สรุป ข่าวเด่นรอบวัน 23 ส.ค. 2561

 

กลับมาพบกับการสรุปข่าวเด่นรอบวัน ประจำวันอาทิตย์ ที่ 22 ส.ค. 2561 กันอีกแล้ว ในวันนี้ มีหลายประเด็นที่น่าสนใจเช่นเคยซึ่งสำนักข่าวทีนิวส์ได้รวบรวมมา 5 ประเด็นหลักใหญ่ด้วยกันดังนี้

เริ่มกันที่ประเด็นข่าวแรกกับข่าวที่หลายคนกำลังจับตามองอยู่ในขณะนี้ กรณีโทษของผู้ที่ไม่มีใบขับขี่ โลกโซเชียลวิจารณ์กันอย่างหนาหู ภายหลังจากกรมขนส่งทางบกเสนอแนวทางแก้ไขกฎหมาย พระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ.2522 และพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 โดยมีการเพิ่มโทษผู้ขับรถไม่มีใบขับขี่ เป็นโทษจำคุก 3 เดือน ปรับ 5 หมื่นบาท ขับรถระหว่างใบขับขี่หมดอายุมีโทษจำคุก 3 เดือน ซึ่งแนวทางดังกล่าวยังไม่ได้ถูกบัญญัติขึ้นใช้ โดย พล.ต.ต.เอกรักษ์  ลิ้มสังกาศ ผบก.ส.3 ได้เข้าประชุมกับอธิบดีกรมขนส่ง ปรึกษาเรื่องใบขับขี่ ในประเด็นค่าปรับ ว่าควรพิจารณาเช่นใดต่อไป เอาเป็นว่าประชาชนก็อย่าเพิ่งตื่นตระหนกกันไปก่อนนะจ๊ะ

 

 

 

         มากันต่อกับข่าวที่สอง กรณีพลทหารเกณฑ์ พลทหารคชา พะชะ วัย 21 ปี สังกัดหน่วยงานแห่งหนึ่งในจังหวัดลพบุรี ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลกลางดึก วันที่ 21 ส.ค. 2561 ต่อมาพบว่าหัวใจหยุดเต้น แต่แพทย์สามารถยื้อไว้ได้ ซึ่งญาติทราบว่าได้มีพลทหารรุ่นพี่ 3 นาย ทำการซ่อม แต่ภายหลังกลับเป็นเรื่องทะเลาะวิวาทส่วนตัวและอ้างว่าผู้ที่กระทำคือพลทหารด้วยกันเอง 

 

        ล่าสุด 23 ส.ค. 2561 พ.ท.มลชัย ยิ้มอยู่ ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ (ร.31 พัน 3 รอ.) จังหวัดลพบุรี ได้ออกมาเผยความคืบหน้า อาการของพลทหารคชา เบื้องต้นพบว่าอาการดีขึ้นตามลำดับแต่แพทย์ยังต้องดูแลอย่างใกล้ชิด ส่วนผู้กระทำผิด คือพลทหารด้วยกันเอง 3 นาย ในตอนนี้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนเพื่อดำเนินการทางวินัยและคดีอาญา ทั้งนี้ พ.ท.มลชัย ยิ้มอยู่ ได้กล่าวแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพร้อมรับผิดว่าตนนั้นดูแลลูกน้องไม่ดีเท่าที่ควร

 

 

      ถัดมากับประเด็นข่าวที่สามกับข่าวเสี่ยอ้วนสังหารคู่รักหน้าเขาชีจรรย์ กับความคืบหน้าล่าสุด 23 ส.ค. 2561 เวลา 04.00น. พี่ชายเสี่ยอ้วนได้เดินทางไปเยี่ยมเสี่ยอ้วน หรือนายปัญญา ยิ่งดัง ที่ สภ.นาจอมเทียน จังหวัดชลบุรี แต่เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้เข้าเยี่ยมได้ เนื่องจากยังไม่ถึงเวลาอนุญาตให้เยี่ยม ต่อมาในเวลา 09.45 น. พี่ชายเสี่ยอ้วนได้เดินทางไปเยี่ยมอีกครั้ง โดยใช้เวลาเกือบ 5 นาที เพื่อพูดคุยก่อนเดินทางออกจาก สภ.นาจอมเทียนทันที ส่วนสำนวนคดีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เร่งสรุป เพื่อฝากขังศาลจังหวัดพัทยาในวันนี้

 

 

 

 

 

     ต่อมากับประเด็นที่สี่ กับเหตุการณ์ปรากฏภาพแรงงานชาวไทยที่หลบหนีเข้าประเทศเกาหลีเป็นจำนวนมากจนเป็นที่วิพากษ์ วิจารณ์ หลังภาพดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป ล่าสุด วันที่ 23 ส.ค. 2561 น.ส.บุษฎี สันติพิทักษ์ อธิบดีกรรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ได้ออกมากล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตอนนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบที่มาของภาพดังกล่าวให้ชัดเจน โดยกรมกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ ได้ร่วมกับสถานเอกอัครราชทูต กรุงโซล เพื่อตรวจสอบหาข้อเท็จจริง พร้อมเตือนแรงงานให้เดินทางไปทำงานอย่างถูกกฎหมายและตรวจสอบกับบริษัทที่ว่าจ้างว่าทำถูกต้องหรือไม่เพราะหากถูกจับกุมอาจส่งผลกระทบกับนักท่องเที่ยวไทยรายอื่น ที่ต้องการไปท่องเที่ยวยังประเทศเกาหลี อาจถูก ตม. เกาหลี ปฎิเสธเข้าเมืองได้ในอนาคต

 

 

 

          สำหรับประเด็นข่าวสุดท้ายกับพยากรณ์อากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา ที่ล่าสุด 23 ส.ค. 2561 ระบุว่าไทย อาจมีฝนมากเนื่องจากอิทธิพลของพายุไต้ฝุ่นซูลิก และ พายุไต้ฝุ่นซีมารอน ที่กำลังเคลื่อนผ่านในช่วง วันที่ 23 - 28 ส.ค. พื้นที่บริเวณ ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ อาจได้รับผลกระทบจากพายุไต้ฝุ่นซูลิก และพายุไต้ฝุ่นซีมารอน ที่จะเคลื่อนตัวพัดผ่านประเทศเมียนมาและประเทศลาวตอนบน อาจส่งผลให้บริเวณดังกล่าวได้รับผลกระทบ เกิดน้ำท่วมอย่างฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่งและดินโคลนถล่มได้  

สำหรับผู้ที่ต้องการเดินทางไปยังประเทศญี่ปุ่นและประเทศเกาหลี ให้เช็คสภาพอากาศอย่างต่อเนื่องเพราะพายุไต้ฝุ่นซูลิก และพายุไต้ฝุ่นซีมารอน จะเคลื่อนเข้าประเทศญี่ปุ่น และประเทศเกาหลี ในช่วงวันที่ 22 - 23 ส.ค. 2561

 

 

สรุปข่าวเด่นประจำวันขอจบไว้เพียงเท่านี้ สำหรับพรุ่งนี้จะมีประเด็นใดน่าสนใจก็ต้องติดตามกันต่อไป