สรุปข่าวเด่นรอบวัน 18 กันยายน 2561

กลับมาพบกับการสรุปข่าวเด่นรอบวัน ประจำวันอังคาร ที่ 18 ก.ย. 2561 กันอีกแล้ว ในวันนี้ มีหลายประเด็นที่น่าสนใจเช่นเคยซึ่งสำนักข่าวทีนิวส์ได้รวบรวมมา 5 ประเด็นหลักใหญ่ด้วยกันดังนี้

 

กลับมาพบกับการสรุปข่าวเด่นรอบวัน ประจำวันอังคาร ที่ 18 ก.ย. 2561 กันอีกแล้ว ในวันนี้ มีหลายประเด็นที่น่าสนใจเช่นเคยซึ่งสำนักข่าวทีนิวส์ได้รวบรวมมา 5 ประเด็นหลักใหญ่ด้วยกันดังนี้

 

     เริ่มกันที่ข่าวแรกกับประเด็นร้อนแรงในโลกโซเชียลตอนนี้เมื่อหญิงสาวรายหนึ่งได้นำสมุดการบ้านคณิตศาสตร์ ที่เธอได้สอนหลาน แต่ครูนั้นตรวจผิดให้ จนหลานเสียใจ พร้อมกับโพสต์รูปของโจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ให้ผู้ใช้เฟซบุ๊กท่านอื่นได้วิเคราะห์ไปด้วยว่า ตัวเธอนั้นสอนหลานผิดตอนไหน เมื่อรูปโจทย์ดังกล่าวโพสต์ลงไปเพียงเวลาไม่นานได้มีผู้ใช้เฟซบุ๊กหลายท่านเข้ามาแสดงความคิดเห็น พร้อมกับเสียงแตกเป็นสองด้าน อีกด้านก็บอกว่าครูนั้นตรวจถูกแล้ว ส่วนอีกด้านบอกว่าครูนั้นตรวจผิดพร้อมนำสมุดการบ้านโจทย์เดียวกันแต่คนละโรงเรียนมาให้ดู

 

สรุปข่าวเด่นรอบวัน 18 กันยายน 2561

 

สรุปข่าวเด่นรอบวัน 18 กันยายน 2561

 

สรุปข่าวเด่นรอบวัน 18 กันยายน 2561

 

สรุปข่าวเด่นรอบวัน 18 กันยายน 2561

 

     หลังจากนั้นเพจเฟซบุ๊กชื่อดัง Drama-addict ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อเหตุการณ์นี้ว่าสิ่งที่ผิดคือระบบการศึกษา กำหนดโจทย์ให้มีความกำกวม จนอาจทำให้ผู้อ่านโจทย์หลายคนงงกันเป็นแถว โดยผู้ใช้เฟซบุ๊กโจทย์เจ้าปัญหา รายนี้ยังได้ออกมาโพสต์ข้อความหลังจากติดต่อสอบถามครูท่านนี้แล้วว่าคำตอบผิดเช่นไรเพราะครูได้ยืนยันกับตัวเธอว่าตรวจถูกแล้ว พรุ่งนี้เธอจะเดินทางไปโรงเรียนเพื่อให้ครูอธิบายโจทย์อย่างละเอียด ยังไงก็ต้องติดตามว่าโจทย์เจ้าปัญหานี้ใครจะถูก ใครจะผิด

 

สรุปข่าวเด่นรอบวัน 18 กันยายน 2561

 

 

สรุปข่าวเด่นรอบวัน 18 กันยายน 2561

 

      ถัดมากับข่าวที่สอง กับเหตุการณ์สลดเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ปากคลองสาน รับแจ้งเหตุรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ชนเข้ากับสะพานพระพุทธยอดฟ้า จึงรีบรุดไปยังจุดเกิดเหตุพบศพ นายฐิติวัสส์ ธีระภาพ หรือ ชาย วัย 19 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 1 คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี ประกอบอาชีพนักแสดงตัวประกอบ มีผลงานหลวงพี่แจ๊ส 4 G และรับซื้อขายรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ สภาพศพมีบาดแผลฉกรรจ์ที่ลำคอและกระดูกตามร่างกายหักหลายแห่ง ใกล้กันพบรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อคาวาซากิ รุ่น Z900 ทะเบียน 6กง9797 กรุงเทพฯ ของผู้ตายล้มคว่ำพังยับเยิน โดยมีหมวกนิรภัยเต็มใบตกอยู่ 1 ใบ

 

สรุปข่าวเด่นรอบวัน 18 กันยายน 2561

 

     ใกล้กันพบรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นนูโว ทะเบียน ลจล753 กรุงเทพฯ สภาพติดอยู่ใต้ล้อหน้า รถประจำทางสาย 82 สีครีมแดง ทะเบียน 11-9750 กรุงเทพฯ บริเวณท้ายรถประจำทาง พบศพ นายธนวัฒน์ วัย 18 ปี สภาพศพนอนคว่ำหน้า โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ส่งศพทั้ง 2 ไปยังสถาบันนิติเวช 

 

      ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า เห็นนายฐิติวัสส์ ขับรถกับกลุ่มเพื่อนอยู่บนสะพาน ซึ่งผู้ตายนายฐิติวัสส์ ได้ทำการยกล้อโชว์วิ่งวนไปมาบนสะพาน 2 รอบ ในรอบ 3 ที่เกิดเหตุเป็นจังหวะที่นายฐิติวัสส์ ซิ่งรถมาจากฝั่งพระนครมุ่งหน้าไปฝั่งธนบุรี แต่ปรากฎว่ารถเมล์วิ่งมาทางเลนซ้ายทำให้นายฐิติวัสส์ ต้องหักหลบจนพุ่งชนรถจักรยานยนต์ของนายธนวัฒน์ อย่างแรง ทำให้ทั้งสองเสียชีวิตในที่สุด ตอนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้คุมตัวผู้ขับรถเมล์เพื่อสอบปากคำต่อไป

 

สรุปข่าวเด่นรอบวัน 18 กันยายน 2561

 

     ต่อมากับข่าวที่สาม กรณีของเบนซ์ เรซซิ่ง หลังออกจากเรือนจำเมื่อวันที่ 3 ก.ย. 2561 ก็ได้ใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวที่บ้าน กับน้องเรซซิ่ง และ ภรรยา แพท ณปภา แม้จะแยกกันอยู่ในตอนนี้ก็ตาม แต่ก็ยังไปมาหาสู่กันเพื่อให้ทั้งเบนซ์ และ แพท ได้ปรับตัวเข้าหากันมากขึ้นหลังจากไม่ได้อยู่ด้วยกันนานร่วม 1 ปี ล่าสุดเบนซ์ เรซซิ่ง ได้ออกมาโพสต์ ภาพตัวเลขในบัญชีธนาคาร ติดลบ -150 บาท ผู้ใช้โซเชียลหลายคนต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันอย่างมากมาย พร้อมให้กำลังใจเบนซ์ เรซซิ่ง ให้ผ่านชีวิตช่วงนี้ไปให้ได้ หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมงทั้งเบนซ์ และแพท ก็ได้โพสต์ภาพครอบครัวอยู่กันพร้อมหน้าทำกิจกรรมพาน้องเรซซิ่งไประบายสีด้วยกัน จนชาวโซเชียล กดหัวใจให้รัวๆ

 

สรุปข่าวเด่นรอบวัน 18 กันยายน 2561

 

 

สรุปข่าวเด่นรอบวัน 18 กันยายน 2561

 

    สำหรับข่าวที่สี่ จากกรณีข่าวที่สร้างความเศร้าโศกและเสียใจอย่างหนักให้กับครอบครัว เพื่อนสนิท และแฟนคลับอย่างมาก ภายหลังจาก โอ วรุฒ วรธรรม อดีตพระเอกชื่อดัง ถูกหามส่งโรงพยาบาลด่วนที่โรงพยาบาลนครพิงค์ เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 9 ก.ย. ที่ผ่านมา เกี่ยวกับเรื่องนี้ น.ส.รักษิณา สกลธศักดิ์สิริ หรือ ก้อย พยาบาลคู่ใจคนสุดท้ายในชีวิต ของ โอ วรุฒ วรธรรม ได้เดินทางมาที่ศาลาสหัท-หงษ์ มหาคุณ อนุสรณ์ วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เพื่อกราบขอขมาศพ โดย น.ส.รักษิณา ร่ำไห้ต่อหน้าศพพร้อมขอให้ดวงวิญญาณของโอ วรุฒ ไปสู่สุคติภพ ขออโหสิกรรมในเรื่องราวต่าง ๆ ที่เคยร่วมกระทำต่อกันมา โดยน.ส.รักษิณาแอบมาขอขมาหน้าศพเพียงลำพัง โดยที่ไม่ได้เข้าไปไหว้พ่อและแม่ของโอ 

ล่าสุด แม่ปุ๊ อรพินธ์ วรธรรม แม่ของโอ วรุฒ ได้ออกมาเปิดใจแบบหมดเปลือก กับช่อง 3 ยอมรับว่า ครอบครัวไม่ชอบผู้หญิงคนนั้นจริง ตอนแรกที่เข้ามาหาลูกชาย ก็ดีทุกอย่าง คอยดูแลเอาใจใส่ จนหอบเสื้อผ้าเข้ามาอยู่ในบ้าน ไม่บอกแม่ซักคำแต่แม่เองก็ดีใจ ว่าลูกน่าจะเจอคู่แท้แล้ว ถึงกับขนาดที่ว่าตัวเองเรียกเขาว่านางฟ้าไปด้วย แต่พอเวลาผ่านไปทุกอย่างมันกลับตาลปัตร ผู้หญิงคนนี้เริ่มแสดงธาตุแท้ออกมา ประเด็นหลักๆ คุณแม่จำฝังใจจนทุกวันนี้ และบอกว่าคับแค้นใจมาก มีอยู่ครั้งนึง คุณแม่ไม่สบายไปหาหมอที่โรงพยาบาล ตรวจพบว่ามีจุดที่ปอด คุณหมอเลยให้นอนรพ. พักอยู่ในห้องกักกันโรค อยู่ประมาณ 2 สัปดาห์ ซึ่งตลอด 2 สัปดาห์นั้น แม่บอกว่า ผู้หญิงคนนี้กีดกันทุกอย่าง ไม่ยอมให้ลูกชายมาเยี่ยมแม่ของตัวเอง เอาโทรศัพท์ไปครอง แม่ติดต่อโอไม่ได้เลย ทั้งๆ ที่คนอื่นๆ ก็มาเยี่ยมเยือนที่โรงพยาบาล เรื่องนี้แม่บอกจำมาถึงทุกวันนี้

 

ส่วนเรื่องความผูกพันในครอบครัว แม่เล่าว่า ตั้งแต่ผู้หญิงคนนี้ย้ายเข้ามาอยู่ในบ้าน ก็มีพฤติกรรมเหมือนกับยุแยงตะแคงรั่วคนในบ้านแตกแยกกัน บางครั้งเคยทำให้โอโกรธกับแม่ก็มี ถึงขั้นไม่พูดกันเลย ทั้งๆ ที่แม่ไม่เคยไปทำอะไรให้เลย หนักสุดเคยไปยุแยงแม่บ้านที่อยู่ด้วยกันมาเป็นสิบๆ ปี ว่าโอเอาไปด่าแรงมาก อยากให้ลาออก จะหางานใหม่ให้ แต่โชคดีที่แม่บ้านเป็นคนใจแข็ง เข้ามาถามกันตรงๆ เลยทราบความจริง และมีอีกหลายเรื่องที่แม่ไม่อยากพูด บอกว่าเจ็บช้ำน้ำใจมาก ยอมรับว่าดูคนผิด ถ้าจะให้เรียกว่า แม่มด ซะดีกว่า แบบนี้เขาถึงต้องมาขอขมา เพราะเขาทำกับโอไว้เยอะมาก

 

สรุปข่าวเด่นรอบวัน 18 กันยายน 2561


        เดินทางมายังข่าวสุดท้ายกับ ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา พายุ "มังคุด" (MANGKHUT) ฉบับที่ 18 ลงวันที่ 18 กันยายน 2561 เมื่อเวลา 07.00 น. ของวันนี้ (18 ก.ย. 61) พายุดีเปรสชัน "มังคุด" (MANGKHUT) ที่ปกคลุมบริเวณมณฑลยูนนาน ประเทศจีน ได้อ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงแล้วแต่ยังคงทำให้ ในช่วงวันที่ 18-19 กันยายน 2561 ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนตกต่อเนื่องและมีฝนตกหนักบางแห่ง ประกอบกับในช่วงวันที่ 18-19 กันยายน 2561 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย มีกำลังแรง ทำให้บริเวณพื้นที่รับลมมรสุมด้านตะวันตกของภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีฝนตกต่อเนื่องและมีฝนตกหนักบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังผลกระทบจากฝนตกหนักและฝนตกสะสม ที่อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง รวมถึงดินโคลนถล่ม

 

       สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนยังคงมีกำลังแรง โดยในช่วงวันที่ 18-19 กันยายน 2561 บริเวณทะเลอันดามันมีคลื่นสูง 2-4 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองทะเลมีคลื่นสูงมากกว่า 4 เมตร และอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง เรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง และขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณชายฝั่งระมัดระวังคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่ง ในช่วงเวลาดังกล่าวไว้ด้วย
   


      ทั้งนี้ด้านนายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในฐานะผู้อำนวยการกลางกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบสภาพอากาศกับกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า พายุ "มังคุด" (MANGKHUT) จะส่งผลกระทบต่อประเทศไทย โดยช่วงวันที่ 18 – 19 ก.ย. 2561 ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะมีฝนตกหนักเพิ่มมากขึ้น และช่วงวันที่ 18 – 20 ก.ย. 2561 คลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทย คลื่นสูง 2 - 4 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 4 เมตร 

 

      ด้าน กอปภ.ก.จึงได้สั่งการจังหวัด 57 จังหวัด รวมถึงศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตในพื้นที่เสี่ยงภัย เฝ้าระวังสถานการณ์อุทกภัย ดินโคลนถล่ม และคลื่นลมแรง ในช่วงวันที่ 18 – 20 ก.ย. 2561 ดังนี้ เฝ้าระวังสถานการณ์อุทกภัย แยกเป็น 

ภาคเหนือ ได้แก่ แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา แพร่ น่าน ตาก กำแพงเพชร สุโขทัย อุตรดิตถ์ พิษณุโลก พิจิตร เพชรบูรณ์ นครสวรรค์ และอุทัยธานี 

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ เลย หนองบัวลำภู หนองคาย อุดรธานี บึงกาฬ สกลนคร นครพนม กาฬสินธุ์ และมุกดาหาร 

ภาคกลาง ได้แก่ กาญจนบุรี สุพรรณบุรี ราชบุรี นครปฐม ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี สระบุรี นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ระยอง จันทบุรี ตราด เพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์ 

ภาคใต้ ได้แก่ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล 

เฝ้าระวังสถานการณ์คลื่นลมแรง ได้แก่ ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล 

เฝ้าระวังสถานการณ์ดินโคลนถล่มและน้ำป่าไหลหลาก ได้แก่ แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย น่าน อุตรดิตถ์ นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว จันทบุรี ตราด สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล 

 

       โดยจัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ และเฝ้าระวังสถานการณ์ภัยตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมจัดเตรียมชุดเคลื่อนที่เร็ว เครื่องมืออุปกรณ์ และเครื่องจักรกลด้านสาธารณภัยให้พร้อมใช้งาน กรณีเกิดสถานการณ์ภัยในพื้นที่ให้ประสานการปฏิบัติกับหน่วยทหาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างทันท่วงที รวมถึงติดตั้งเครื่องสูบน้ำ เครื่องผลักดันน้ำ ประจำจุดเสี่ยงภัยตามแผนเผชิญเหตุอุทกภัยของจังหวัด

 

สรุปข่าวเด่นประจำวันขอจบไว้เพียงเท่านี้ สำหรับพรุ่งนี้จะมีประเด็นใดน่าสนใจก็ต้องติดตามกันต่อไป