สรุปข่าวเด่นรอบวัน 5 ก.ย. 2561

กลับมาพบกับการสรุปข่าวเด่นรอบวัน ประจำวันพุธที่ 5 ก.ย. 2561 กันอีกแล้ว ในวันนี้ มีหลายประเด็นที่น่าสนใจเช่นเคยซึ่งสำนักข่าวทีนิวส์ได้รวบรวมมา 5 ประเด็นหลักใหญ่ด้วยกันดังนี้

    กลับมาพบกับการสรุปข่าวเด่นรอบวัน ประจำวันพุธที่ 5 ก.ย. 2561 กันอีกแล้ว ในวันนี้ มีหลายประเด็นที่น่าสนใจเช่นเคยซึ่งสำนักข่าวทีนิวส์ได้รวบรวมมา 5 ประเด็นหลักใหญ่ด้วยกันดังนี้
 

 

สรุปข่าวเด่นรอบวัน 5 ก.ย. 2561

 

    เริ่มกันที่ข่าวแรก แน่นอนว่าไม่ใช่ครั้งแรกและครั้งสุดท้ายกับภัยธรรมชาติในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งจากเหตุการณ์พายุเชบีในประเทศญี่ปุ่นซึ่งตอนนี้สามารถสรุปยอดผู้เสียชีวิตได้ทั้งหมด 11 ราย นอกจากนี้ความรุนแรงของพายุยังทำให้บ้านเรือนประชาชนเสียหายเป็นวงกว้างทั้งจากแรงลมพายุและน้ำท่วมสูง และรถยนต์อีกหลายร้อยคันถูกพัดจนปลิวหลังคาถูกฉีกจนเปิดออก  
 

    รายงานเพิ่มเติมระบุว่ามีกลุ่มเด็กนักเรียนที่ไปทัศนศึกษายังคงติดค้างอยู่บริเวณภูเขาเกียวโต เพราะถนนขากลับถูกตัดขาด เจ้าหน้าที่จึงเร่งประสานงานเพื่อนำเด็กๆ ออกจากพื้นที่และทำความสะอาดซากปรักหักพังและความเสียหายให้กลับสู่สภาพปกติโดยเร็วที่สุด จากความรุนแรงในครั้งนี้ส่งผลให้ท่าอากาศยานบางแห่งได้รับผลกระทบ มีนักท่องเที่ยวไทยที่ยังคงติดค้างไม่สามารถเดินทางกลับได้อีกด้วย

 

 

สรุปข่าวเด่นรอบวัน 5 ก.ย. 2561
  

 

    ถัดมากับข่าวที่สองจากรณีต้นศรีมหาโพธิ์ทรงปลูกขนาดใหญ่อายุ 60 ปี ถูกตัดโค่นสภาพเหลือแต่ตอ จนสร้างกระแสวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นในสังคมเป็นวงกว้าง ต่อมาพระราชสุทธิโมลี เจ้าอาวาสวัดธรรมิการาม พระอารามหลวง เจ้าคณะจังหวัดฝ่ายธรรมยุติ ยอมรับว่า ตนเองและลูกศิษย์วัดเป็นผู้ตัดโค่นต้นศรีมหาโพธิ์ โดยไม่ได้แจ้งให้หน่วยงานใดทราบล่วงหน้า เป็นเหตุให้นายพัลลภ สิงหเสนี ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ทำหนังสือด่วนที่สุดถึงสำนักพระราชวังเพื่อกราบบังคมทูลขอพระราชทานอภัยโทษ

 

    แต่ล่าสุด ได้มีการแถลงผลการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง สรุปความเห็นว่า การกระทำของพระราชสุทธิโมลี ที่ตัดต้นพระศรีมหาโพธิ์ ที่รัชกาลที่ 9 ทรงปลูกโดยพลการเป็นการกระทำมิบังควรเป็นอย่างยิ่ง และถือเป็นความบกพร่องของทุกฝ่าย นอกจากนี้ ทางผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์จะทำรายงานการกระทำของพระราชสุทธิโมลี ถึงพระพรหมมุณี เจ้าคณะภาค 14 - 15 คณะปกครองสงฆ์ และให้สำนักงานพระพุทธศาสนาตรวจสอบเอกสารหลักฐานกำหนดเขตธรณีสงฆ์วัดธรรมิการามวรวิหารให้ถูกต้องตามกฎหมายต่อไป

สรุปข่าวเด่นรอบวัน 5 ก.ย. 2561

 

    ต่อมากับข่าวที่สาม จากคดีสะเทือนขวัญ นางสาวนภธร กนกเกษมโสภณ อายุ 23 ปี โดนจ่อยิงระยะเผาขนเสียชีวิตคารถป้ายแดง จากการสอบสวนทราบภายหลังว่าผู้ก่อเหตุในครั้งนี้คือ นายวัลลภ ห้วยหงษ์ทอง หรือ "เสี่ยลภ" อายุ 36 ปี พนักงานสอบสวนจึงยื่นขออนุมัติหมายจับจากศาลจังหวัดนครปฐมเพื่อจับกุมในความผิดฐาน ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และไตร่ตรอง มีอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต คาดสาเหตุมาจากการหึงหวง

 

 

สรุปข่าวเด่นรอบวัน 5 ก.ย. 2561

 

    รายงานเพิ่มเติมระบุว่า เสี่ยลภ ซึ่งคบหากับผู้เสียชีวิตเป็นนายทุนเงินกู้นอกระบบคนสำคัญคนหนึ่งของจังหวัดนครปฐม เคยต้องคดีเกี่ยวกับทรัพย์ มาก่อน และทราบว่าพกอาวุธปืนติดตัวตลอดเวลา

 

    ล่าสุดพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. เปิดเผยว่ากรณีดังกล่าวไม่ควรมีการต่อรองใดๆ เพราะทุกครั้งที่คดีใดก็ตามมีการลงมือยิงแล้วจะยื่นขอประกันตัวได้ทุกคดี เป็นเรื่องที่ไม่สมควร นอกจากนี้ยังยืนยันว่าเสี่ยลภยังคงกบดานอยู่ในประเทศไทยอย่างแน่นอน และได้กำชับให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเฝ้าระวังตามด่านชายแดน ด่านตรวจคนเข้าเมือง รวมไปถึงตามช่องทางธรรมชาติ และเสนอให้ผู้ต้องหาเข้ามอบตัวโดยเร็วที่สุด

 

 

สรุปข่าวเด่นรอบวัน 5 ก.ย. 2561

 

    สำหรับประเด็นที่สี่ ภายหลังปฏิบัติการกู้ชีวิต 13 นักฟุตบอลติดถ้ำหลวง ที่ถึงแม้ภารกิจจะสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี แต่ก็นำมาซึ่งหนึ่งความสูญเสีย เมื่อ จ.อ.สมาน กุนัน หรือ จ่าแซม อดีตนักทำลายใต้น้ำจู่โจมนอกราชการ กองทัพเรือ เสียชีวิตจากปฏิบัติการช่วยเหลือดังกล่าว 

 

    อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติ ผู้ออกแบบสร้างวัดร่องขุ่น จึงได้นำลูกศิษย์และบรรดาศิลปินชาวเชียงราย ประมาณ 300 คน ร่วมจัดทำอนุสรณ์สถานเพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์การช่วยเหลือ 13 ชีวิตทีมหมูป่า และสร้างอนุสาวรีย์ให้กับจ่าแซม ในฐานะวีรบุรุษถ้ำหลวง

 

    ล่าสุดาอาจารย์เฉลิมชัย ได้ร่วมตรวจผลงานประติมากรรมงานปั้นรูปปั้นพื่อจะนำไปหล่อและตั้งไว้ที่หน้าถ้ำหลวงคู่กับศาลาพิพิธภัณฑ์ที่กำลังก่อสร้างอยู่ในปัจจุบัน พบว่าการปั้นได้แล้วเสร็จสมบูรณ์แล้วพร้อมแสดงความเห็นว่ารูปปั้นมีความงดงาม ราวกับมีชีวิต

สรุปข่าวเด่นรอบวัน 5 ก.ย. 2561

 

    มาถึงข่าวที่ห้าจากกรณีพ่อแม่ของนางสาวเอ (นามสมมติ) อายุ 17 ปี เข้าแจ้งความร้องทุกข์ที่ สภ.เมืองศรีสะเกษ ว่าลูกสาวถูกชายอ้างเป็น ฤาษีตาไฟ จะทำการสะเดาะเคราะห์ให้ โดยใช้เวลาสะเดาะเคราะห์ 2 วัน ก่อนชายคนดังกล่าวได้ข่มขืนลูกสาวถึง 4 ครั้ง 

 

    ความคืบหน้าล่าสุดนางสาวเอ และครอบครัวได้อยู่ในความดูแลของบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดศรีสะเกษเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และจะมีการนำผู้เสียหายไปพบนักจิตวิทยาเพื่อฟื้นฟูสภาพจิตใจ ส่วนทางด้านนายสุรสิทธิ์ อายุ 40 ปี หนุ่มพิการอ้างเป็น ฤาษีตาไฟ ยังคงปิดปากเงียบไม่ให้การสัมภาษณ์ใดๆ เพราะกลัวกระทบต่อรูปคดี และพร้อมต่อสู่เพื่อความเป็นธรรมอย่างเต็มที่ และญาติยืนยันว่านายสุรสิทธิ์นั้นบริสุทธิ์ เพราะเชื่อว่านายสุรสิทธิ์ ซึ่งมีความพิการมาแต่กำเนิดไม่สามารถทำการข่มขืนผู้อื่นได้อย่างแน่นอน ตรงข้ามกับด้านพี่สาวของผู้เสียหายที่ยืนยันว่า นายสุรสิทธิ์ไม่ได้พิการมากอย่างที่เห็นกันเพราะสามารถใช้มือดันพื้นและใช้เข่าช่วยพยุงตัวเดินไปรอบๆ บ้านได้ บทสรุปของคดีนี้จะลงเอยอย่างไรคงต้องติดตามกันต่อไปอย่างใกล้ชิด

 

สรุปข่าวเด่นประจำวันขอจบไว้เพียงเท่านี้ สำหรับพรุ่งนี้จะมีประเด็นใดน่าสนใจก็ต้องติดตามกันต่อไป