แพงนัก ต้องตัดให้ขาด เปิด 10 วิธี เลิกบุหรี่ได้ชะงัด ไม่หักดิบไม่โหยหา เฉียบ

 

    กลายเป็นประเด็นที่ทำให้เหล่า "สิงห์อมควัน" ต้องละเหี่ยใจไปตามๆ กัน กับราคาบุหรี่ที่ขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดวันที่ 1 ต.ค. 2561 ทางกระทรวงการคลังได้เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) จัดเก็บเงินสมทบเพื่อสนับสนุนการจัดบริการสาธารณสุขของหน่วยงานบริการภาครัฐในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ โดยมีสาระสำคัญให้เก็บเงินจากบุหรี่อีกซองละ 2 บาท ให้กับกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ซึ่งเป็นเงินปีละประมาณ 3,000 ล้านบาท โดยมีการคาดการณ์ต่อไปว่า บุหรี่นอกบางยี่ห้อที่แต่เดิมราคา 60 บาท อนาคตอาจทะยานพุ่งแตะเป็น 100 บาท

 

    นึกย้อนไปสมัยก่อน เพียงเศษเหรียญไม่กี่เหรียญหรือแบงค์สีเขียวใบสองใบ ก็สามารถซื้อบุหรี่มาเสพสุขไปกับควันในปอดได้โดยไม่ยากนัก แต่อนิจจาปัจจุบันช่างตรงกันข้าม ครั้นจะประหยัดเงินในกระเป๋า ด้วยการซื้อแบบแบ่งขาย รัฐบาลก็สั่งห้ามเด็ดขาดเสียอย่างนั้น จะให้ไปซบอก "บุหรี่ไฟฟ้า" ก็ดันผิดกฏหมาย หรือพึ่งพา "ยาเส้น" ก็ดูจะใช่ที่ ท่องคาถาที่เขาว่ากันว่าเด็ดอย่าง "ปากไม่คาบ มือไม่คีบ" ก็ยังโหยหามะเร็งมาวนเวียนในปอดอยู่ร่ำไป 

 

    ทางออกสุดท้ายคือการ "เลิก" อย่างเด็ดขาด แต่ก็ดูจะล้มเหลวในทุกครั้งที่พยายาม เพราะ การสูบบุหรี่จะทำให้ร่างกายได้รับสารนิโคตินเข้าสู่กระแสเลือด จากนั้นสารนิโคตินจะไปกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งสารที่ก่อให้เกิดความสุขที่เรียกว่า "สารโดปามีน"  นอกจากนี้สารนิโคตินในบุหรี่ยังทำปฏิกิริยาต่อสมองด้วยการกระตุ้นร่างกายหลั่งสารที่ทำให้ความรู้สึก ตื่นตัว สดชื่น กระปรี้กระเปร่า (เป็นการชั่วคราว) แต่หลังจากนั้นผู้สูบบุหรี่ ต้องเผชิญกับอาการหงุดหงิด กระสับกระส่าย จึงจำต้องเพิ่มปริมาณในการสูบเพื่อทำให้อาการดังกล่าวหายไป

    ทว่าหากมีความตั้งใจอันแน่วแน่และปฏิบัติตามตำราอย่างเคร่งครัดการปลดแอกจากการเป็นทาสของบุหรี่ก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป โดยมีหลักการสำคัญดังต่อไปนี้

 

 

1. ปรับพฤติกรรม เนื่องจากคนส่วนใหญ่ที่พยายามเลิกบุหรี่ด้วยการสูบให้น้อยแทนที่จะ "หักดิบ" ในที่สุดจะกลับไปสู่วงจรเดิม หรือเลวร้ายกว่านั้นคือสูบในปริมาณที่มากว่าเดิม ดังนั้นถ้าอยู่ในช่วงหักดิบและมีอาการอยากสูบขึ้นมาควรหาหมากฝรั่ง ลูกอม หรือดมยาดม เพื่อให้ติดเป็นนิสัยใหม่แทนการสูบบุหรี่ หรือที่นิยมโดยมากคือหมากฝรั่งนิโคตินเพื่อให้ร่างกายได้รับสารนิโคตินดับความกระหาย แทนการสูบบุหรี่

2. กำหนดวันในการเลิกสูบบุหรี่ที่แน่นอน การถือเคล็ดหาฤกษ์งามยามดีในการเลิกสูบบุหรี่ถือเป็นก้าวแรกที่จะนำไปสู่ความสำเร็จได้เช่นกัน ซึ่งวันดังกล่าวควรจะเป็นที่ไม่เครียด เพื่อที่จะได้เตรียมตัวเข้าสู่การเลิกสูบบุหรี่ เตรียมรับมือกับความหงุดหงิดที่อาจตามมา ทางออกที่ดีที่สุดคือควรเลิกในช่วงเวลาที่กำลังมีความสุข มากกว่าวันที่เพิ่งเผชิญกับความเครียดจากการทำงาน

3. หลีกเลี่ยงสถานที่ ที่เคยสูบบุหรี่เป็นประจำ อีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้คนกลับไปสูบบุหรี่ คือ "ความเคยชิน" เช่น เดินผ่านบริเวณที่เคยสูบบุหรี่ประจำ เหล่านี้อาจทำให้หวนกลับเข้าสู่วงจรเดิมอีกครั้ง วิธีปฏิบัติคือ พยายามเลี่ยงสถานที่ดังกล่าว หากิจกรรมเพิ่มเติมเช่น ออกกำลังกายเป็นต้น

4. เขียนบันทึกเหตุผลที่คุณจะเลิกบุหรี่ พยายามนึกถึงเหตุผลเชิงบวกและผลลัพธ์ที่คุณจะได้รับหลังเลิกบุหรี่ อาทิ มีเงินเก็บมากขึ้น มีร่างกายที่แข็งแรงขึ้น ห่างไกลจากโรคภัยไข้เจ็บ และเมื่อเกิดอาการอยากสูบให้กลับไปอ่านอีกครั้ง

5. ดื่มน้ำเป็นประจำ ผู้ที่กำลังเลิกบุหรี่ควรดื่มน้ำไม่ต่ำกว่าวันละ 10 แก้วหรือปริมาณ 2 ลิตรต่อวัน เพราะน้ำจะเป็นตัวช่วยขับสารพิษออกจากร่างกายและจะช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็วยิ่งขึ้น

 

 

6. ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทาน กลุ่มอาหารที่ทำให้อยากสูบบุหรี่ประกอบไปด้วยอาหารจำพวก เผ็ด เค็ม มัน หวาน ฉะนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงและบริโภคผักผลไม้ โดยเฉพาะผลไม้รสเปรี้ยว ที่เป็นตัวช่วยที่ดีในการลดอาการอยากสูบบุหรี่ และผลไม้ควรเป็น ผลไม้สดเท่านั้น

 

 

 

7.  ควรออกกำลังกายวันละ 30 นาที หรือแบ่งคาบฝึกต่อสัปดาห์อย่างน้อย 120-150 นาที โดยเฉพาะการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอที่ให้ผลลัพธ์ต่อปอดและหัวใจโดยตรง และสารพิษในร่างกายยังขับออกมาทางเหงื่อได้อีกด้วย

8. ทิ้งบุหรี่ให้หมด การแอบซ่อนบุหรี่ หรือมีติดตัวย่อมไม่ต่างอะไรกับขวากหนามและอุปสรรคในเส้นทางการเลิกบุหรี่ จงทิ้งเสียให้หมด

9. ย้ำเตือนตนเอง หากคิดที่จะสูบบุหรี่ขึ้นเมื่อไหร่ ก็ขอให้ย้ำกับตนเองอยู่เสมอว่า ที่เลิกนั้นเพราะอะไรหรือเพื่อใคร และให้ทำตามเป้าหมายการเลิกบุหรี่ของตนเองตามที่ตั้งใจไว้ให้ดีที่สุด

10. ให้รางวัลกับตัวเอง การควักเงินเพื่อจ่ายค่าอาหารดีๆ สักมื้อ ย่อมดีกว่าลงทุนซื้อบุหรี่เป็นคอตตอน หลังจากที่เลิกบุหรี่สำเร็จคุณจะพบว่าเงินในกระเป๋ามีมากขึ้น ดังนั้นควรให้รางวัลกับตัวเองบ้าง เพื่อเป็นกำลังใจในการเลิกบุหรี่ต่อไป 
 

 

หากปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดด้วยความตั้งใจอันแน่วแน่ การเลิกบุหรี่และใช้ชีวิตโดยปราศจากนิโคตินก็ไม่ใช่เรื่องที่เกินฝันอย่างแน่นอน