- 23 ส.ค. 2561
สาสมกรรม ศาลตลิ่งชันสั่งจำคุกเพื่อนสาว"ทนายชั่ว" ร่วมโกงเงิน "น้องบีม" 5 ล้าน
เชื่อว่าหลายคนยังจำได้ คดีที่น่าสงสารของ น้องบีมหรือ ด.ญ.ภัทรดา แก้วผ่อง อายุ 14 ปี นักเรียนชั้น ม.2 โรงเรียนศรีสังวาลย์ จ.นนทบุรี ที่พิการต้องนั่งรถวีลแชร์ตระเวนขายของกับแม่ คือ น.ส.พรทิพย์ จันทรัตน์ อายุ 44 ปี เพื่อหาเงินเลี้ยงชีพ แถววัดชลประทานรังสฤษดิ์
หลังครอบครัวประสบอุบัติเหตุพ่อเสียชีวิต แม่บาดเจ็บสาหัส ส่วนตัวเองต้องพิการขาทั้งสองข้าง และได้ต่อสู้คดีกับคู่กรณีจนชนะได้เงิน 5 ล้านบาท แต่กลับถูกนายพิสิษฐ์ สัมมาเลิศ อายุ 60 ปี อดีตทนายความ โกงเงินไปเกือบ 5 ล้าน เนื่องจากถูกหลอกให้เซ็นมอบอำนาจ
โดยศาลจังหวัดตลิ่งชัน ได้มีมีคำพิพากษาให้จำคุกนายพิสิษฐ์ สัมมาเลิศ อายุ 60 ปี อดีตทนายความ เป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอม , ร่วมกันฉ้อโกงและยักยอกโดยเป็นผู้จัดการทรัพย์สิน เป็นเวลา 5 ปี 12 เดือนโดยไม่รอลงอาญา และห้ามไม่ให้ประกอบอาชีพทนายความเป็นเวลา 5 ปี ส่วน นางพรปวีณ์ ชูแก้ว และ น.ส.ฐิตาภา หรือภัทรวดี สวัสดี ภรรยาของนายพิสิษฐ์ ให้การปฏิเสธต่อสู้คดี ศาลจังหวัดตลิ่งชัน จึงให้อัยการ โจทก์ แยกฟ้องจำเลยทั้งสองเป็นสำนวนใหม่ ต่อมาทางด้านร.ต. ดร.ถวัลย์ รุยาพร นายกสภาทนายความ ได้ต่อสู้จนสามารถชนะคดีแพ่งได้
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : โคตรเศร้า..ชีวิต"น้องบีม"เด็กพิการถูกทนายโกงเงิน 5 ล้าน ตอนเป็นข่าวดังพรึบพรับเสนอตัวช่วย ผ่านไป 1 ปี แม่ออกโรงแฉพวกหน้าใหญ่หายเงียบ
ล่าสุดทางด้านพ.ต.สมบัติ วงศ์กำแหง โฆษกสภาทนายความ ได้เปิดเผยความคืบหน้าล่าสุด ของคดีที่พรรคพวกของนายพิสิษฐ์ สัมมาเลิศ อดีตทนายความฉ้อโกงเงินชดใช้ค่าเสียหายของ ด.ญ.ภัทรดา แก้วผ่อง หรือน้องบีม ที่ต้องพิการเพราะถูกรถเทรลเลอร์ของบริษัทขนส่งแห่งหนึ่งชน ว่าคดีที่พนักงานอัยการได้ยื่นฟ้องนางพรปวีณ์ ชูแก้ว กับ น.ส.ภัทรวดี หรือฐิตาภา สวัสดี 2 เพื่อนสาวของนายพิสิษฐ์ เป็นจำเลยที่ 1-2 ในฐานร่วมกันปลอมแปลงและใช้เอกสารปลอม, ฐานเป็นผู้สนับสนุนบุคคลอื่นฉ้อโกงโดยกระทำผิดหน้าที่กับจำเลยที่ 1 และในฐานฉ้อโกงกับจำเลยที่ 2 ตามประมวลกฎหมายอาญา
พร้อมเรียกค่าสินไหมทดแทน ซึ่งเหตุเกิดวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2557 ต่อศาลจังหวัดตลิ่งชัน เป็นคดีหมายเลขดำที่ อ.3509/2560 โดยมีน.ส.พรทิพย์ จันทรัตน์ มารดาของน้องบีม และด.ญ.ภัทรดา เป็นโจทก์ร่วม โดยมีทนายความอาสาจากสภาทนายความ ที่ตนกับนายดำรงศักดิ์ เครือแก้ว อุปนายกฝ่ายปฏิบัติการ เป็นหัวหน้าทีม และในฐานะกำกับดูแลทนายความอาสาจากเนติบัณฑิตยสภาเข้าว่าความนั้น
ว่าที่พ.ต.สมบัติ ได้เปิดเผยด้วยว่า คดีนี้จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ หลังจากนั้นฝ่ายโจทก์ได้สืบพยานประกอบจบสิ้นแล้ว จำเลยที่ 2 เสนอชดใช้เงิน 50,000 บาทแก่โจทก์ร่วม และขอให้ถอนฟ้องหรือถอนคำร้องทุกข์เพื่อให้คดีอาญาระงับไปเฉพาะจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 1 ไม่คัดค้าน และในที่สุดจำเลยที่ 2 ก็นำเงินสดมามอบให้โจทก์ร่วมแล้ว และเมื่อวันที่ 22 ส.ค. ที่ผ่านมา ศาลจังหวัดตลิ่งชันจึงมีคำพิพากษาว่า คดีนี้โจทก์ร่วมได้รับเงินค่าสินไหมทดแทนจากจำเลยที่ 2 แล้ว ไม่ติดใจเอาความ จึงขอถอนฟ้อง
ศาลอนุญาตให้จำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ 2 ส่วนจำเลยที่ 1 ศาลพิพากษาเห็นว่ามีความผิดตามฟ้อง เป็นความผิดสองกรรม ให้จำคุก 3 ปี 4 เดือน คำรับสารภาพเป็นประโยชน์มีเหตุลดโทษ จึงให้คงจำคุกรวม 2 ปี 16 เดือน และชดใช้เงิน981,100 บาท แก่โจทก์ร่วมที่ 1 และ 1,405,000 บาท แก่โจทก์ร่วมที่ 2 พร้อมดอกเบี้ย ตั้งแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
และสำหรับที่คดีนี้เกิดขึ้นเมื่อครอบครัวของน้องบีมประสบอุบัติเหตุถูกรถเทรลเลอร์ของบริษัทขนส่งแห่งหนึ่งชน เป็นเหตุให้น้องบีมพิการต้องนั่งรถเข็นวีลแชร์ บิดาเสียชีวิต และมารดาได้รับบาดเจ็บ ที่จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อปีพ.ศ. 2548 ต่อมาศาลจังหวัดไชยา อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี พิพากษาให้ชนะคดีที่ฟ้องบริษัทดังกล่าวเรียกค่าเสียหายเกือบ 6 ล้านบาท และในวันนี้ถือเป็นอันสิ้นสุด ปิดคดีน้องบีม ที่ต้องต่อสู้กันมาอย่างยาวนานถึง 13 ปี
นายพิสิษฐ์ สัมมาเลิศ