว่า กุมภาเหมาะสมแล้วแหละ จริงๆเวลามันยังยืดไปอีกนะ แต่ผมก็ลดให้น้อยที่สุด “
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะใช้ ม.44 เพื่อแก้ไขหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ก็นี่ไงก็กำลังจะแก้ ก็ใช้อำนาจตนไม่ใช่เหรอ มาถามอะไรตนอีก อะไรที่มีปัญหาตนก็แก้ให้หมดแหละ นั่นเเหละคือสิ่งที่ตนจะใช้อำนาจตรงนี้เพื่อแก้ให้สามารถทำงานได้ อย่างน้อยถ้าไม่ได้100% จะเอาแค่ไหน 50 60 70 เปอร์เซนต์ของกฎหมายได้ไหม นั่นแหละประโยชน์ของตรงนี้เพื่อให้เกิดการเลือกตั้งอย่างที่ทุกคนต้องการ ให้มันสงบสุข
"ไม่ใช่ทุกคนมาบอกว่าเป็นหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงทำให้เรียบร้อย และทำให้เลือกตั้งได้เร็วกว่านี้ ก็กฎหมายเค้าเขียนมาอย่างนี้ ก็ปรับเวลาให้สอดคล้องกับสถานการณ์ความเป็นจริงด้วย ตนไม่ใช่คู่ขัดแย้งของใคร อย่าเอารัฐบาล คสช ลงไปเป็นคู่ขัดแย้ง ไม่เช่นนั้นตนจะอยู่ตรงกลางได้อย่างไร การเมืองยังไม่ได้เริ่ม ปี่กลองเริ่มประโคมกันไปแล้ว ยังไม่ถึงยก 3 เลย" นายกฯ กล่าว