เปิดสถิติ "วัยรุ่นไทยท้องไม่พร้อม" ตัวเลขพุ่งทะยานทุกปี สู่คดีอื้อฉาวสะเทือนใจสะท้อนสังคม

วันที่ 26 กันยายน ของทุกปีถือเป็น "วันคุมกำเนิดโลก" (World Contraception Day) เพื่อให้ทุกคนตระหนักถึงความสำคัญของการป้องกันการตั้งครรภ์อันไม่พึงประสงค์

เปิดสถิติ "วัยรุ่นไทยท้องไม่พร้อม" ตัวเลขพุ่งทะยานทุกปี สู่คดีอื้อฉาวสะเทือนใจสะท้อนสังคม    

 

    วันที่ 26 กันยายน ของทุกปีถือเป็น "วันคุมกำเนิดโลก" (World Contraception Day) เพื่อให้ทุกคนตระหนักถึงความสำคัญของการป้องกันการตั้งครรภ์อันไม่พึงประสงค์ โดยเฉพาะกลุ่มประชากรเพศหญิงที่อายุยังน้อยไม่สามารถแบกรับภาระการตั้งครรภ์ได้จนนำมาซึ่งการทำแท้ง หรือการปัดความรับผิดชอบโดยการนำเด็กไปฝากกับสถานอภิบาลต่างๆ นอกจากนี้ยังมีวัตถุประสงค์เพื่อ ให้เกิดการเข้าถึงแหล่งความรู้ ให้คำปรึกษาเรื่องการวางแผนครอบครัวและการคุมกำเนิดได้มากขึ้น

 

    และในปี 2561 องค์กรภาคีในประเทศไทยได้รณรงค์ร่วมกับนานาชาติส่งเสริมนโยบายการคุมกำเนิดที่ถูกต้อง ภายใต้การสนับสนุนของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข จากสถิติขององค์การอนามัยโลก (WHO) พบว่า มีสตรีตั้งครรภ์โดยขาดความรู้คุมกำเนิดที่ถูกต้องถึง 33 ล้านคน ทั่วโลกซึ่งในประเทศไทยถือเป็นอีกประเทศที่ต้องประสบปัญหาเหล่านี้มาเป็นเวลานาน 

 

 

เปิดสถิติ "วัยรุ่นไทยท้องไม่พร้อม" ตัวเลขพุ่งทะยานทุกปี สู่คดีอื้อฉาวสะเทือนใจสะท้อนสังคม

 

    จากตัวเลขที่แสดงให้เห็นว่าในปี 2560 มีวัยรุ่นอายุ 10-19 ปี คลอดลูกปีละกว่า 8.4 หมื่นคน หรือเฉลี่ย 232 คนต่อวัน การคลอดซ้ำในกลุ่มอายุนี้ 9,092 คน หรือร้อยละ 10.7 ขณะที่วัยรุ่นอายุ 10-14 ปี คลอดบุตร 2,559 คน หรือประมาณวันละ 7 คน ถือว่าสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานขององค์การอนามัยโลก ที่กำหนดว่าไม่ควรมีสัดส่วนหญิงอายุต่ำกว่า 20 ปีตั้งครรภ์เกินกว่าร้อยละ 10

 

    และในอนาคตมีแนวโน้มที่จะมีวัยรุ่นตั้งครรภ์เพิ่มมากขึ้น เสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพกายและสุขภาพจิต รวมถึงปัญหาทางสังคม เช่น การทำแท้งผิดกฏหมาย การติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ ตลอดจนปัญหาครอบครัวที่มักจบด้วยการหย่าร้าง

 

    เช่นตัวอย่างเมื่อปี 2553 เกิดเหตุการณ์สะเทือนขวัญ ณ วัดไผ่เงินโชตนาราม ย่านบางคอแหลม กรุงเทพมหานคร เป็นการสะท้อนอย่างชัดเจนถึงปัญหาการตั้งครรภ์อันไม่พึงประสงค์ เมื่อมีสุนัข คาบถุงพลาสติกห่อศพทารกมาแทะกลางตลาดนัด เมื่อชาวบ้านตามไปถึงต้นตอพบว่าเป็นโกดังเก็บศพ ภายหลังจากเปิดประตูโกดังปรากฏภาพตรงหน้าคืออถุงพลาสติกห่อศพทารกสูงกองพะเนินกว่า 2,002 ศพ เจ้าหน้าที่นำตัวสัปเหร่อ มาสอบถามหาความจริง จนสารภาพสิ้นว่ารับจ้างคลินิกรีดทารกเถื่อนมาเผาทำลายหลักฐาน แต่พลาดท่าเมรุชำรุดเผาศพไม่ได้ จนกลายเป็นเรื่องฉาวขึ้นมาในที่สุด

 

 

เปิดสถิติ "วัยรุ่นไทยท้องไม่พร้อม" ตัวเลขพุ่งทะยานทุกปี สู่คดีอื้อฉาวสะเทือนใจสะท้อนสังคม

 

    ภายหลังจำนนต่อหลักฐาน ได้มีการซัดทอดไปยัง นางสาวลัญฉกร จันทมนัส เจ้าของคลินิกเถื่อนดังกล่าว เจ้าตัวได้ให้สารภาพว่าตนเคยทำงาน เป็นผู้ช่วยหมอที่รับทำแท้งเถื่อนมานาน ศึกษาจนมีความรู้เรื่องการทำแท้งก่อนนำความรู้ที่มีมาประกอบอาชีพกำจัดมารหัวขน และยังกล่าวอีกว่าลูกค้าส่วนใหญ่เป็นเด็กวัยรุ่นใจแตกที่ท้องไม่พร้อม ไม่เว้นกระทั่งเหล่าคนบันเทิง จนมีนักแสดงดังหลายคนออกมาโต้จนกลายเป็นข่าวหน้า 1 มาแล้ว กลายเป็นชนวนเหตุให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งกระจายกำลังตรวจจับคลินิกทำแท้งเถื่อนกว่า 5-6 แห่งในพื้นที่ใกล้เคียงและเขตปริมณฑล โดยได้สั่งปิดคลินิกทำแท้งเถื่อนไปหลายที่ พร้อมกับดำเนินคดีกับเจ้าของสถานบริการไปหลายรายอีกเช่นกัน

 

ปัจจุบันมีกฎหมายออกมาเป็นการเฉพาะ คือ พ.ร.บ. การป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น พ.ศ. 2559 เริ่มบังคับใช้เมื่อ 29 กรกฎาคม 2559 โดยมีสาระสำคัญ 5 ประการดังนี้

1. สถานศึกษาต้องจัดให้มีการสอนเพศวิถีศึกษาอย่างเหมาะสม จัดหาและพัฒนาผู้สอนเพศวิถีศึกษาให้คำปรึกษาช่วยเหลือ และคุ้มครองวัยรุ่น
ที่ตั้งครรภ์ให้ได้รับการศึกษาอย่างต่อเนื่อง อย่างเหมาะสมรวมทั้งส่งต่อให้ได้รับสวัสดิการสังคม

2. สถานบริการสุขภาพต้องให้ความรู้ และจัดการอนามัยเจริญพันธุ์ รวมทั้งส่งต่อให้ได้รับสวัสดิการสังคม

3. สถานประกอบกิจการต้องให้ข้อมูลความรู้และส่งเสริมให้เข้าถึงบริการอนามัยเจริญพันธุ์ รวมทั้งส่งต่อให้ได้รับสวัสดิการสังคม

4. ให้มีการจัดสวัสดิการสังคมเพื่อป้องกัน และแก้ไขปัญหาการตั้งภรรค์ในวัยรุ่น

5. ให้ราชการส่วนท้องถิ่นมีอำนาจออกข้อมูลบัญญัติท้องถิ่น เพื่อคุ้มครองสิทธิของวัยรุ่น

 

 

เปิดสถิติ "วัยรุ่นไทยท้องไม่พร้อม" ตัวเลขพุ่งทะยานทุกปี สู่คดีอื้อฉาวสะเทือนใจสะท้อนสังคม

 

    สิ่งที่ควรให้ความสำคัญที่สุดคือการคุมกำเนิดอย่างถูกวิธี ถือเป็นความรับผิดชอบของทั้งฝ่ายหญิงและฝ่ายชาย เพราะในแง่ของอัตราการใช้เครื่องมือคุมกำเนิดที่ไม่สอดคล้องกับการวางแผน พบว่า จากข้อมูล ร้อยละ 16 ไม่ใช้วิธีคุมกำเนิดตอนมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก และอีกร้อยละ 17 ใช้วิธี "หลั่งภายนอก" สะท้อนให้เห็นว่า เป็นความเข้าใจผิดของคนส่วนใหญ่ที่คิดว่าเป็นวิธีการคุมกำเนิดที่น่าเชื่อถือและได้ผล ขัดกับหลัก "วิชาการ" และ องค์ความรู้ว่าด้วย "เพศศึกษา" อย่างสิ้นเชิง
 

    การคุมกำเนิดนั้นมีอยู่หลากวิธีด้วยกันนอกเหนือจากการใช้ถุงยางอนามัย ทางเลือกหนึ่งที่มีประสิทธิภาพสูงและสะดวกรวดเร็วคือ การรับประทานยาคุมกำเนิดสำหรับสตรี เพราะยาคุมกำเนิดยังให้ผลในเรื่องของการรักษาสิวควบคุมระดับฮอร์โมนเพศให้อยู่ในระดับปกติ ทั้งยังช่วยลดภาวะความแปรปรวนทางจิตใจและอารมณ์ในช่วงมีรอบเดือนอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีผลวิจัยเพิ่มเติมถึงกรณีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน ในกลุ่มผู้ใช้ที่คิดว่าการใช้ยาคุมกำเนิด เป็นสาเหตุของการบวม อ้วน หรือน้ำหนักเพิ่มขึ้น แท้จริงแล้วปรากฏว่าไม่เป็นจริงตามนั้นแต่อย่างใด

 

 

เปิดสถิติ "วัยรุ่นไทยท้องไม่พร้อม" ตัวเลขพุ่งทะยานทุกปี สู่คดีอื้อฉาวสะเทือนใจสะท้อนสังคม

ปัจุบัน "ยาเม็ดคุมกำเนิด" มีให้เลือกใช้หลากหลายชนิดตามลักษณะทางสรีรวิทยา ดังนี้

 

1. ยาเม็ดคุมกำเนิดแบบฮอร์โมนรวม (Combined Pill) ยาคุมกำเนิดแบบเม็ดเดียว ตัวยาจะบรรจุฮอร์โมนสังเคราะห์เอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรน ยาจะยับยั้งกระบวนการตกไข่ในเพศหญิง สร้างเมือกที่บริเวณปากมดลูก ทำให้สเปิร์มเข้าไปผสมกับไข่ได้ยากขึ้น มี 2 แบบคือ
- ยาคุมกำเนิดชนิด 21+7 เป็นยาฮอร์โมน 21 เม็ด และสารที่ไม่ใช่ฮอร์โมนคุมกำเนิดอีก 7 เม็ด เมื่อทานหมดสามารถเริ่มต้นทานแผงใหม่ได้ทันที
- ยาคุมกำเนิดชนิด 24+4 เป็นยาฮอร์โมน 24 เม็ด และเป็นเม็ดยาเปล่า 4 เม็ด (ยาหลอก) 

 

เปิดสถิติ "วัยรุ่นไทยท้องไม่พร้อม" ตัวเลขพุ่งทะยานทุกปี สู่คดีอื้อฉาวสะเทือนใจสะท้อนสังคม

 

2. ยาเม็ดคุมกำเนิดแบบฮอร์โมนตัวเดียว (Progestogen-only Pill) ตัวยาจะบรรจุฮอร์โมนโปรเจสโตเจนไว้เพียงชนิดเดียว ยาจะทำให้เกิดการสร้างเมือกหนาบริเวณปากมดลูก ป้องกันไม่ให้สเปิร์มเข้าไปผสมกับไข่ ส่งผลต่อระบบท่อนำไข่ ให้ไข่ผ่านเข้าไปในท่อนำไข่ได้ยากขึ้น จุดเด่นของยาประเภทนี้คือมีความเหมาะสมในกรณีของสตรีผู้มีปัญหาทางสุขภาพ หรือกลุ่มที่ต้องการให้นมบุตร

 

 

เปิดสถิติ "วัยรุ่นไทยท้องไม่พร้อม" ตัวเลขพุ่งทะยานทุกปี สู่คดีอื้อฉาวสะเทือนใจสะท้อนสังคม

 

3. ยาคุมฉุกเฉิน เป็นยาคุมที่มีปริมาณฮอร์โมนต่อเม็ดสูงที่สุด ต้องกินหลังจากมีเพศสัมพันธ์ภายในเวลาที่กำหนดและต้องใช้ในกรณีฉุกเฉินเท่านั้น ไม่ควรนำมาใช้เพื่อการคุมกำเนิดในระยะยาว เพราะอาจเกิดอันตรายหรือผลข้างเคียงเช่น ประจำเดือนอาจคลาดเคลื่อนอาจมีเลือดออกกะปริดกะปรอยออกมาระหว่างเดือนและเกิดการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์
- รับประทาน 1 เม็ดครั้งเดียว ภายใน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ โดยพบว่า หากรับประทานภายใน 0 – 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ จะมีอัตราการตั้งครรภ์ต่ำกว่าการรับประทานในช่วง 72 – 120 ชั่วโมง
 

    ในยุค 4.0 การเข้าถึงข้อมูลและความรู้ว่าด้วยเรื่อง "เพศศึกษา" ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เหล่านี้ถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยป้องกันปัญหาการตั้งครรภ์อีกทั้งยังลดปัญหาทางสังคมที่อาจเกิดขึ้นทางหนึ่งอีกด้วย