สรุปข่าวเด่นรอบวัน 27 ก.ย. 2561

กลับมาพบกับการสรุปข่าวเด่นรอบวัน ประจำวันพฤหัสบดี ที่ 27 ก.ย. 2561 กันอีกแล้ว ในวันนี้ มีหลายประเด็นที่น่าสนใจเช่นเคยซึ่งสำนักข่าวทีนิวส์ได้รวบรวมมา 5 ประเด็นหลักใหญ่ด้วยกันดังนี้

กลับมาพบกับการสรุปข่าวเด่นรอบวัน ประจำวันพฤหัสบดี ที่ 27 ก.ย. 2561 กันอีกแล้ว ในวันนี้ มีหลายประเด็นที่น่าสนใจเช่นเคยซึ่งสำนักข่าวทีนิวส์ได้รวบรวมมา 5 ประเด็นหลักใหญ่ด้วยกันดังนี้

 

 

สรุปข่าวเด่นรอบวัน 27 ก.ย. 2561

 

     มาเริ่มกันที่ประเด็นข่าวแรกจากกรณีศาลมีคำพิพากษาจำคุก คดีนายสุเทพ โภชนสมบูรณ์ อายุ 50 ปี วิศวกร หรือที่รู้จักกันในชื่อเรียก "ลุงวิศวะ"  จากคดียิงกลุ่มวัยรุ่นที่จำเลยอ้างว่าล้อมรถและพยายามจะเข้าทำร้ายตนและครอบครัว เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 1 ราย คือ นายนวพล ผึ่งผาย หรือปอน อายุ 17 ปี
    
     ล่าสุดเมื่อวันที่ 27 ก.ย. 2561 ทางศาลจังหวัดชลบุรีพิพากษาให้จำคุกนายสุเทพ  โภชนสมบรูณ์ จำเลยในความผิดฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา 15 ปี  หลังจากยิงนายนวพล ผึ่งผาย (ปอน) 1 นัด จนเสียชีวิต แม้จำเลยจะอ้างว่ายิงเพื่อป้องกันตัวก็ตาม และที่ผ่านมาจำเลยให้ความร่วมมือกับศาลเป็นอย่างดี มิได้หลบหนี พร้อมรับสารภาพกับเจ้าหน้าที่ตำรวจทันทีที่ลงมือยิง จึงเห็นสมควรลดโทษให้ 5 ปี คงเหลือจำคุก 10 ปี 

      ทั้งนี้ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าคดีนี้พวกของผู้ตายซึ่งเป็นคนขับรถตู้ ได้จอดรถที่หน้าร้านขายของฝากกีดขวางทางออกรถของจำเลย จนเป็นเหตุให้มีปากเสียทะเลาะวิวาทกัน กระทั่งพวกของผู้ตายขับรถออกไปโดยไม่ได้มีการท้าทาย แต่จำเลยกลับขับรถตาม รถคู่กรณีทั้ง 2 คัน บีบแตรใส่ และปาดหน้าเสมือนเป็นการท้าทาย จนคู่กรณีเกิดบันดาลโทสะ และเข้ามาวิวาทกับจำเลย จากนั้นจำเลยได้ใช้อาวุธปืนซึ่งบรรจุกระสุนแล้ว
โต้ตอบกับคู่กรณี แต่เมื่อเห็นทีท่าไม่ดี ประกอบกับผู้ตาย และพวกลงมือทำร้ายร่างกาย จนรู้สึกกลัวพร้อมกับใช้ปืนยิงเข้าใส่และศาลเห็นว่า เหตุดังกล่าวเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อเนื่องเชื่อมโยงกันไม่ขาดตอนในระยะเวลาเพียง 5 นาทีเศษ จากพฤติการณ์เป็นกรณีที่ต่างฝ่ายสมัครใจวิวาทกัน จำเลยจะอ้างว่าเป็นการยิงเพื่อป้องกันตัวเองไม่ได้ รวมทั้งไม่ปรากฏว่าผู้ตายกับพวกทำร้ายร่างกาย มารดา ภรรยา และหลาน ที่มากับจำเลย
 


     ดังนั้นจะอ้างว่ายิงเพื่อป้องกันผู้อื่นไม่ได้ จึงพิพากษา ว่าจำเลยกระทำผิดจริงตามฟ้องแต่เนื่องจากไม่ได้มีจิตใจเหี้ยมโหดเยี่ยงโจรผู้ร้าย เพียงแต่ขาดสติยับยั้งชั่งใจในการควบคุมตัวเอง และมิได้หลบหนี พร้อมยอมรับกับตำรวจในทันทีว่าลงมือยิงผู้ตาย นอกจากนี้ ผู้ตายยังมีส่วนร่วมในการกระทำผิด จึงเห็นสมควรลงโทษสถานเบา รวมโทษจำคุก 10 ปี ปรับ 2,000 บาท และให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเป็นเงิน 340,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตรา 7.5 ต่อปี

ล่าสุด ทนายความของนายสุเทพ โภชนสมบูรณ์ ได้ยื่นหลักทรัพย์ 670,000 บาท ขอประกันตัวนายสุเทพ ซึ่งศาลพิจารณาแล้วให้ประกันตัว

 

 

สรุปข่าวเด่นรอบวัน 27 ก.ย. 2561

 

     ถัดมากับข่าวที่สอง กับกรณีของ นางสาวสุพัตรวี อยู่แพทย์ หรือแม่หลวงกุ้ง วัย 38 ปี อดีตผู้ใหญ่บ้านในจังหวัดเชียงใหม่ เข้าแจ้งความยังสถานีตำรวจภูธรภาค 5 เมื่อวันที่ 27 ก.ย. 2561 ถูกมือดีปล่อยคลิปลับอ้างว่าเป็นคลิปของแม่หลวงกุ้งกำลังมีสัมพันธ์สวาทกับข้าราชการหนุ่มรายหนึ่ง โดยแม่หลวงกุ้งได้เดินทางมาแจ้งความพร้อมยืนยันว่าหญิงสาวที่อยู่ในคลิปไม่ใช่ตน สร้างความเสื่อมเสียชื่อเสียงและอับอายเป็นอย่างมาก ทั้งนี้แม่หลวงกุ้งได้ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนติดตามผู้กระทำผิด มาดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยคลิปดังกล่าวถูกเผยแพร่เป็นวงกว้างมาเป็นเวลานาน จนมีผู้ใกล้ชิดนำภาพและคลิปมาให้ชมจึงได้รู้ว่าตนนั้นถูกแอบอ้างโดยมีภาพที่ใช้ประกอบเป็นภาพที่แม่หลวงกุ้ง ออกทีวีช่องหนึ่งจึงกลัวคนเข้ามาดูคลิปเข้าใจผิดคิดว่าเป็นตัวเอง

 

 

     ต่อมากับข่าวที่สาม กับเหตุการณ์พยาบาลกระชากคอผู้ป่วยนอนติดเตียงล่าสุดเมื่อวันที่ 27 ก.ย. 2561 นายคง ด้วงพรม ลูกชาย ของนายบุญมา ด้วงพรง คุณตาวัย 90 ปี ได้ออกมาระบุถึงกรณีนี้ว่าตนไม่ได้ติดใจเอาความกับทางโรงพยาบาลพุทธชินราชแต่อย่างไร หลังจากได้พูดคุยแล้วระหว่างญาติกับทางโรงพยาบาลเพราะได้คำตอบเป็นที่น่าพอใจซึ่งมีการขอโทษจากฝั่งผู้บริหารโรงพยาบาล เพียงแต่อยากให้นางพยาบาลคนดังกล่าวออกมาขอโทษสังคม ที่ได้กระทำพฤติกรรมรุนแรงดังกล่าวออกไปกับผู้ป่วย

      ในขณะเดียวกัน นายแพทย์สุชาติ พรเจริญพงษ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพุทธชินราช กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่เกิดจากความเครียดสะสมในการทำงานของพยาบาล ซึ่งเมื่อพูดคุยกับทางญาติของผู้ป่วยแล้ว ก็เข้าใจและขอบคุณทางญาติที่ไม่ติดใจเอาความ ซึ่งขณะนี้ในส่วนของนางพยาบาลคนดังกล่าวได้ย้ายไปช่วยงานที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพิษณุโลก และ ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยน่าจะใช้เวลาไม่เกิน 15 วัน ก็จะได้ขอสรุป 

    ขณะที่นพ. โตมร ทองศรี รองผอ.ฝ่ายการแพทย์ กล่าวว่า สำหรับอาการป่วยของ นายบุญมา ด้วงพรม คุณตาวัย 90 ปี ที่เข้ารับการรักษาตัวด้วยโรคถุงลมโป่งพอง ขณะนี้ก็อยู่ระหว่างทำการรักษาเพราะปอดมีอาการติดเชื้อซึ่งเป็นโรคที่มาจากโรคถุงลมโป่งพอง ซึ่งทางโรงพยาบาลก็ให้การดูแลอย่างใกล้ชิด

 

สรุปข่าวเด่นรอบวัน 27 ก.ย. 2561

 

  สำหรับข่าวต่อมากับเหตุการณ์บุรุษพยาบาลเข็นคนไข้ตกเตียงกรณีของผู้ใช้เฟซบุ๊กท่านหนึ่งออกมาโพสต์ข้อความเมื่อวันที่ 22 ก.ย. ได้ออกมาเล่าเหตุการณ์บุรุษพยาบาล โรงพยาบาลนครพิงค์เชียงใหม่ เข็นเตียงผู้ป่วยที่มีอาการเลือดออกในสมองเนื่องจากประสบอุบัติเหตุลื่นล้ม จนเตียงพับร่างของผู้ป่วยร่วงลงมาโดยเฉพาะส่วนศีรษะที่ตกลงมา ทั้งสายเครื่องช่วยหายใจยังหลุดออกมากระแทกกับพื้นอย่างแรง 
    
ส่วนสาเหตุที่เกิดขึ้นจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดเมื่อวันที่ 26 ก.ย. 2561 อุบัติเหตุครั้งนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับพื้นที่โรงพยาบาลมีความลาดชัน และเตียงอาจชำรุดทำให้ขาเตียงด้านหน้าเกิดพับลงจนเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ในส่วนของคนไข้ต่อมาได้ถูกนำตัวส่งไปยังโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ ทางด้านผู้บริหารของโรงพยาบาลนครพิงค์เชียงใหม่ได้นำกระเช้าดอกไม้ไปเยี่ยมผู้ป่วยเพื่อแสดงความรับผิดชอบที่เกิดขึ้น

 

สรุปข่าวเด่นรอบวัน 27 ก.ย. 2561

 

 

สรุปข่าวเด่นรอบวัน 27 ก.ย. 2561

 

      สำหรับข่าวสุดท้ายกับการประกาศเตือนของกรมอุตุนิยมวิทยา เมื่อวันที่ 27 ก.ย. 2561 ฉบับที่ 1 เตือน กรณีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงบริเวณประเทศไทยในช่วงวันที่ 27 กันยายน – 1 ตุลาคม 2561 บริเวณประเทศไทยตอนบนจะมีฝนเพิ่มมากขึ้น โดยจะมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง โดยจะเริ่มในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือก่อน ส่วนภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคใต้ตอนบน รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จะได้รับผลกระทบในระยะต่อไป 

 

      จึงขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ ป้ายโฆษณา และสิ่งปลูกสร้างที่ไม่แข็งแรง รวมถึงระวังอันตรายจากฟ้าผ่า สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย

 

        ทั้งนี้เนื่องจากความกดอากาศสูงจากประเทศจีนได้แผ่ลงมาปกคลุมบริเวณประเทศไทยตอนบน ประกอบกับร่องมรสุมจะเลื่อนลงมาพาดผ่านภาคกลางและภาคตะวันออก ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังอ่อนพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย

สำหรับพื้นที่ที่คาดว่ามีผลกระทบตามภาคต่างๆ มีดังนี้

        ในช่วงวันที่ 27-28 กันยายน 2561

        ภาคเหนือ บริเวณจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา แพร่ น่าน อุตรดิตถ์ พิษณุโลก และเพชรบูรณ์

        ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ บริเวณจังหวัดเลย หนองบัวลำภู อุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ นครพนม สกลนคร

        มุกดาหาร กาฬสินธุ์ และขอนแก่น

        ในช่วงวันที่ 29 กันยายน – 1 ตุลาคม 2561

        ภาคเหนือ บริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง พิษณุโลก เพชรบูรณ์ พิจิตร กำแพงเพชร สุโขทัย และตาก

        ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ บริเวณจังหวัดมุกดาหาร กาฬสินธุ์ มหาสารคาม ขอนแก่น ชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ อุบลราชธานี และศรีสะเกษ

        ภาคกลาง บริเวณจังหวัดราชบุรี กาญจนบุรี อุทัยธานี ชัยนาท นครสวรรค์ สิงห์บุรี อ่างทอง ลพบุรี สระบุรี

        พระนครศรีอยุธยา นครปฐม สุพรรณบุรี สมุทรสงคราม และสมุทรสาคร รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล

        ภาคตะวันออก บริเวณจังหวัดฉะเชิงเทรา นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด

        ภาคใต้ บริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี ระนอง พังงา และภูเก็ต  

 

สรุปข่าวเด่นประจำวันขอจบไว้เพียงเท่านี้ สำหรับพรุ่งนี้จะมีประเด็นใดน่าสนใจก็ต้องติดตามกันต่อไป