ถอดบทเรียนสำคัญ ขนส่งเตรียมคลอดกฎหมายใหม่ใบขับขี่บิ๊กไบค์ ปี 2562 ห่วงเด็กและเยาวชน

 

     จากกรณีกรมขนส่งทางบกจะดำเนินการเสนอปรับแก้กฎหมาย พ.ร.บ. จราจรทางบก พ.ศ.2522 และ พ.ร.บ. รถยนต์ พ.ศ.2522  ให้อยู่ในกฎหมายฉบับเดียวกัน อีกทั้งเพิ่มอัตราค่าปรับให้สูงขึ้น ในเรื่องของการขับขี่สำหรับผู้ที่ไม่มีใบอนุญาตขับขี่และใบอนุญาตขับขี่หมดอายุโดยกรมการขนส่งได้ปรับแก้กฎกมายทั้ง 2 ฉบับ ให้เป็นกฎหมายเดียวกัน เพื่อง่ายต่อการกำกับดูแล รวมทั้งปรับปรุงรายละเอียดของกฎหมาย ให้สอดคล้องกับพฤติกรรมการขับขี่ของคนเมืองในปัจจุบัน โดยมีการปรับเพิ่มโทษสำคัญ 3 มาตรา ประกอบด้วย

 

1. มาตรา 64 ขับรถโดยไม่มีใบอนุญาต ตามกฎหมายเดิมลงโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน ปรับสูงสุดไม่เกิน 1,000 บาท แต่กฎหมายใหม่เสนอให้ปรับเพิ่มโทษเป็น จำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับสูงสุดไม่เกิน 50,000 บาท

 

2. มาตรา 65 ขับรถในระหว่างใบอนุญาตสิ้นอายุ ถูกพักใช้ หรือเพิกถอนใบอนุญาตหรือถูกยึดใบอนุญาต ตามกฎหมายเดิมลงโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท แต่กฎหมายใหม่เสนอให้เพิ่มโทษจำคุกเข้ามาด้วย คือ จำคุกไม่เกิน 3 เดือน ส่วนโทษ ปรับเพิ่มขึ้นเป็นสูงสุดไม่เกิน 50,000 บาท

 

 3. มาตรา 66 ขับรถโดยไม่แสดงใบอนุญาต ตามกฎหมายเดิมปรับไม่เกิน 1,000 บาท แต่ตามกฎหมายใหม่ เสนอให้ปรับสูงสุดไม่เกิน 10,000 บาท

 

      หลังจากข่าวการแก้ไข้พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 ออกไปได้ไม่นาน ผู้ใช้รถใช้ถนนส่วนหนึ่งที่ทราบต่างออกมาวิพากษ์ วิจารณ์ กับกฎหมายฉบับใหม่นี้กันอย่างครึกโครม ถึงโทษปรับสูงสุดมากเกือบครึ่งแสนจน พล.ต.ต.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ ผบก.ส.3 เข้าประชุมกับอธิบดีกรมขนส่งเพื่อปรึกษาเรื่องใบขับขี่ ในประเด็นค่าปรับ ว่าควรพิจารณาเช่นใดต่อไป กับกระแสที่ออกมาในด้านลบมากกว่าด้านบวก

 

 

 

      ล่าสุดกับอีกประเด็นที่กำลังถูกจับตามองกับใบขับขี่บิ๊กไบค์ ปี 2562 ที่กำลังจะคลอดออกมาใหม่เร็วๆนี้ เมื่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบปรับปรุงแก้ไขร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขอและการออกใบอนุญาตขับรถ และการขอต่ออายุ และการอนุญาตให้ต่ออายุใบอนุญาตขับรถ พ.ศ. 2548 และผู้ที่ประสงค์จะขับรถจักรยานยนต์ที่มีกำลังสูงหรือ บิ๊กไบค์ ต้องทำตามกฎอย่างเคร่งคัด มีการฝึกอบรม และทดสอบการขับรถ พร้อมกับแยกใบอนุญาตขับขี่รถจักรยานยนต์ทั่วไปและรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ออกจากกัน 

 

     ทั้งนี้เกณฑ์ผู้ที่จะขับรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์นั้น รถจะต้องมีขนาดกำลังเครื่องยนต์เกิน 400 ซีซีขึ้นไป โดยจะต้องเข้ารับการฝึกอบรมทั้งภาคทฤษฎี และภาคปฏิบัติใหม่ทั้งหมด รวมถึงต้องมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องของกฎหมายจราจรและมีทักษะในการขับบิ๊กไบค์ด้วย ซึ่งผู้ที่มีใบขับขี่รถจักรยานยนต์เดิม แล้วมีรถบิ๊กไบค์ ต้องเข้ามาฝึกอบรมทั้งทฤษฎีและปฎิบัติเพิ่มเติม ก่อนที่จะได้รับใบขับขี่ใหม่และถือเป็นใบเดียวเท่านั้น
โดยมีการแบ่งเกณฑ์ขนาดของซีซีรถด้วย ด้านการอบรมหลักสูตรจะแตกต่างจากรถจักรยานยนต์ เช่นมีการเพิ่มชั่วโมงการอบรมมากขึ้น ปรับปรุงข้อสอบเพิ่มในข้อเขียน เกี่ยวกับกฎหมายจราจร กฎหมายรถยนต์ 

 

      กฎหมายขนส่ง การบำรุงรักษาเครื่องยนต์ และเครื่องหมายจราจร ปัจจุบันผู้ที่มาขอสอบต้องสอบข้อเขียนให้ผ่าน 45 ข้อ จาก 50 ข้อ และต้องอบรมจากสถานบันขับรถหรือโรงเรียน ที่มีหลักเกณฑ์กำหนดไว้อย่างถูกต้องตามหลัก สุดท้ายที่สำคัญสุดคือใบรับรองแพทย์ ต้องรับรองสภาพร่างกายผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ ไม่เป็นโรคบั่นทอนสมรรถนะการขับขี่ เช่น ผู้ที่ป่วยเป็นโรคเท้าช้าง , วัณโรค , โรคเรื้อน , โรคพิษสุราเรื้อรัง , และติดยาเสพติดให้โทษ

 

 

       รวมถึงผู้มีความผิดปกติของตา เช่น พิการทางสายตา , มีต้อหิน , ต้อกระจก , เป็นตาบอดสี ก็ถูกห้ามไม่ให้ขับขี่รถด้วย พร้อมทั้งเพิ่มอีก 5 โรคใหม่ ที่เพิ่งเพิ่มในปี 2561 ดังนี้ โรคเบาหวานที่มีอาการรุนแรง , โรคลมชัก , โรคความดันโลหิตสูง , ผู้ที่เคยรับการผ่าตัดสมอง , โรคหัวใจ

 

       สำหรับอีกหนึ่งคำถามที่หลายคนต่างอยากรู้เนื่องจากเด็กวัยรุ่นสมัยใหม่มีค่านิยมในการขับขี่รถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์มากขึ้น โดยประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เล็งเห็นถึงความปลอดภัยในเรื่องนี้จึงกำหนดเกณฑ์ของผู้ที่สามารถขับขี่บิ๊กไบค์ต้องมีอายุขั้นต่ำ 18 ปีขึ้นไป เนื่องจากรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์นั้นมีขนาดใหญ่ มีความอัตรายกว่าปกติ ซึ่งต่างจากรถจักรยานยนต์ธรรมดาทั่วไปเครื่องยนต์ 110 ซีซี  ที่หากมีผู้ปกครองรับรองเด็กอายุ 15 ปี ก็สามารถทำใบขับขี่ได้แล้ว 

 

        การกำหนดอายุขอผู้ที่ขับรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์อาจเนื่องด้วยมีข่าวเกี่ยวกับการเสียชีวิต หรือขับขี่บิ๊กไบค์โดยประมาทเพิ่มขึ้นอยู่เรื่อยๆ ที่ปรากฎให้เห็นตามหน้าสื่อ เช่นเมื่อปี 2559 กับเหตุการณ์ของผู้ใช้เฟซบุ๊ก รายหนึ่งโพสต์ภาพอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ ผู้ขับขี่เป็นเพียงเด็กนักเรียน แต่ด้วยความคึกคะนองทำให้ขับขี่บิ๊กไบค์อย่างประมาทขับมาด้วยความเร็วจนในที่สุดต้องเสียชีวิตลงก่อนวัยอันควร 

 

 

         หรือจะเป็นอีกเหตุการณ์หนึ่งที่เกิดขึ้นในปี 2559 เช่นกันกับ เด็กนักเรียน ม.5  ขับขี่รถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ มาด้วยความเร็ว เป็นเหตุให้ไม่สามารถหยุดรถได้ทันพุ่งชน นายสัมพันธ์ อาภรณ์พันธ์ อายุ 67 ปี บาดเจ็บสาหัส และไถลไปชนกับรถเก๋งของ น.ส.นิภาวรรณ บุญธรรมเจริญ อายุ 40 ปี บาดเจ็บอีกคน นี่เป็นเพียง 2 เหตุการณ์เล็กๆ ที่เกิดจากผู้ขับบิ๊กไบค์เป็นเด็กเยาวชน วัยเรียนเท่านั้น ยังมีเหตุการณ์ทำนองนี้กับผู้ใหญ่ ที่บรรลุนิติภาวะแล้วอีกหลายเหตุการณ์ที่เกิดจากการขับขี่บิ๊กไบค์ จึงเป็นเหตุให้ทางกรมขนส่งทางบก ต้องเข้มงวดมากขึ้นเช่นกันกับผู้ขับขี่บิ๊กไบค์ เพื่อการใช้รถใช้ถนนของผู้อื่นอันปลอดภัยกลับถึงบ้านโดยสวัสดิภาพทุกคน

 

 ขอขอบคุณ honestdocs  , ridebuste