อโหสิกรรม-เคลียร์ทุกอย่าง พ่อเสี่ยเกาะเต่าเปิดคลิปดูแล้ว ลั่นมรดกลูกชายยกให้สะใภ้น้ำผึ้งหมด

จากกรณีเรื่องราวสะเทือนใจบนโลกโซเชียล เมื่อ นายพัธรพล เอกปฐมศักดิ์ หรือ หนุ่ม อายุ 48 ปี เจ้าของบริษัทดำน้ำและร้านอาหารบนเกาะเต่า ตัดสินใจใช้อาวุธปืนขนาด 9 มม. ยิงฆ่าตัวตายพร้อมกับไลฟ์สดผ่านทางเฟซบุ๊ก ที่บ้านพักหลังหนึ่งในซอยพ่อขุนทะเล 22 ต.มะขามเตี้ย อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี กระทั่งตำรวจพบศพบนห้องนอนชั้น 2 ในสภาพชุดขับขี่จักรยานยนต์บิ๊กไบค์ สวมหมวกนิรภัย และใส่ถุงมือ มีบาดแผลถูกยิงที่ศีรษะด้านขวา 1 นัด บนตัวพบอาวุธปืนขนาด 9 มม. บนกระจกตู้เขียนด้วยปากกาเมจิกสีน้ำเงินข้อความระบุว่า I have enough (ฉันสุดจะทนแล้ว) ไม่มีอะไร ผมตัดสินทำเอง" และบริเวณกล้องโกโปรพร้อมไอแพดเขียนข้อความว่า "ให้ดูคลิปสองคลิปสุดท้ายในกล้องก่อน แล้วค่อยดูคลิปแรกใน Mem" 

 

ทั้งนี้ ก่อนผู้เสียชีวิตยังเคยเขียนเรื่องราวระบายความในใจผ่านเว็บไวต์พันทิป ก่อนจบชีวิตตัวเอง ฝากถึงคนรักว่าขอให้ดูแลลูกทั้ง 2 คนไปตลอดชีวิต นอกจากนี้ ยังได้สาปแช่งถึงผู้ชายที่มีส่วนทำให้คนรักของตนนอกใจ ว่าถ้าหากใช้เงินจากธุรกิจที่ตัวเองสร้าง ก็ขอให้พบจุดจบอย่างไม่เป็นธรรมชาติเหมือนเช่นตัวเอง "ถ้าเรื่องวิญญาณและชีวิตหลังความตายมีจริง พี่จะอยู่ทุก ๆ มุมมืด คอยดูเรา พี่ไม่ต้องการไปเกิดใหม่ พอแล้ว ด้วยความแค้นเต็มอก" จนกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงตัวภรรยาของผู้เสียชีวิตเป็นอย่างมากนั้น

 

 

 

เกี่ยวกับเรื่องนี้ ภายหลังจากที่ตัวผู้ตายได้ระบุข้อความว่า "ให้ดูคลิปสองคลิปสุดท้ายในกล้องก่อน แล้วค่อยดูคลิปแรกใน Mem" โดยต่อมาทางครอบครัวผู้ตายเปิดเผยว่าจะมีการเปิดดูคลิปในวันที่ 17 กันยายน ตามคำสั่งเสียนั้น

 

 

ล่าสุด พนักงานสอบสวนได้ดูคลิปแล้วพบว่าเป็นเพียงการระบายความในใจของผู้ตายมากกว่าอย่างอื่น แต่ไม่สามารถเปิดเผยคลิปได้เนื่องจากเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล ส่วนเรื่องทรัพย์สินของผู้ตาย นายสหภูมิ ศรีสกุลฉั่ว อายุ 73 ปี บิดายอมยกให้ลูกสะใภ้ทั้งหมดหลังจากที่ได้ตกลงกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว  และไม่ติดใจการตายของลูกชายแต่อย่างใด ขอให้เรื่องทั้งหมดจบลง

 

 

นายสหภูมิกล่าวว่า "ยินยอมที่จะให้ลูกสะใภ้เป็นผู้จัดการเรื่องมรดกของลูกชายทั้งหมด และขอให้ยุติทุกอย่างซึ่งทางเราได้เคลียร์ปัญหาที่ค้างคาใจกันเรียบร้อยแล้ว" ส่วนเถ้ากระดูกของนายพัชรพล เอกปฐมศักดิ์ ทางครอบครัวและญาติ ได้นำไปลอยอังคารบริเวณ ปากแม่น้ำตาปี อ่าวบ้านดอน อำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อประกอบพิธีกรรมทางศาสนาในขั้นตอนสุดท้าย ซึ่งทุกคนพร้อมใจกันร่วมส่งดวงวิญญาณให้ไปอยู่ในภพภูมิที่ดี 

 

 

ขณะที่ก่อนหน้านั้น น.ส.พึงพิศ จันทร์อินทร์ หรือ น้ำผึ้ง ภรรยาผู้ตาย ได้เปิดใจหมดเปลือกเป็นครั้งแรกในหลายประเด็นที่คนในสังคมต่างค้างคาใจสงสัย และต้องการทราบความจริง โดย น.ส.พึงพิศ ได้วีดีโอคอลเข้ารายการข่าวของสื่อช่องดัง "เนชั่นเจาะข่าวเช้า" โดยระบุว่า ตนเจอเสี่ยหนุ่มครั้งแรก ตอนที่เขาเป็นครูสอนดำน้ำประมาณ 1 ปี และมาเริ่มทำธุรกิจกับครอบครัวตน เริ่มที่ร้านอาหาร แม่ทำมาก่อนตั้งแต่ตอนอายุ 20 ปี เริ่มต้นคบหากัน ทำร้านอาหารทำอาหารได้ 3 ปี แล้วทำธุรกิจดำน้ำต่อ

และเริ่มต้นทำโรงเรียนสอนดำน้ำ โดยมีฝรั่งทำมาก่อนแล้วเราจึงไปเซ้งต่อ หนุ่มเป็นคนเริ่มแต่เงินมาจากการทำร้านอาหารร่วมกัน ส่วนรูปภาพในโซเชียลที่ถ่ายกับคนนั้นคนนี้ คือทำธุรกิจเกี่ยวกับบาร์ ภาพส่วนใหญ่เป็นลูกน้องและลูกค้า น้ำผึ้งอยู่ตรงนี้ส่วนใหญ่ บริการเหมือนแฟมิลี่ ที่เขามีคอร์คอยู่ยาว 2-3 เดือน ยันยืนไม่มีอะไรเกินเลย ไม่เคยมีปัญหาชู้สาวอย่างแน่นอน