- 30 ส.ค. 2561
สำนักชลประทานแจ้งด่วน 7 จว.เฝ้าระวังเขื่อนเจ้าพระยาระบายน้ำเพิ่ม อีก 24 ชม.ทั่วไทยฝนยังหนัก
จากสถานการณ์ฝนตกหนักต่อเนื่องในช่วงวันที่ 23-28 ส.ค 2561 ที่ผ่านมา ส่งผลให้หลายจังหวัดได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะปริมาณน้ำที่เพิ่มมากขึ้น ได้ไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยา ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้น
ล่าสุดทางด้านสำนักงานชลประทานที่ 12 ได้ส่งหนังสือแจ้งเตือนผู้ว่าราชการจังหวัด ในพื้นที่ราบลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา ได้แก่จังหวัด อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี ลพบุรี และผู้อำนวยการสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย จังหวัดชัยนาท ระบุว่า "ตามหนังสือที่อ้างอิง สำนักงานชลประทานที่ 12 แจ้งสถานการณ์น้ำลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา ฉบับที่ 2 ว่า ในช่วงวันที่ 23-28 ส.ค.2561 ประเทศไทยจะมีฝนตกเพิ่มขึ้น
ซึ่งสำนักงานชลประทานที่ 12 จะควบคุมการระบายน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยาอยู่ในอัตราไม่เกน 700 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ความละเอียดแจ้งแล้ว นั้น
เนื่องจากปริมาณน้ำไหลผ่านจังหวัดนครสวรรค์ที่สถานีวัดน้ำ C2 เพิ่มสูงขึ้น ปัจจุบัน ณ วันที่ 30 สิงหาคม 2561 เวลา 06.00 น. สถานีวัดน้ำ C2 จังหวัดนครสวรค์ มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 1,080 ลูกบาศ์กเมตรต่อวินาที ระดับน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยาอยู่ที่ระดับ +16.68ม. รทก. ระดับสุดท้าย+9.88 ม. รทก. ปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยา681 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และคาดการณ์ว่าจะมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นในเกณฑ์ประมาณ 700- 800 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งจะส่งผลให้ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นตั้งแต่ท้ายเขื่อนเจ้าพระยา อำเภอสรรพยา จังหวัดชัยนาท ถึงบริเวณตำบลบ้านกระทุ่ม อำเภอเสา และตำบลท่าดินแดง อำเภอผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ทั้งนี้สำนักงานชลประทานที่ 12 จะควบคุมปริมาณการไหลของน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยาให้อยู่ในเกณฑ์ประมาณ 800 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ด้วยการบริหารจัดการน้ำเต็มศักยภาพของพื้นที่ โดยไม่ให้มีผลกระทบต่อพื้นที่การเกษตร ซึ่งจากสถานการณ์ดังกล่าวนี้คาดว่าจะทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณจังหวัดพระนครศรีอยุธยาเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันประมาณ 50-80 เซนติเมตร โดยที่ปริมาณดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่บริเวณริมตลิ่งแม่น้ำเจ้าพระยา ทั้งนี้หากมีฝนตกหนักเพิ่มเติม ซึ่งจะส่งผลกระทบให้มีปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยามากกว่า 800 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จะแจ้งให้ทราบต่อไป"
ดังนั้น เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์น้ำ จึงใคร่ขอความอนุเคราะห์จังหวัด ประชาสัมพันธ์ แจ้งเตือนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง บริษัท ห้างร้าน ที่ประกอบกิจการริมแม่น้ำเจ้าพระยา อาทิเช่น งานก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่ง แพร้านอาหาร เป็นต้น และประชาชนที่อาศัยอยู่ริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ขอให้เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
ทั้งนี้มีรายงานว่าที่เขื่อนเจ้าพระยา ต.บางหลวง อ.สรรพยา จ.ชัยนาท ได้มีการปรับเพิ่มการระบายน้ำลงท้ายเขื่อนอย่างต่อเนื่อง จากเดิมที่ระบายน้ำในอัตรา 631 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพิ่มเป็น 681 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เนื่องจากมีประมาณน้ำที่ไหลจากภาคเหนือ ผ่านจุดวัดน้ำหน้าค่ายจิรประมัติ จ.นครสวรรค์ เข้าสู่เขื่อนเจ้าพระยามีปริมาณเพิ่มขึ้น โดยสถานการณ์ดังกล่าว จะส่งผลให้ระดับน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มขึ้น 25 เซนติเมตร ในรอบ 24 ชั่วโมง
ส่วนทางด้านท้ายเขื่อนระดับน้ำก็ยกตัวขึ้นเช่นกัน โดยเพิ่มขึ้นประมาณ 19 เซนติเมตร ในรอบ 24 ชั่วโมง ส่งผลให้พื้นที่ลุ่มต่ำท้ายเขื่อนอย่าง คลองโผงเผง ใน อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง ได้รับผลกระทบระดับน้ำจะเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 10 เซนติเมตร จึงมีการเตือนให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ริมตลิ่งเฝ้าติดตามระดับน้ำ และประกาศจากทางราชการอย่างใกล้ชิด
นอกจากนี้กรมอุตุนิยมวิทยายังได้รายงานสภาพอากาศประจำวันที่ 30 สิงหาคม 2561 ระบุว่า พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยตอนบนมีฝนตกต่อเนื่อง และมีฝนตกหนักบางพื้นที่บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนในบริเวณภาคเหนือตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนตกสะสม ที่ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่มไว้ด้วย
สำหรับทะเลอันดามันมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง
ร่องมรสุมพาดผ่านประเทศเมียนมา ประเทศลาวตอนบน และประเทศเวียดนามตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณอ่าวตังเกี๋ย ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย มีกำลังปานกลาง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนตกหนักบางพื้นที่ สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามัน และอ่าวไทยตอนบนมีกำลังปานกลาง
ภาคเหนือ มีเมฆมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ พิษณุโลก พิจิตร และเพชรบูรณ์ อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-31 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีเมฆมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดเลย หนองคาย บึงกาฬ หนองบัวลำภู อุดรธานี สกลนคร นครพนม และชัยภูมิ อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 27-32 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
ภาคกลาง มีเมฆมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครสวรรค์ ชัยนาท อุทัยธานี และกาญจนบุรี อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
ภาคตะวันออก มีเมฆมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดปราจีนบุรี สระแก้ว จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 24-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร
ภาคใต้ฝั่งตะวันออก มีเมฆบางส่วน กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และสุราษฎร์ธานี อุณหภูมิต่ำสุด 22-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งมีคลื่นสูง 1-2 เมตร
ภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีเมฆบางส่วน กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดระนอง และพังงา อุณหภูมิต่ำสุด 22-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากในช่วงบ่ายถึงค่ำ อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.