- 03 ต.ค. 2561
สะเทือนใจ แพทย์จุฬาฯโพสต์สุดเศร้า ระบบสาธารณสุขไทยกำลังใกล้ถึงจุดล่มสลาย
นับวันยิ่งกลายเป็นปัญหาสะสม จนทำให้เกิดเรื่องราวใหญ่โตบานปลาย เกี่ยวกับระบบสาธารณสุขในประเทศไทย หลังจากที่มีกระแสข่าวมากมายมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งเรื่องขาดแคลนเครื่องมือทางการแพทย์ ขาดแคลนบุคคลากร มีปัญหาด้านการบริหารจัดการ
จนส่งผลกระทบต่อผู้ป่วย รวมไปถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ ที่มีเจ้าหน้าที่พยาบางกระชากคนไข้ ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์ วิจารณ์ตามมาถึงวงการแพทย์อย่างหนัก
ล่าสุดศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก Thiravat Hemachudha เล่าถึงเรื่องราวปัญหาของระบบสาธารณสุขในไทยว่า ระบุว่า "ผู้บริหาร รัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุข และประชาชนต้องยอมรับความจริงว่าความพินาศเกิดขึ้นแล้วและเกือบล่มสลายแล้ว ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในภาคอีสานข้อมูลวันที่ 30 กันยายน 2561 จากลูกศิษย์คนหนึ่งของเราที่จบเมื่อปีที่แล้ว ความรับผิดชอบผมคือดูวอร์ดหรือหอผู้ป่วยชาย ประมาณ 30-40 เคส/สาย (สองสายต่อวอร์ด) ถ้าเอาตามเตียงกับเบอร์ที่หัวเตียงหนึ่งวอร์ดคือจุได้ 28 คนครับ แต่ทุกวันนี้ก็ ต้องรับวอร์ดละ 70-80 ราย
ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
ตามปกติสายหนึ่งก็มี staff 1 คน R1 1 คน (แพทย์ประจำบ้านปีที่หนึ่ง) R3 1 คน (แพทย์ประจำบ้านปีที่สาม) Intern 1 คน (แพทย์ฝึกหัด) Ext 1 คน (นักศึกษาแพทย์ฝึกงาน) นศพ ปี 4 หรือ 5 อีก 1-2 คน
วันก่อนผมอยู่เวรวอร์ดอายุรกรรม คือรักษาทางยาฝั่งผู้ชาย ซึ่งประกอบด้วย วอร์ดสามัญ 3 วอร์ด 6 สาย) 2 ICU ( ICU ละ 10 เตียง ) 1 RCU ผู้ป่วยหนักทางระบบทางเดินหายใจหรือที่หายใจไม่ได้( 16 เตียงเอาไว้ wean case ยาก กับดูโรคทาง chestเป็นหลัก) ทีมที่ดูประกอบด้วย Staff 1 คน R3 1 คน R1 2 คน Intern 2 คน Extern 2 คน นศพ 2 คน เฉพาะเวรบ่าย admit รับผู้ป่วยใหม่ประมาณ 42 ราย (ไม่ใช่ทั้งวัน นี่คือเฉพาะเวรบ่าย) นี่คือฝั่งผู้ชายอายุรกรรมเท่านั้น ผมว่า ใกล้ถึงจุดเรือล่มแล้วล่ะครับตอนนี้ก็ช่วยกันพายเต็มที่ล่ะครับ วันที่เรือจมคงอีกไม่ไกล
Birdเขียว bird คือเครื่องช่วยหายใจแบบโบราณและ volume ventilator แบบดีขึ้นมาหน่อยสำหรับคนไข้ที่หายใจเองไม่ได้ ผู้ป่วยที่ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจและจริงๆต้องอยู่ในไอซียู ต้องนอนอยู่นอก ไอซียูประมาณ 16-20 คนต่อวอร์ด นี่หรือคือความสำเร็จของระบบสุขภาพและสาธารณสุขของประเทศไทยแทนที่จะด่าว่ากันว่ารักษาไม่ดี รับสภาพความจริงก่อนว่าขณะนี้ล่มสลายแล้ว"
นอกจากนี้ในเฟซบุ๊กของศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ยังได้พูดถึงกรณีการใช้สารเคมีในพืชผักต่าง ระบุว่า "มึงอยากใช้สารพิษที่มีในพืชผักผลไม้ อาหาร มึงก็เอาไปกินเองแล้วกัน พวกกูคนไทยก่อนซื้อ ก่อนกิน ต้องสอบถาม ถ้าบอกว่าไม่มี แต่รู้ตอนหลังว่ามี ต้องป่าวประกาศ และพวกกูไม่ซื้อของมึงต่อไป บริษัทธุรกิจชาญฉลาดแต่โคตรอำมหิตฆ่าผู้กูและลูกหลาน เด็กเกิดมาสมองอ่อน รู้ว่ามันคือใคร มีผลิตภัณฑ์อะไร ร้านอะไร อย่าไปเดินเฉียด จังไรจะติดมา
ต้องกำจัดสารพิษ และตัวจังไรให้หมดไป หน่วยราชการถ้าไม่ถูกแม่งซี้อไป ต้องตรวจสอบประเมินเป็นระยะในตลาดร้านค้าทั่วไปและอย่าเสล่อประกาศว่ามีสารพิษติดมาในพืชผักผลไม้ แต่ไม่อันตราย โง่จริงหรือแกล้งโง่วะ รัฐบาลรวยแล้วนี่ เอาสารพิษไปกินกันเองเยอะๆนะ เบื่อเห็นหน้าแล้ว #กำจัดคนเลวให้สิ้นซาก"
ทำให้ชาวโซเชียลต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก ว่าขออยู่ทีมคุณหมอ เห็นด้วยในเรื่องการพัฒนาระบบสาธารณสุข ที่นับวันยิ่งมีปัญหา และยิ่งกระทบกับประชาชนทั้งประเทศ ทั้งรัฐบาลต้องแก้ไขจริงจัง และประชาชนก็ต้องดูแลสุขภาพตัวเองให้มาก ไม่เช่นนั้นก็จะเป็นภาระเกินจำเป็นของหมอและทีมพยาบาล สุดท้ายก็เหมือนแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ
" นี่หรือคือความสำเร็จของระบบสุขภาพและสาธารณสุขของประเทศไทยแทนที่จะด่าว่ากันว่ารักษาไม่ดี รับสภาพความจริงก่อนว่าขณะนี้ล่มสลายแล้ว " ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์
ขอบคุณเฟซบุ๊ก : Thiravat Hemachudha