"ไม่ชอบผมก็เกลียดผมคนเดียว" เปิดโพสต์สุดท้าย"ทนายตั้ม" ก่อนหายตัวเงียบ ไม่ออกสื่อ!

"ไม่ชอบผมก็เกลียดผมคนเดียว" เปิดโพสต์สุดท้าย"ทนายตั้ม" ก่อนหายตัวเงียบ ไม่ออกสื่อ!

จากกรณี นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ร้องขอให้ พล.ต.ท. ชาญเทพ เสสะเวช ผบช.น. ตรวจสอบคดีค้ายาเสพติด ซึ่งมี นายปุณยวัจน์ หิรัณย์เตชะ และ น.ส.อาเมเรีย จาคอป หรือ เอมี่ อดีตมิสทีนไทยแลนด์ ปี 2006 และนางเอกละครธิดาวานร ตกเป็นผู้ต้องหา แต่ต่อมา น.ส.อาเมเรีย หลุดข้อหาร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดนั้น

 

"ไม่ชอบผมก็เกลียดผมคนเดียว" เปิดโพสต์สุดท้าย"ทนายตั้ม" ก่อนหายตัวเงียบ ไม่ออกสื่อ!

 

"ไม่ชอบผมก็เกลียดผมคนเดียว" เปิดโพสต์สุดท้าย"ทนายตั้ม" ก่อนหายตัวเงียบ ไม่ออกสื่อ!

 

"ไม่ชอบผมก็เกลียดผมคนเดียว" เปิดโพสต์สุดท้าย"ทนายตั้ม" ก่อนหายตัวเงียบ ไม่ออกสื่อ!

 

"ไม่ชอบผมก็เกลียดผมคนเดียว" เปิดโพสต์สุดท้าย"ทนายตั้ม" ก่อนหายตัวเงียบ ไม่ออกสื่อ!

 

จนต่อมา พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(ผบช.น.) กล่าวว่า เรื่องนี้ตนได้มีคำสั่ง บช.น.ที่ 307/2561 ลงวันที่ 11 กันยายน 61 แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยให้ พล.ต.ต.สมพงษ์ ชิงดวง รอง ผบช.น. เป็นประธานฯ เบื้องต้นได้รับรายงานว่า จากการตรวจพบข้อบกพร่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการการปฏิบัติหน้าที่ จำนวน 5-6 นาย เป็นชุดจับกุม พนักงานสอบสวน มีหลายระดับ รวมถึงมีเจ้าหน้ากระบวนการยุติธรรมระดับสูงรวมอยู่ด้วย แต่ไม่ขอเปิดเผยในรายละเอียด ซึ่งการสืบสวนสอบสวนมีความคืบหน้าไปมาก คาดว่าจะทราบผลสรุปทั้งหมดของคดีดังกล่าวในช่วงกลางเดือนตุลาคมนี้ โดยตนจะส่งมอบเรื่องดังกล่าวให้กับทาง พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลคนใหม่ที่จะเข้ามารับตำแหน่งในช่วงต้นเดือนตุลาคม ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

 

"ไม่ชอบผมก็เกลียดผมคนเดียว" เปิดโพสต์สุดท้าย"ทนายตั้ม" ก่อนหายตัวเงียบ ไม่ออกสื่อ!

 

"ไม่ชอบผมก็เกลียดผมคนเดียว" เปิดโพสต์สุดท้าย"ทนายตั้ม" ก่อนหายตัวเงียบ ไม่ออกสื่อ!

 

"ไม่ชอบผมก็เกลียดผมคนเดียว" เปิดโพสต์สุดท้าย"ทนายตั้ม" ก่อนหายตัวเงียบ ไม่ออกสื่อ!

 

แน่นอนว่าหลายคนจับจ้องไปที่ความเคลื่อนไหวของทนาย ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ว่าจะคิดเห็นอย่างไรกับเรื่องที่เกิดขึ้นเพราะสำหรับตัวของทนายแล้วถือว่าเป็นกุญแจสำคัญของเรื่องราวที่เกิดขึ้น

ด้าน นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ทนายความ เปิดเผยผ่านอัมรินทร์ว่า ครั้งล่าสุดที่ได้มีโอกาสพูดคุยกับนายษิทรา เบี้ยบังเกิด ภายหลังถูกพาดพิงเข้าไปเกี่ยวข้องในเรื่องราวต่าง ๆ โดยเห็นว่าทนายษิทรามีสภาพจิตใจค่อนข้างแย่ มีอาการเครียด จึงเป็นห่วงว่าเจ้าตัวอาจจะคิดสั้น แต่ก็ได้พูดคุยและให้กำลังใจ แต่ทั้งนี้ตนมองว่าถ้าหากทำผิดก็ไม่มีใครช่วยได้ เพราะถือว่าเป็นเรื่องที่รับไม่ได้ในกระบวนการยุติธรรม หากทำผิดก็ต้องรับโทษ ตนเพียงให้กำลังใจกัน แต่ถ้าผิดจริงก็จะไม่ช่วย

 

"ไม่ชอบผมก็เกลียดผมคนเดียว" เปิดโพสต์สุดท้าย"ทนายตั้ม" ก่อนหายตัวเงียบ ไม่ออกสื่อ!

 

ส่วนประเด็นเรื่องนิทานเก่งกับฟ็อกซ์ ที่ระบุว่านายเก่งถูกกลั่นแกล้งให้รับโทษเกี่ยวกับยาเสพติดนั้น ทนายรณณรงค์ตั้งข้อสังเกตว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่นายเก่งอาจจะไม่ได้ถูกกลั่นแกล้ง ส่วนตัวมองว่าคดีดังกล่าวสิ้นสุดด้วยกระบวนการตัดสินของศาลแล้ว ตนก็เคารพตามคำตัดสิน ทั้งนี้ หากมีการกลั่นแกล้งตาม พ.ร.บ.การรื้อฟื้นคดีอาญาขึ้นพิจารณาใหม่ แล้วมีพยานหลักฐานพิสูจน์ได้ว่า เป็นการกลั่นแกล้ง ก็สามารถยื่นคำร้องต่อศาลได้ แต่ตนไม่สามารถบอกได้ว่าใครทำผิดหรือถูก

อย่างไรก็ตาม คดีที่นายเก่งที่พบของกลางเป็นยาไอซ์นั้น ตนไม่ทราบว่าเป็นการยัดยาหรือไม่ ส่วนตัวมองว่าปริมาณยาไอซ์ค่อนข้างสูง หากเป็นการกลั่นแกล้ง  ก็ไม่น่าจะมีปริมาณมาก

 

 

ในเพจ ชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม โพสต์ข้อความระบุว่า วันนี้ใคร?ไป หาผู้พันผู้ต้องหาคดีทหารอากาศที่อ้างว่า โดนยัดยา และวิ่งไปหาน้องคนพิการทั้งที่ไม่เคยไปหาแหม่กลัวความลับ เปิดเผยที่รับมอบอำนาจคุยกับบริษัทประกันแทนผู้เสียหายทำไม 2แก้มพองๆเอ้มีอะไรน่าอยู่ในปาก ไม่เคยวิ่ง4คูณร้อยแต่ ช่วงนี้วิ่ง4คูณร้อยบ่อยจัง เมื่อไรจะเอามาออกแถลงข่าวรอนานแล้ว สำนักงานก็มีแต่ผู้หญิงบอกให้รอก่อน เบอร์ที่เคยติดต่อได้ประจำหมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ แมลงหวี่คาบข่าวมาบอก

 

"ไม่ชอบผมก็เกลียดผมคนเดียว" เปิดโพสต์สุดท้าย"ทนายตั้ม" ก่อนหายตัวเงียบ ไม่ออกสื่อ!

 

ล่าสุด นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.ธนวัฒน์ หลีพงษ์ สว.( สอบสวน) กก.6บก.ป. เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายความชื่อดัง  ตามมาตรา 143 ฐานเป็นคนกลางเรียกหรือรับสินบน หลังเรียกรับเงินจำนวนเงิน 5 แสนบาท จากนายสมนึก และ นางวาสนา (ขอสงวนนามสกุล) สองสามีภรรยาเจ้าของธุรกิจส่งออกอาหารทะเลรายใหญ่ใน จ.สมุทรสาคร เพื่อวิ่งเต้นทางคดีต่ออัยการ พร้อมนำสลิปการโอนเงิน และคลิปเสียงมามอบไว้เป็นหลักฐาน

นายอัจฉริยะ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ นายสมนึก กับนางวาสนา สามีภรรยาที่ประกอบธุรกิจส่งออกอาหารทะเลในจังหวัดสมุทรสาคร ได้ถูกคนร้ายฉ้อโกงโดยหลอกให้เล่นแชร์ลูกโซ่ห้องเย็น มูลค่าความเสียหาย 10,300,000 บาท ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมผู้ต้องหาได้ ระหว่างที่อัยการดำเนินการฟ้องร้องผู้ต้องหาต่อศาล ทางด้านทนายทนายคนดังกล่าวได้แอบอ้างกับผู้เสียหายว่ารู้จักและสนิทสนมกับอัยการที่รับผิดชอบทางคดีสามารถแจ้งข้อหาผู้ต้องหาเพิ่มเติมได้ แต่ต้องจ่ายเงินค่าดำเนินการจำนวน 5 แสนบาท ผู้เสียหาย จากนั้นสองสามีภรรยามาทราบทีหลังว่าอัยการได้สั่งฟ้องผู้ต้องหาตามข้อหาที่กล่าวหามาแต่ต้น ไม่ได้มีการแจ้งข้อหาเพิ่มตามที่ทนายความคนดังกล่าวอ้างแต่อย่างใด จึงทวงเงินจำนวน 5 แสนบาทที่จ่ายให้ไปคืน แต่ทางทนายความกลับไม่ยอมจ่าย ต่อมาสองสามีภรรยาจึงมาร้องเรียนตนให้ช่วยเหลือ จนได้มีการเผยแพร่คลิปเสียงที่ทนายคนดังเจรจาต่อรองกับผู้เสียหาย ทำให้ทนายคนดังเกิดความกลัวจึงได้รีบโอนเงินจำนวน 450,000 บาท ผ่านบัญชีธนาคารกสิกรไทย ส่วนอีก 50,000 บาทได้ให้คนนำเงินสดมามอบให้ อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบพบว่าทนายคนดังกล่าวไม่มีความเกี่ยวข้องทางคดีนี้แต่อย่างใด ซึ่งในวันนี้ผู้เสียหายทั้งสองได้เดินทางไปให้ถ้อยคำกับสภาทนายความแล้ว ส่วนตนได้รับมอบหมายให้มาแจ้งความที่กองปราบปราม

นอกจากนี้ทนายคนดังกล่าวยังรับทำคดียาเสพติดและเคยไปกล่าวหาเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางโทรัด สมุทรสาคร จำนวน 8 นายว่ายัดยาและเรียกทรัพย์สินของสองสามีภรรยา ผู้ต้องหาในคดียาเสพติด ซึ่งศาลได้ตัดสินแล้วว่าตำรวจทั้ง 8 นายบริสุทธิ์ ส่วนภรรยาที่กล่าวหาตำรวจถูกตัดสินจำคุก 4 ปี ปรับ 4 แสนบาท ส่วนสามีนั้นศาลชั้นต้นยกฟ้องเนื่องจากมีการฟ้องผิดศาล อย่างไรก็ตามศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้ศาลชั้นต้นพิพากษาในวันที่ 30 ตุลาคมนี้ ซึ่งระหว่างปล่อยตัวไปผู้ต้องหาคนดังกล่าวก็ได้ไปค้ายาเสพติดอีกด้วย

“ทราบมาว่าตัวทนายเองไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับทางคดีแต่กลับเข้าไปเป็นคนกลางและเรียกรับเงินจากผู้เสียหายถือเป็นการทำลายกระบวนการยุติธรรมใน โดยการวิ่งเต้นล้มคดียาเสพติด หรือ เรียกรับเงินในคดีฉ้อโกง บุคคลที่อาศัยความเป็นทนายตั้งมูลนิธิทนายเพื่อประชาชนบังหน้าหาผลประโยชน์เข้าตัวเองต้องขจัดออกไปจากสังคม" นายอัจฉริยะ กล่าว

 

"ไม่ชอบผมก็เกลียดผมคนเดียว" เปิดโพสต์สุดท้าย"ทนายตั้ม" ก่อนหายตัวเงียบ ไม่ออกสื่อ!

 

"ไม่ชอบผมก็เกลียดผมคนเดียว" เปิดโพสต์สุดท้าย"ทนายตั้ม" ก่อนหายตัวเงียบ ไม่ออกสื่อ!

 

เบื้องต้น พ.ต.ท.ธนวัฒน์ ซึ่งทำหน้าที่เวรบริการประจำวันได้มอบให้พนักงานสอบสวน กก.5 บก.ป. สอบปากคำผู้ร้องไว้ แล้วนำหลักฐานที่ได้มาประมวลก่อนนำเสนอผู้บังบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป

.

.

เมื่อเข้าไปตรวจสอบในเฟซบุ๊ก ของทนายตั้ม "ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ" ได้มีการเคลื่อนไหวครั้งสุดท้าย ตั้งแต่วันที่ 23 ก.ย. ที่ผ่านมา โดยเจ้าตัวได้โพสต์ข้อความเอาไว้ว่า 

 

เรียน แฟนเพจที่ผมรัก
อดทนหน่อยนะครับ ผมบอกตัวเองด้วยครับ ไม่นานความจริงจะปรากฎ

ผมจะทำหน้าที่ของผมต่อไปอย่างดีที่สุด พรุ่งนี้มี #คดีหวย30ล้าน เอาใจช่วยผมและ ลุงจรูญด้วยนะครับ

งานของผมทุกครั้ง จะจบลงด้วยคนที่ได้ และคนที่เสีย ที่ผ่านมาด้วยงานและหน้าที่ของผม อาจไปเหยียบเท้าใครหรือทำให้ใครเสียผลประโยชน์ แต่ผมตั้งใจทำมา 14 ปีแล้วครับ และผมตั้งใจจะทำต่อไปให้ดีที่สุด

อดทนรอวันที่ความจริงปรากฎ และเมื่อนั้นขอให้สิ้นสุด ไม่ชอบผมก็เกลียดผมคนเดียว แต่อย่าทำให้คนรอบข้างผมเดือดร้อน

ขอบคุณครับ

 

"ไม่ชอบผมก็เกลียดผมคนเดียว" เปิดโพสต์สุดท้าย"ทนายตั้ม" ก่อนหายตัวเงียบ ไม่ออกสื่อ!

 

"ไม่ชอบผมก็เกลียดผมคนเดียว" เปิดโพสต์สุดท้าย"ทนายตั้ม" ก่อนหายตัวเงียบ ไม่ออกสื่อ!

 

Cr. amarintv // ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ //  ชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม