"แม่สปาย"ยันรายได้ลูกเป็นแสนๆมือเติบใช้จ่ายพาเที่ยวญี่ปุ่น บ้านรวยไม่เกี่ยวเงิน 7 ล้าน อึ้งรายได้อดีตโคโยตี้คนที่"เสี่ยอ้วน"สุดหลง

เถียงขาดใจ "แม่สปาย"ยันรายได้ลูกเป็นแสนๆมือเติบใช้จ่ายพาเที่ยวญี่ปุ่น บ้านรวยขึ้นไม่เกี่ยวเงิน 7 ล้าน อึ้งรายได้อดีตโคโยตี้คนที่"เสี่ยอ้วน"สุดหลง

ยังคงเป็นเรื่องที่คนในสังคมให้ความสนใจอย่างมาก สำหรับกรณีที่ นายปัญญา ยิ่งดัง หรือ เสี่ยอ้วน อายุ 39 ปี พร้อมพวก วางแผนร่วมกันฆ่า น.ส.ปวีณา นาเมืองรักษ์ หรือ สปาย อายุ 20 ปี และนายอนันตชัย จริตรัมย์ หรือ ฟอส อายุ 20 ปี ที่เขาชีจรรย์ จ.ชลบุรี โดยภายหลังก่อเหตุเสี่ยอ้วนได้หลบหนีออกนอกประเทศ แต่ในที่สุดก็ถูกจับกุมได้ ซึ่งทางเสี่ยอ้วนสารภาพว่าลงมือก่อเหตุฆ่าทั้งสอง คือ น.ส.ปวีณา และนายอนันตชัยจริง พร้อมทั้งสารภาพถึงชนวนเหตุในการสังหารโหดครั้งนี้โดยมีเรื่องของเงินจำนวน 7 ล้านบาท ที่ทางเสี่ยอ้วนอ้างว่าได้โอนให้ทางครอบครัวของสปายใช้จ่ายเข้ามาเกี่ยวข้องนั้น

 

ต่อมาประเด็นที่คนให้ความสนใจเป็นอย่างยิ่งคือเรื่องเงินจำนวน 7 ล้านบาท ที่เสี่ยอ้วนอ้างว่าโอนให้ทางครอบครัวของสปาย และอีกประเด็นเมื่อทางแม่ของฟอสได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า แม่ของสปายได้ใช้เฟซบุ๊กส่วนตัวของลูกสาวทักแชทสนทนาพูดคุยกับเสี่ยอ้วน และมีการส่งภาพบ้านที่กำลังสร้างรายงานความคืบหน้าให้เสี่ยอ้วนทราบเป็นระยะ ๆ แต่เรื่องนี้ทางด้านแม่ของสปายได้ออกมาเปิดเผยในตอนหลังว่า ตนใช้เฟซบุ๊กส่วนตัวของลูกจริง แต่เป็นการใช้เพื่อแชทสนทนากับเพื่อนลูกสาว ดูว่าใครติดเงินลูกบ้างต้องใช้คืนเท่าไหร่ แต่ไม่ได้ใช้เพื่อสนทนาเรื่องเงินกับทางเสี่ยอ้วนตามที่เป็นข่าว พร้อมทั้งยังชี้แจงเรื่องการไปเที่ยวญี่ปุ่นด้วยว่า เป็นเงินของลูกสาวตนเอง อ่านข่าว : กังขาหนักหน่วง "แม่สปาย"รับเล่นเฟซแทนลูก ไม่กลัว"เสี่ยอ้วน"ฟ้อง เพิ่งรู้มีเงินกว่า 2 ล้านใช้ซื้อรถเที่ยวญี่ปุ่น

 

"แม่สปาย"ยันรายได้ลูกเป็นแสนๆมือเติบใช้จ่ายพาเที่ยวญี่ปุ่น บ้านรวยไม่เกี่ยวเงิน 7 ล้าน อึ้งรายได้อดีตโคโยตี้คนที่"เสี่ยอ้วน"สุดหลง

 

"แม่สปาย"ยันรายได้ลูกเป็นแสนๆมือเติบใช้จ่ายพาเที่ยวญี่ปุ่น บ้านรวยไม่เกี่ยวเงิน 7 ล้าน อึ้งรายได้อดีตโคโยตี้คนที่"เสี่ยอ้วน"สุดหลง

 

เกี่ยวกับเรื่องนี้ ในเฟซบุ๊กของ นายสมพงษ์ ฉลูศรี พ่อของสปาย ได้โพสต์ภาพในช่วงเวลาที่ไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่นกันทั้งครอบครัว โดยมีการไปเที่ยวเล่นหิมะ และสถานที่ท่องเที่ยวอีกหลายแห่ง พร้อมทั้งรับประทานอาหารดี ๆ  ซึ่ง นางวันเพ็ญ นาเมืองรักษ์ แม่ของสปาย ยืนยันว่า เงินที่ใช้ไปเที่ยวญี่ปุ่นนั้น เป็นเงินเก็บของลูกสาว เนื่องจากในตอนที่ทำงานอยู่กับเสี่ยอ้วน สปายทำงานสตาร์ตเงินเดือนที่ 30,000 บาท ก่อนเงินเดือนขยับขึ้นมาอยู่ที่ 100,000 บาท จึงทำให้มีเงินเก็บจำนวนมาก

 

"แม่สปาย"ยันรายได้ลูกเป็นแสนๆมือเติบใช้จ่ายพาเที่ยวญี่ปุ่น บ้านรวยไม่เกี่ยวเงิน 7 ล้าน อึ้งรายได้อดีตโคโยตี้คนที่"เสี่ยอ้วน"สุดหลง

 

"แม่สปาย"ยันรายได้ลูกเป็นแสนๆมือเติบใช้จ่ายพาเที่ยวญี่ปุ่น บ้านรวยไม่เกี่ยวเงิน 7 ล้าน อึ้งรายได้อดีตโคโยตี้คนที่"เสี่ยอ้วน"สุดหลง


ก่อนหน้านั้น ก็มีรายงานด้วยว่าสปายทำงานเป็นโคโยตี้-พีอาร์ในบาร์ของเสี่ยอ้วน โดยคืนหนึ่ง ๆ จะมีรายได้ต่ำ ๆ ตั้งแต่หลักหมื่นไปจนถึงหลักแสน ทำให้เดือน ๆ หนึ่งสปายมีเงินเข้ากระเป๋าจำนวนเกือบล้านบาท อีกทั้งยังมีข้อมูลรายงานด้วยว่า สปายเป็นโคโยตี้ที่ทางเสี่ยอ้วนรักและจริงจังจริงใจมาก เพราะคบหน้าดูใจกันมานาน 

 

"แม่สปาย"ยันรายได้ลูกเป็นแสนๆมือเติบใช้จ่ายพาเที่ยวญี่ปุ่น บ้านรวยไม่เกี่ยวเงิน 7 ล้าน อึ้งรายได้อดีตโคโยตี้คนที่"เสี่ยอ้วน"สุดหลง

 

"แม่สปาย"ยันรายได้ลูกเป็นแสนๆมือเติบใช้จ่ายพาเที่ยวญี่ปุ่น บ้านรวยไม่เกี่ยวเงิน 7 ล้าน อึ้งรายได้อดีตโคโยตี้คนที่"เสี่ยอ้วน"สุดหลง


ในขณะที่ทางด้าน น.ส.วันเพ็ญ นาเมืองรักษ์ แม่ของสปาย เปิดเผยว่า ที่สปายพาครอบครัวไปเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่นนั้น เพราะสปายทำงานมีรายได้หลักแสนบาทต่อเดือน และตนขอย้ำว่าที่ครอบครัวมีชีวิตดีขึ้นเพราะเสี่ยอ้วนนั้นไม่ใช่เรื่องจริง ซึ่งก่อนคบเสี่ยอ้วนที่บ้านก็มีฐานะดีขึ้นเรื่อย ๆ เพราะที่บ้านสร้างไว้ โดยมีธุรกิจส่วนตัว ขายรองเท้า เวลาไปออกตลาดก็มีลูกค้าเพิ่มขึ้น มีรายได้เข้ามา

 

"แม่สปาย"ยันรายได้ลูกเป็นแสนๆมือเติบใช้จ่ายพาเที่ยวญี่ปุ่น บ้านรวยไม่เกี่ยวเงิน 7 ล้าน อึ้งรายได้อดีตโคโยตี้คนที่"เสี่ยอ้วน"สุดหลง

 

"แม่สปาย"ยันรายได้ลูกเป็นแสนๆมือเติบใช้จ่ายพาเที่ยวญี่ปุ่น บ้านรวยไม่เกี่ยวเงิน 7 ล้าน อึ้งรายได้อดีตโคโยตี้คนที่"เสี่ยอ้วน"สุดหลง

 

"แม่สปาย"ยันรายได้ลูกเป็นแสนๆมือเติบใช้จ่ายพาเที่ยวญี่ปุ่น บ้านรวยไม่เกี่ยวเงิน 7 ล้าน อึ้งรายได้อดีตโคโยตี้คนที่"เสี่ยอ้วน"สุดหลง

 

"แม่สปาย"ยันรายได้ลูกเป็นแสนๆมือเติบใช้จ่ายพาเที่ยวญี่ปุ่น บ้านรวยไม่เกี่ยวเงิน 7 ล้าน อึ้งรายได้อดีตโคโยตี้คนที่"เสี่ยอ้วน"สุดหลง

 

ขอบคุณ : สมพงษ์ แฮบ, รายการทุบโต๊ะข่าวอมรินทร์ทีวี, ไทยรัฐออนไลน์