รู้ให้รอบ ใบขับขี่กับกฎหมายใหม่ เตรียมเช็คสุขภาพให้พร้อมก่อนผ่าน

 จากกรณีกรมขนส่งทางบกจะดำเนินการเสนอปรับแก้กฎหมาย พ.ร.บ. จราจรทางบก พ.ศ.2522 และ พ.ร.บ. รถยนต์ พ.ศ.2522 ให้อยู่ในกฎหมายฉบับเดียวกัน อีกทั้งเพิ่มอัตราค่าปรับให้สูงขึ้น ในเรื่องของการขับขี่สำหรับผู้ที่ไม่มีใบอนุญาตขับขี่และใบอนุญาตขับขี่หมดอายุ โดยกรมการขนส่งได้ปรับแก้กฎกมายทั้ง 2 ฉบับ

 

     จากกรณีกรมขนส่งทางบกจะดำเนินการเสนอปรับแก้กฎหมาย พ.ร.บ. จราจรทางบก พ.ศ.2522 และ พ.ร.บ. รถยนต์ พ.ศ.2522 ให้อยู่ในกฎหมายฉบับเดียวกัน อีกทั้งเพิ่มอัตราค่าปรับให้สูงขึ้น ในเรื่องของการขับขี่สำหรับผู้ที่ไม่มีใบอนุญาตขับขี่และใบอนุญาตขับขี่หมดอายุ โดยกรมการขนส่งได้ปรับแก้กฎกมายทั้ง 2 ฉบับ ให้เป็นกฎหมายเดียวกัน เพื่อง่ายต่อการกำกับดูแล รวมทั้งปรับปรุงรายละเอียดของกฎหมาย ให้สอดคล้องกับพฤติกรรมการขับขี่ของคนเมืองในปัจจุบัน

 

รู้ให้รอบ ใบขับขี่กับกฎหมายใหม่ เตรียมเช็คสุขภาพให้พร้อมก่อนผ่าน

 

รู้ให้รอบ ใบขับขี่กับกฎหมายใหม่ เตรียมเช็คสุขภาพให้พร้อมก่อนผ่าน

 

      สำหรับกฎหมายฉบับใหม่นี้ยังรวมถึงผู้สูงอายุที่ถึงเกณฑ์ อายุระดับหนึ่ง จะต้องตรวจสุขภาพเพื่อประเมินความสามารถในการขับขี่รถว่ามีความพร้อมเพียงใด โดยโรคที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงมี โรคเบาหวานระยะที่ต้องฉีดอินซูลิน โรคความดันโลหิตสูง โรคลมบ้าหมูหรือลมชัก ผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัดทางสมอง ผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้อหัวใจตายที่ผ่านการผ่าตัดหัวใจ หรือขยายเส้นเลือดหัวใจ ซึ่งแพทย์วินิจฉัยแล้วว่าเป็นอุปสรรคต่อการขับรถ และอาจพิจารณาให้มีการตรวจรับรองโรคเป็นระยะสำหรับผู้ที่ได้รับใบอนุญาตขับรถตลอดชีพ ก่อนที่กรมการขนส่งทางบกจะประกาศยกเลิกการออกใบอนุญาตขับรถตลอดชีพเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2546เพื่อคุ้มครองผู้ใช้รถใช้ถนนให้มีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ตามมาตรา 46(5) พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ. 2522 เนื่องจากมีสุขภาพที่ไม่พร้อมในการที่จะขับรถได้อย่างปลอดภัย

 

    ทั้งนี้เนื่องด้วยกรณีข่าวการขับขี่รถของผู้สูงอายุนั้นมีมากขึ้น จนเห็นได้ชัดว่ารัฐควรเข้ามากำหนดกฎเกณฑ์อย่างเข้มงวดให้มากขึ้น ดังเช่นข่าวเมื่อวันที่ 17 ก.ค. 2560 ที่ผ่านมากับเหตุการณ์ ชายวัย 76 ปี เกิดวูบกะทันหันระหว่างขับรถเป็นเหตุให้รถพุ่งข้ามเลน ไปอัดกับรถพ่วง 18 ล้อ จนเสียชีวิต แต่ครั้งนี้ยังไม่มีผู้อื่นได้รับบาดเจ็บร่วมด้วย 

 

รู้ให้รอบ ใบขับขี่กับกฎหมายใหม่ เตรียมเช็คสุขภาพให้พร้อมก่อนผ่าน

 

    และกับอีกหนึ่งเหตุการณ์ล่าสุดที่พึ่งเกิดเมื่อวันที่ 20 ส.ค. 2561 เมื่อ น.ส.ภัทรา อายุ 69 ปี ชาว จ.เชียงใหม่ ขับรถกระบะโตโยต้า วีโก้ สีบอร์นเงิน ทะเบียน กร4459 เชียงใหม่
ไล่ขับชนรถยนต์คันอื่นๆจนพังเสียหายรวม 4 คัน อีกทั้งชนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจนรับบาดเจ็บขาหัก เหตุเพราะไม่พอใจที่ถูกเจ้าหน้าที่ล็อคล้อ
เหตุเกิดที่ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ส่วนทางญาติได้แจ้งทางพนักงานสอบสวนว่า น.ส.ภัทรา มีโรคประจำตัวเป็นโรคสมองฝ่อและอัลไซเมอร์  จึงทำให้การคิดตัดสินใจไม่เหมือนคนปกติ
ด้านขนส่งจังหวัดลำปาง เปิดเผยว่า สำนักงานขนส่งเชียงใหม่มีหนังสือแจ้งมายังสำนักงานขนส่งจังหวัดลำปาง ให้เพิกถอนใบอนุญาตขับรถยนต์ส่วนบุคลตลอดชีพ ฉบับที่ 00005/11 
ของ น.ส.ภัทรา เพราะมีการตรวจสอบแล้วว่ามีภาวะโรคสมองฝ่อและอัลไซเมอร์จริง รวมทั้งมีปัญหาเกี่ยวกับพฤติกรรมทางอารมณ์ และมีอาการป่วยเป็นโรคสมองเสื่อม
 ถือว่าขาดคุณสมบัติในการที่จะได้รับอนุญาตขับรถตามมาตรา 46(5) พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ. 2522 เนื่องจากมีสุขภาพที่ไม่พร้อมในการที่จะขับรถได้อย่างปลอดภัย

 

    กฎหมายที่ออกมาใหม่นี้เป็นข้อกำหนดเพื่อให้ผู้ใช้รถใช้ถนน ได้ตระหนักคิดและระมัดระวังในการขับขี่มากขึ้น เพราะไม่ใช้แค่คนขับเท่านั้น ยังมีผู้ร่วมใช้ถนนท่านอื่นที่ต้องการความปลอดภัยเพื่อขับขี่รถกลับบ้านได้อย่างสวัสดิภาพ

 

อ่านข่าวก่อนหน้านี้ ถอดความสำคัญ ใบขับขี่กับกฎหมายใหม่ ก่อนจัดโทษหนักปรับสูงสุดครึ่งแสน