เส้นทาง 9 ปี สู้ยิบตา "หม่อง ทองดี" กว่าจะได้สัญชาติอีกไม่ไกลเกินฝัน

นับเป็นข่าวดีที่หลายคนเฝ้ารอโดยเฉพาะ นายหม่อง ทองดี กับเรื่องสัญชาติไทยที่ได้รับ ซึ่งตอนนี้ขาดแต่รับบัตรประชาชนอย่างถูกต้องเท่านั้น หากย้อนความกลับไปถึงการต่อสู้ของน้องหม่อง อดีตเด็กน้อยผู้เคยเข้าร่วมการแข่งขันร่อนเครื่องบินพับกระดาษจนได้รับรางวัล อันดับที่ 3 ประเภทบุคคลชายอายุไม่เกิน 12 ปี

 

      นับเป็นข่าวดีที่หลายคนเฝ้ารอโดยเฉพาะ นายหม่อง ทองดี กับเรื่องสัญชาติไทยที่ได้รับ ซึ่งตอนนี้ขาดแต่รับบัตรประชาชนอย่างถูกต้องเท่านั้น หากย้อนความกลับไปถึงการต่อสู้ของน้องหม่อง อดีตเด็กน้อยผู้เคยเข้าร่วมการแข่งขันร่อนเครื่องบินพับกระดาษจนได้รับรางวัล อันดับที่ 3 ประเภทบุคคลชายอายุไม่เกิน 12 ปี ที่ประเทศญี่ปุ่น จังหวัดชิบะ เมื่อปี พ.ศ. 2552 ขณะนั้นน้องหม่อง เป็นเด็กนักเรียน ป.4 ธรรมดาเท่านั้นแต่กลับสร้างชื่อเสียงให้ประเทศ จนได้รับการชื่นชมจาก คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กับ อดีตนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในการแข่งขันร่อนเครื่องบินพับกระดาษ


 
       แต่กว่าจะได้ไปแข่งขันนั้น น้องหม่องติดเรื่องสัญชาติ ที่ไม่สามารถเดินทางออกนอกประเทศได้ ถือเป็นบุคคลต่างด้าว นายวิชัย ศรีขวัญ ปลัดกระทรวงมหาดไทยในตอนนั้น จึงต้องทำหนังสือด่วนเพื่อขอความอนุเคราะห์ให้บุตรแรงงานต่างด้าว ออกนอกราชอาณาจักรได้ ซึ่งเป็นข่าวโด่งดังหลายคนคอยลุ้นว่าน้องหม่องจะได้หนังสือทันเวลาหรือไม่ และแล้วน้องหม่องก็ได้หนังสือ รับรองการออกนอกประเทศ 90 วันมาทันวันแข่งขัน จนสามารถสร้างชื่อเสียงให้ประเทศได้สำเร็จ

 

เส้นทาง 9 ปี สู้ยิบตา "หม่อง ทองดี" กว่าจะได้สัญชาติอีกไม่ไกลเกินฝัน

 

 

เส้นทาง 9 ปี สู้ยิบตา "หม่อง ทองดี" กว่าจะได้สัญชาติอีกไม่ไกลเกินฝัน

 

      เมื่อกลับมายังประเทศไทยน้องหม่องได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีในฐานะเยาวชนผู้สร้างชื่อเสียงให้ประเทศ โดยมีคุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีกระทรวงวิทยาศาสตร์ ในตอนนั้นกับนางเตือนใจ ดีเทศน์ อดีตสว.จังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยครูวินัสรินทร์ มีทรัพย์ ครูประจำโรงเรียนบ้านห้วยทราย ที่หม่องศึกษาอยู่ รวมทั้งนายยุ้นและนางม้อย ทองดี พ่อและแม่มารับที่ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ หลังจากนั้นน้องหม่องได้เข้าพบกับอดีตนายกรัฐมนตรีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ทำเนียบรัฐบาล และได้รับคำมั่นสัญญาในการได้รับสัญชาติจากนายอภิสิทธิ์  ว่าจะช่วยเหลือให้ได้รับสัญชาติไทยเนื่องจากน้องหม่องทำชื่อเสียงให้กับประเทศ อยู่ในหลักเกณฑ์การขอแปลงสัญชาติเป็นไทย 

 

โดยหลักเกณฑ์ของต่างด้าวที่สามารถขอแปลงสัญชาติไทยได้ ตามหลักทั่วไปมี  5 ข้อ ดังนี้
1.เป็นคนต่างด้าวทั่วไป
2.บรรลุนิติภาวะแล้ว
3.มีความประพฤติดี ผ่านการตรวจประวัติอาชญากรรม
4.มีอาชีพสุจริต และรายได้เป็นหลักแหล่ง
5.มีใบสำคัญถิ่นที่อยู่ใบประจำตัวคนต่างด้าว มีชื่อในทะเบียนราษฎร

ส่วนหลักเกณฑ์ในการขอเปลี่ยนสัญชาติไทยแก่บุคคลผู้ทำคุณประโยชน์แก่ประเทศ (กรณีเกิดในประเทศไทย) มีด้วยกัน 8 ข้อ
1. รัฐบาลมีนโยบายให้สัญชาติ
2. ไม่ปรากฎหลักฐานการมีและใช้สัญชาติอื่น
3. เกิดและมีภูมิลำเนาในราชอาณาจักรต่อเนื่อง โดยมีชื่ออยู่ในเอกสารทะเบียนราษฎร หรือมีเอกสารทางราชการที่แสดงว่าเกิดในประเทศไทย
4. มีความจงรักภักดีต่อประเทศไทย และเลื่อมใสในการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
5. มีความประพฤติดีและไม่มีพฤติกรรมที่เป็นอันตรายต่อความมั่นคงของประเทศไทย รวมทั้งต้องไม่เคยได้รับโทษคดีอาญา ยกเว้นความผิดโดยประมาทหรือลหุโทษ ทั้งนี้หากได้รับโทษในคดีอาญาต้องพ้นโทษมาแล้ว อย่างน้อย 5 ปี
6. ประกอบอาชีพสุจริต
7. เป็นผู้ทำคุณประโยชน์ต่อประเทศ โดยมีผลงานหรือความรู้ความเชี่ยวชาญเป็นที่ประจักษ์และเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศ อย่างต่อเนื่องในสาขาต่างๆ ดังนี้ 
    7.1 การศึกษา
    7.2 ศิลปวัฒรธรรม
    7.3 วิทยาศาสตร์และเทตโนโลยี
    7.4 การกีฬา
    7.5 สาขาที่ขาดแคลนภายใต้ความรับผิดชอบของกระทรวงที่เกี่ยวข้อง
    7.6 สาขาอื่นๆตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเห็นควร
8. มีหน่วยงานราชการระดับกรมหรือเทียบเท่ากรมที่เกี่ยวข้องรับรองคุณประโยชน์และผลงาน

 

เส้นทาง 9 ปี สู้ยิบตา "หม่อง ทองดี" กว่าจะได้สัญชาติอีกไม่ไกลเกินฝัน

 

         อย่างไรก็ตามหลังเกิดเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงทางการเมืองทำให้หม่อง พลาดโอกาสได้รับสัญชาติไปแต่ได้ดำเนินการตามขั้นตอนทุกอย่างแล้ว จน 9 ปีต่อมา วันที่ 26 ก.ค. 2561 หม่องได้ไปยื่นหลังสือแบบคำร้องขอพิจารณาอีกครั้ง ถึงความจำเป็นต้องได้สัญชาติไทย ยังที่ว่าการอำเภอเมืองเชียงใหม่ พร้อมแนบใบรับรองทำคุณประโยชน์ให้ประเทศ จากกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อเป็นการย้ำเตือนให้หน่วยงานได้ทราบและอัพเดตข้อมูลลงในระบบใหม่ เพราะตลอดเวลาที่หม่อนรอการพิจารณาขอสัญชาติ ได้ผันตัวไปเป็นครูฝึกสอนบินโดรน พร้อมทั้งสอนน้องๆ เยาวชนรุ่นใหม่ในการแข่งเครื่องบินกระดาษ เหตุผลอีกประการหนึ่งที่หม่องอยากได้สัญชาติเป็นเพราะว่าต้องคุมทีมน้องๆ เยาวชนไปแข่งต่างประเทศอยู่ตลอดเวลา หากได้สัญชาติจะเป็นเรื่องที่ง่ายและสะดวกขึ้นในการดำเนินเรื่อง 

 

เส้นทาง 9 ปี สู้ยิบตา "หม่อง ทองดี" กว่าจะได้สัญชาติอีกไม่ไกลเกินฝัน

 

เส้นทาง 9 ปี สู้ยิบตา "หม่อง ทองดี" กว่าจะได้สัญชาติอีกไม่ไกลเกินฝัน

 

เส้นทาง 9 ปี สู้ยิบตา "หม่อง ทองดี" กว่าจะได้สัญชาติอีกไม่ไกลเกินฝัน

 

     สิ่งหนึ่งที่หม่องเคยกล่าวถึงตัวเองเมื่อครั้งมีข่าวทีมหมูป่าติดถ้ำหลวงได้รับสัญชาติ ซึ่งหม่องคิดว่าเป็นสิ่งดี เพราะข่าวของหม่องในเรื่องนี้เป็นประเด็นที่นานแล้วหากไร้ข่าวหมูป่ายากที่หม่องจะได้รับความสนใจอีกในประเด็นขอสัญชาติ ที่เคยยื่นไว้เมื่อ 9 ปีก่อน  

 

    ต่อมาเมื่อวันที่ 13 ส.ค. 2561 คนไทยที่เฝ้ารอข่าวของหม่องในการได้สัญชาติเริ่มมีความหวังเมื่อทางสถานีโทรทัศน์ Thai PBS ได้ออกมามอบหนังสือรับรองการทำคุณประโยชน์ของหม่อง ในการปฎิบัติหน้าที่เป็นผู้ช่วยวิทยากร การอบอมเชิงปฎิบัติ การถ่ายภาพอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน และร่วมถ่ายภาพรายการหนูน้อยให้กับ ส.ส.ท. จึงถือเป็นผู้มีคุณประโยชน์ เชิงทางการศึกษา ทั้งยังมีหนังสือรับรองจากคุณหญิงกัลยา โสภณพนิช และ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อีก 2 ฉบับเป็นเครื่องยืนยันในคุณความดีที่ทำเพื่อประเทศ

 

    และวันนี้ที่รอคอยก็มาถึง 24 ส.ค. 2561 ทางกรมการปกครองได้ออกหนังสือ มท.0309.1/18548 ให้กับหม่องทราบถึงการพิจารณาให้สัญชาติไทยแก่หม่อง ทองดี เป็นผลสำเร็จ โดยกรมปกครองได้เห็นชอบให้ยื่นคำขอสัญชาติ นำหนังสือเห็นชอบที่ลงนาม พร้อมหลักฐานไปยื่นขอทำบัตรประชาชน ที่ว่าการอำเภอเมืองเชียงใหม่ ซึ่งก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่าหม่องนั้นจะไปทำบัตรประชาชนในวันที่ 3 ก.ย. 2561 แต่หม่องได้ออกมาชี้แจงว่า ขั้นตอนรวมถึงกระบวนการต่างๆ ยังไม่สามารถได้รับบัตรประชาชนได้ในตอนนี้  ต้องนำหนังสือเห็นชอบจากกรมการปกครองไปยื่นยังที่ว่าการอำเภอเมืองเชียงใหม่ และต้องตรวจสอบประวัติอาชญากรรมกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ 

 

    ยังต้องผ่านอีกหลายกระบวนการ อาจจะใช้ระยะเวลาถึง 9 เดือน ต่อจากนี้ถึงจะได้สัญชาติไทยและบัตรประชนอย่างถูกต้อง ทั้งนี้หม่องได้ขอบคุณผู้มีพระคุณทุกฝ่ายที่ไม่นิ่งนอนใจต่อเรื่องของเขา ทำให้โอกาสการได้สัญชาติกลับมาอีกครั้ง พร้อมทั้งเป็นต้นแบบให้เยาวชนทำคุณประโยชน์ให้ประเทศแต่ไร้สัญชาติได้มีความหวัง

 

ขอขอบคุณเฟซบุ๊กMong Thongdee