จากปมวัยเด็ก สู่คำตัดสินจำคุก 4,355 ปี "ซินแสโชกุน" มหากาพย์โกง 50 ล้าน

จากปมวัยเด็ก สู่คำตัดสินจำคุก 4,355 ปี "ซินแสโชกุน" มหากาพย์โกง 50 ล้าน

เกิดเป็นกระแสข่าวใหญ่ขึ้นมาอีกครั้งเมื่อ ศาลอาญาได้อ่านคำพิพากษาในคดีที่อัยการฟ้อง บริษัทเวลท์เอเวอร์ จำกัด และ น.ส.พสิษฐ์ อริญชย์ลาภิศ หรือซินแสโชกุน อายุ 31 ปี กรรมการบริษัท เวลท์เอเวอร์ พร้อมพวกอีก 10 คน ฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และความผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ โดยในคดีนี้ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าจำเลยมีความผิดรวม 871 กระทงๆละ 5 ปี รวมจำคุกเป็นเวลาทั้งสิ้น 4,355 ปี แต่เนื่องจากตามกฎหมายแล้วให้จำคุกได้สูงสุด 20 ปี ส่วนบริษัท เวลท์เอเวอร์ ให้ปรับกระทงละ 5 แสนบาท จำนวน 871 กระทง รวมปรับเป็นเงิน 435,500,000 บาท

 

และด้วยคำตัดสินของศาลอาญาในครั้งนี้ทำให้หลายคนตกใจกับโทษจำคุก และเกิดข้อคำถามว่า ซินแสโชกุน คือใครกัน ทำผิดอะไรไว้โทษจำคุกถึงได้มากมายขนาดนี้ โดยเหตุการณ์ทั้งหมดมีจุดเริ่มต้นจากเมื่อวันที่ 11 เมษายน 2560 เกิดเหตุวุ่นวายขึ้นที่สนามบินสุวรรณภูมิ จ.สมุทรปราการ เนื่องจากมีผู้โดยสารลูกค้าบริษัท เวลท์เอเวอร์ จำกัด มารอขึ้นเครื่องโดยหวังว่าจะได้ไปเที่ยวญี่ปุ่น จากการชักชวนให้เป็นสมาชิกของบริษัทฯ ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม โดยอ้างว่าจะได้ผลตอบแทนสูงและจะมีสิทธิ์ได้เดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศ เพียงจ่ายเงินแค่ 9,730 บาท

 

จากปมวัยเด็ก สู่คำตัดสินจำคุก 4,355 ปี "ซินแสโชกุน" มหากาพย์โกง 50 ล้าน

และในคืนเดียวกันนั้นเองฝั่งซินแสโชกุนได้กำลังเตรียมแผนหลบหนี โดยได้ข้อตกลงกันว่าจะหนีไปทางจ.ระนอง เพื่อต้องการหนีออกไปยังประเทศพม่าโดยมีการขนทรัพย์สินที่สามารถขนได้ไปด้วย แต่ก็ไม่สามารถหนีพ้นการติดตามของเจ้าหน้าที่ตำรวจไปได้ โดยเช้าวันที่ 12 เมษายน ตำรวจตามรวบตัวมาดำเนินคดีได้ในที่สุดแม้จะพยายามสับขาหลอกเจ้าหน้าที่ให้หลงทางแต่ก็ไม่สำเร็จ

 

เมื่อสอบถามถึงทรัพย์สินและเงินหมุนเวียนในเครือข่ายนี้พบว่ามีเงินหมุนเวียนกว่า 50 ล้านบาท ซึ่งเงินดังกล่าวถูกนำออกมาใช้จำนวนมาก โดยเงินในบัญชีของซินแสโชกุนที่คงเหลือในตอนนั้นประมาณ 3 ล้านกว่าบาท และเจ้าหน้าที่ยังอายัดรถและทรัพย์สินอื่นๆ อีกจำนวนมาก 

 

วิธีการที่กลุ่มนี้ใช้จะคล้ายๆ กับธุรกิจขายตรงแต่คนที่สมัครจะไม่ได้บัตรสมาชิกและเลขสมาชิก แต่จะทำทีสร้างความน่าเชื่อถือโดยการอัดคลิปตัวเองลงสื่อว่าได้ไปเที่ยวหรือตัวโชกุนเอง ที่เช่าเครื่องบินเจ็ตไปเชียงรายหรือพาไปเที่ยวต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นประเทศญี่ปุ่น ฮ่องกง ซึ่งเป็นขบวนการล่อลวงให้คนมาสมัครซื้อของ โดยจะคิดเป็นค่าสมัครสมาชิกบริษัท เวลท์เอเวอร์ จำกัด ราคา 500 บาท สมัครสมาชิกอีก 1 บริษัทที่สินค้า 850 บาท ค่าสินค้ามาสเตอร์มายด์ 2 กระปุก ราคา 8,380 บาท รวมเป็นเงิน 9,730 บาท

 

จากปมวัยเด็ก สู่คำตัดสินจำคุก 4,355 ปี "ซินแสโชกุน" มหากาพย์โกง 50 ล้าน

ด้วยเงินเพียงจำนวนไม่ถึงหมื่นบาททำไมคนถึงเชื่อว่าจะได้ไปจริงๆ ก็เพราะก่อนหน้านี้ 3-4 ครั้งแรก แก๊งตุ๋นโชกุนพาไปเที่ยวจริงโดยสองเที่ยวแรกพาไป ฮ่องกง และครั้งที่สามพาไปเที่ยว ญี่ปุ่น ซึ่ง 3 ทริปแรกมีคนไปเที่ยวทริปละ 20 กว่าคน เลยอาศัยคนจำนวนเหล่านี้บอกต่อกันปากต่อปาก จนเพิ่มจำนวนสมาชิกขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ได้เงินหลายสิบล้านบาท ทั้งที่เพิ่งจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทได้ไม่นาน

 

นอกจากนี้กระแสในสื่อโซเชียลมีเดีย ซินแสโชกุน มักอ้างว่าตนเองเดินทางไปดูดวงให้กับเศรษฐีชาวฮ่องกงคนหนึ่งที่กำลังจะล้มละลายและช่วยปรับฮวงจุ้ย จนทำให้ธุรกิจกลับมาร่ำรวยได้อีกครั้ง และได้รับเงินค่าตอบแทนจำนวนหลายล้านบาท

 

เมื่อสืบย้อนไปพบว่าโชกุนมีประวัติครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์นัก พ่อแม่ แยกทางกันตั้งแต่ยังเด็ก แม่ของโชกุนได้ไปแต่งงานใหม่ทำให้โชกุนต้องมาอาศัยอยู่กับป้า (นางณิชมน) ที่มีส่วนพัวพันในคดีด้วย สำหรับแม่ของโชกุนนั้นมีอาชีพเป็นครูปัจจุบันได้เกษียณราชการไปแล้ว โดยรวมฐานะทางบ้านในวัยเด็กไม่ใช่คนร่ำรวยนัก สำหรับเรื่องแรงจูงใจในการกระทำผิดครั้งนั้นอาจจะมาจากฐานะทางครอบครัวที่ต้องทะเยอทะยาน และอยากยกระดับฐานะของตัวเองขึ้นโดยลืมนึกถึงความถูกต้อง ประกอบกับที่ตัวเองใช้ชีวิตวนเวียนอยู่กับธุรกิจขายตรงมาตลอด จึงเลือกเดินตามเส้นทางนี้ก็เป็นได้

 

จากปมวัยเด็ก สู่คำตัดสินจำคุก 4,355 ปี "ซินแสโชกุน" มหากาพย์โกง 50 ล้าน