รวบแก๊งยาบ้า ซุกใน "ล้อรถของเล่น"

พล.ต.ต.ธีระพล ทิพย์เจริญ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วย พ.ต.อ.เสริมพันธุ์ ศิริคง รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต , เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการปราบปรามยาเสพติด ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต นำโดย พ.ต.ท.พงษ์พันธ์ ศิริภัทรนุกูล  หัวหน้าชุดปฏิบัติการปราบปรามยาเสพติดตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต  ร่วมกันแถลงผลการจับกุมผู้ต้องหาค้ายาเสพติด จำนวน  3 ราย ได้แก่ นายยอห์น มาระโก วิคเคอร์ส  หรือจอนนี่  อายุ 29 ปี , นางสาวทิพย์รัตน์  พรมประมูล  หรือก้อย  อายุ 29 ปี และนายอุดม  รัตนมณี  หรือเอ อายุ 44 ปี ในข้อกล่าวหา “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ”

พร้อมของกลาง  ยาบ้า จำนวน 39,820 เม็ด, ไอซ์ 18.80 กรัม และเฮโรอีน จำนวน 0.18 กรัม  ทั้งนี้ได้มีการตรวจยึดทรัพย์สินไว้ตรวจสอบตาม พ.ร.บ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติดฯ  ประกอบด้วย รถยนต์เก๋ง 3 คัน , สมุดบัญชีธนาคาร, สร้อยคอทองคำและโทรศัพท์มือถือ รวมมูลค่าทรัพย์สิน ประมาณ 1,230,000 บาท

 

พล.ต.ต.ธีระพล กล่าวถึงพฤติการณ์ในการจับกุม ว่า เมื่อเวลาประมาณ 16.00 น.ของ วันที่ 24 กันยายน 2561 ชุดปฏิบัติการปราบปรามยาเสพติดตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ได้จับกุมตัว นายพงศ์ศักดิ์ หรือเบียร์ แก้วสุกใส  อายุ 33 ปี พร้อมของกลางยาบ้า จำนวน 119 เม็ด

ต่อมาได้ขยายผลจนสามารถจับกุม นายสนธยา หรือบู หนูดำ อายุ 41  ปี พร้อมด้วยของกลาง ไอซ์ น้ำหนักรวมทั้งหมด 2.52 กรัม, ยาบ้า จำนวน 67 เม็ด  ในชั้นจับกุม นายสนธยาฯ ให้การว่า เคยติดต่อสั่งซื้อยาเสพติดมาจำหน่ายจากนายยอห์นฯ  ซึ่งอาศัยอยู่ภายในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ต.เกาะแก้ว อ.เมืองภูเก็ต เป็นเครือข่ายยาเสพติดของนายอุดมฯ ผู้ค้ายาเสพติดรายสำคัญในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต  ต่อมาวันที่ 26กันยายน 2561 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้เดินทางไปตรวจสอบยังบ้านพักของนายยอห์นฯ  พบนายยอห์นฯ  และนายอุดมฯ  อยู่บริเวณหน้าบ้าน จึงได้แสดงตัวขอทำการตรวจค้น

จากการตรวจค้นภายในบ้านพักของ นายยอห์น ฯ  และห้องพักของนายอุดม ฯ  ซึ่งอยู่ในอพาร์ทเม้นท์แห่งหนึ่งในพื้นที่หมู่ที่ 2 ต.รัษฎา อ.เมืองภูเก็ต พบยาเสพติด ตามรายการดังกล่าวข้างต้น

โดยนายยอห์นฯ หนึ่งในผู้ต้องหา ให้การรับว่า หลังจากพ้นโทษในคดียาเสพติด จากเรือนจำจังหวัดภูเก็ต เมื่อปี 2559 ต่อมาประมาณเดือน มิถุนายน 2561นายอุดมฯ  ซึ่งรู้จักกันตอนถูกควบคุมตัวในเรือนจำในคดียาเสพติด  ได้ชักชวนให้มาร่วมกันจำหน่ายยาเสพติด  โดยให้มีหน้าที่รับมาตรวจนับจำนวน และนำไปวางตามจุดนัดหมายให้กับลูกค้าในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต  ตามคำสั่งของ นายอุดมฯ  ซึ่งจะเป็นคนสั่งยาเสพติดมาจากกรุงเทพมหานคร โดยจัดส่งมากับบริษัทรับส่งสินค้าเป็นกล่องลังพัสดุ ภายในบรรจุรถของเล่นบังคับและมีการซุกซ่อนยาบ้ามาในล้อรถของเล่นดังกล่าว  ได้รับค่าจ้าง เป็นเงินครั้งละประมาณ 5,000-10,000 บาท และยาบ้า จำนวน 2 ถุง  ( 400 เม็ด)  โดยร่วมกันทำในลักษณะนี้มาแล้ว  4 ครั้ง  และครั้งล่าสุดซึ่งเป็นยาบ้าของกลางในคดีนี้ 

โดยเมื่อวันที่ 24 กันยายน ที่ผ่านมา นายอุดมฯ ได้ใช้โทรศัพท์ติดต่อมาบอกให้ตนเดินทางไปรับกล่องลังสินค้าซึ่งภายในบรรจุยาบ้า  ที่บริเวณริมถนนหน้าหมู่บ้านพนาสนธิ์ น้ำตกกะทู้  แล้วนำมาเก็บซุกซ่อนไว้ภายในบ้านพักที่เกิดเหตุ  จนกระทั่งวันที่ 26 กันยายน ขณะที่ นายอุดมฯ เดินทางมาที่บ้านเกิดเหตุ เพื่อตรวจสอบยาบ้าของกลาง  ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าทำการตรวจค้น และจับกุม พร้อมด้วยของกลางดังกล่าว

 

พล.ต.ต.ธีระพล กล่าวด้วยว่า ปัจจุบันรูปแบบของผู้ลักลอบค้ายาเสพติดจะเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ซึ่งผู้ต้องหารายได้ใช้วิธีการนำยาบ้าบรรจุไว้ในล้อรถของเล่นจากนั้นก็ส่งมาให้ลูกค้า และในอนาคตก็อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงไปในรูปแบบอื่นๆ อีก ขณะเดียวกันในการตรวจค้นผู้ต้องสงสัยเกี่ยวกับยาเสพติดนั้นได้สั่งการให้เพิ่มความระมัดระวัง เพราะปัจจุบันกลุ่มผู้ค้าจะมีความระมัดระวัง และมักจะมีการพกพาอาวุธปืน นอกจากนี้ยังตรวจพบว่า กลุ่มผู้ค้าเหล่านี้จะมีการใช้เงินที่ได้จากการค้ายามาสร้างเครือข่ายหรืออิทธิพล ในการว่าจ้างกลุ่มวัยรุ่นในการส่งยา หรือทวงหนี้  รวมทั้งการใช้โซเซียลในการดำเนินการ โดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย ทางเจ้าหน้าที่ฯ จึงได้มีการเพิ่มความเข้มในการดำเนินการ

ขณะเดียวกันในการปฏิบัติก็ต้องเพิ่มความระมัดระวังด้วย โดยการดำเนินการครั้งนี้เป็นไปตามแผนป้องกันปรามปรามอาชญากรรมของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ “แผนพิทักษ์ภัยให้ประชาชน 2561”  ซึ่งให้ถือปฏิบัติตั้งแต่เดือน พ.ย.60 – ก.ย.61 และกำหนดให้ทุกสถานีตำรวจระดมกวาดล้างอาชญากรรมในห้วงเวลาการปฏิบัติ เป้าหมายอาวุธปืน วัตถุระเบิด อาวุธสงครามผิดกฎหมาย ยาเสพติด การจัดระเบียบสังคมการจับกุมนักเรียน/ นักศึกษาก่อเหตุทะเลาะวิวาทการแข่งรถในทางและบุคคลหรือกลุ่มบุคคลคนที่ให้ผู้อื่นกู้ยืมเงินโดยคิดอัตราดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด