- 28 ส.ค. 2561
ข่าวดีเฮลั่นสุดๆ มติครม.เติมเงินให้อีก 200 บาท ผ่าน "บัตรคนจน" กดสดๆตู้เอทีเอ็ม
ถือเป็นอีกหนึ่งสวัสดิการที่เพิ่มความสะดวกและสิทธิประโยชน์ให้กับผู้ที่ถือบัตรคนจน หรือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หลังจากที่รัฐบาลมีการประชาสัมพันธ์โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ หรือที่รู้จักกันในชื่อ "ลงทะเบียนคนจน" ได้รับความสนใจอย่างมาก ที่แม้จะเปิดให้ร่วมโครงการลงทะเบียนคนจนถึง 2 รอบแล้ว ในปี 2559 และปี 2560 แต่ก็ยังพบผู้มีรายได้น้อยหลายคนที่พลาดโอกาสได้รับบัตรคนจน
ด้วยเหตุนี้คณะรัฐมนตรี จึงมีมติเห็นชอบให้เปิดลงทะเบียนคนจน รอบพิเศษ ภายใต้โครงการไทยนิยม ยั่งยืน เพื่อช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยเพิ่มเติมอีก 1 ล้านราย ในปี 2561
ล่าสุดพ.อ.อธิสิทธิ์ ไชยนุวัติ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.มีมติเห็นชอบกรณีการเติมเงินเข้ากระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ แก่ผู้มีสิทธิ์ตามมาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ตามมติ ครม.ระยะที่ 1 เมื่อวันที่ 29 ส.ค.60 และระยะที่ 2 วันที่ 9 ม.ค.61 กรณีการให้เงินช่วยผู้ถือบัตรดังกล่าว โดยระยะที่ 1 จะได้จำนวนเงินเพิ่ม 200 - 300 บาทต่อ และระยะที่ 2 เพิ่มอีก 100 - 200 บาท สำหรับผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่แสดงความประสงค์จะพัฒนาตนเองในแบบประเมินและเมนูการพัฒนารายบุคคล โดยขึ้นอยู่กับรายได้ขั้นต่ำ
อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการเพิ่มทางเลือกและกำลังซื้อแก่ผู้ถือบัตรให้สามารถนำเงินไปใช้จ่ายได้ตามต้องการ สำหรับช่วยบรรเทาปัญหาค่าครองชีพ และส่งเสริมให้เกิดการหมุนเวียนของระบบเศรษฐกิจ จึงได้มีการเสนอให้ปรับเปลี่ยนแนวทางจากการเพิ่มวงเงินค่าซื้อสินค้าอุปโภค-บริโภคที่จำเป็น รายเดือน ตามมาตรการเดิมของมติ ครม.เป็นการเติมเงินเข้าสู่กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ในบัตรดังกล่าวของผู้มีสิทธิ์แทน
โดยมีระยะเวลาตั้งแต่เดือน ก.ย.- ธ.ค.61 จากเดิมที่เมื่อได้รับเงินแล้วต้องใช้จ่ายในร้านธงฟ้าเท่านั้น เปลี่ยนเป็นผู้ถือบัตรสามารถถอนเงินที่เติมเข้า เป็นเงินสดผ่านผ่านตู้เอทีเอ็มและสาขาของ บมจ.ธนาคารกรุงไทย ได้เลย และหากแต่ละเดือนมียอดเงินคงเหลือ สามารถสะสมไว้ใช้สำหรับเดือนต่อไปได้ ซึ่งครอบคลุมเฉพาะเงิน 100-200 บาท ในระยะที่ 2 เท่านั้น
สำหรับงบประมาณตั้งแต่การเริ่มดำเนินโครงการตั้งแต่เดือน มี.ค. - ส.ค.ที่ผ่านมา ในระยะที่ 2 สำหรับผู้ที่มีรายได้ต่ำกว่า 30,000 บาทต่อปี จำนวน 4,868.85 ล้านบาท และผู้มีรายได้มากกว่า 30,000 บาทต่อปี แต่ไม่เกิน 100,000 บาท จำนวนเงิน 826.98 ล้านบาท โดยโครงการดังกล่าวได้รับงบประมาณในการดำเนินมาตรการ วงเงินรวม 35,679.09 ล้านบาท
นอกจากนี้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ยังสามารถใช้ตามเงื่อนไขต่อไปนี้ได้
-ลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง
-ลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือน
-ส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้ม
โดยแบ่งบัตรออกเป็น 2 ประเภทคือ
1.Hybrid 2 chips ให้กับประชาชนใน 7 จังหวัด กทม.และปริมณฑล สามารถขึ้นรถเมล์ รถไฟฟ้าในกทม.ได้
2.EMV. ให้กับประชาชนนอกเขต 7 จังหวัดข้างต้น ไม่สามารถขึ้นรถเมล์ และรถไฟฟ้าในกทม.ได้