เปิดเส้นทาง ดราม่าฆ่าไม่ตาย "ฟิล์ม รัฐภูมิ" จากหนุ่มหน้าใสวงการบันเทิง ก้าวสู่ถนนสายการเมือง

    เข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้นในช่วงต้นปี 2562  ตามที่รัฐบาลได้ลั่นวาจาไว้ ถึงแม้ว่าจะยังไม่ "ปลดล็อค" พรรคการเมืองอย่างเป็นทางการ แต่เป็นเพียงการ "คลายล็อค" พอให้เหล่าคนการเมืองได้ขยับแข้งขยับขา หายใจหายคอกันบ้าง แต่ใครจะไปคิดว่าท่ามกลางกระแสกลางเมืองที่คุกรุ่น ได้ปรากฏคนวงการบันเทิงเบนเข็มชีวิตจากความเป็นอดีตนักร้องนักแสดงชื่อดัง เข้าสู่ถนนการเมือง เมื่อนายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ หรือฟิล์ม เปิดตัวเป็นสมาชิกพรรคพลังท้องถิ่นไท

 

 

 

 

    โดยมีนักการเมืองและผู้ที่สนใจงานการเมืองเข้าร่วมงานและยื่นใบสมัครเป็นสมาชิกกันอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง อาทิ นายชัชวาลย์ คงอุดม อดีต ส.ว. กทม. นายชื่นชอบ คงอุดม อดีต ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ นายเกรียงไกร ภูมิเหล่าแจ้ง อดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เป็นต้น นโยบายของพรรคจะมุ่งเน้นที่ประเด็นส่วนท้องถิ่น และความหลากหลายที่เสมอภาคของคนทุกกลุ่ม ในเบื้องต้นฟิล์ม รัฐภูมิ จะลงสมัคร ส.ส. กทม.​แต่ยังไม่ได้ระบุชัดว่าเป็นเขตใด

 

    สำหรับฟิล์ม รัฐภูมิ เกิดเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2527 เกิดที่ จ.สระบุรี แต่เดิมก่อนที่มาเป็นนักร้องเดี่ยวเคยถูกวางตัวให้เป็นนักร้องในวงบอยแบนด์ ชื่อ G-BOYZ สังกัดจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ร่วมกับ เป๊ก-ผลิตโชค อายนบุตร และ แบงค์-พิสิษฐ คำยอด แต่ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักแพร่หลาย เนื่องจากไม่ได้รับการโปรโมท จึงย้ายมาสังกัดบริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) โดยมีซิงเกิ้ลที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงชื่อ "ที่ที่เรารักกัน"

 

 

    นอกจากงานด้านดนตรี ยังมีผลงานสร้างชื่อจาก โฆษณาฮอนด้า คู่กับ พัชราภา ไชยเชื้อ อีกทั้งยังเป็นตัวแทนนโครงการที่สำคัญต่างๆ อาทิ ได้รับคัดเลือกให้เป็น Brand Ambassador ของมูลนิธิที่อยู่อาศัย (Habitat For Humanity) Thailand และเข้าร่วมโครงการ เรียนรู้ศิลปะทางการแสดง ที่พัฒนาการร้องและเต้น ผ่านทางการทำ FILM: The Series, พรีเซ็นเตอร์ งดเหล้าเข้าพรรษา วันพักผ่อน ปลอดเหล้า จัดโดย กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข 

 

    แต่แล้วในช่วงกลางปี 2553 นายรัฐภูมิต้องประสบมรสุมชีวิต เมื่อตกเป็นข่าวฉาวมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับ อดีตนักแสดงและนางแบบ แอนนี่ บรู๊ค จนตั้งครรภ์และได้คลอดบุตรชายออกมาหนึ่งคน ซึ่งทางฟิล์ม รัฐภูมิ ได้แถลงข่าวยอมรับว่าเคยคบหากับแอนนี่จริง แต่ปฏิเสธที่จะรับเป็นลูก โดยยืนยันให้ทางแอนนี่ ตรวจดีเอ็นเอเสียก่อน ซึ่งทางแอนนี่ ก็ได้บ่ายเบี่ยงมาโดยตลอด

 

 

 

 

    จนทางต้นสังกัดของฟิล์ม รัฐภูมิ บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) ได้ออกมาเผยว่าแอนนี่คบผู้ชาย 4 คนในเวลาเดียวกัน โดย 2 ใน 4 คน คือฟิล์ม รัฐภูมิ ภายหลังได้มีการพิสูจน์ในชั้นศาลแล้วว่าพ่อของเด็กไม่ใช่ฟิล์ม รัฐภูมิ แต่ทางด้านฝั่งของแอนนี่ได้กล่าวว่าเรื่องยังไม่ถึงขั้นตอนการพิจาณาคดี แต่เรื่องสิ้นสุดลงที่ไกล่เกลี่ยเท่านั้น จากเหตุการณ์ในครั้งนั้นได้กลายเป็นกระแสสังคมอยู่พักใหญ่ จนเจ้าตัวถึงกับลาบวช ยุติการแสดง และเดินทางไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษ

 

   

    หลังจากกลับเข้าวงการบันเทิง ต่อมาในปี 2557 ฟิล์ม รัฐภูมิ ได้ถูกจับในประเทศเกาหลีเนื่องจากทำ #ICEBUCKEKETCHALLENGE ผิดที่ผิดทางกลางถนน ซึ่งแคมเปญนี้ได้ทำขึ้นเพื่อเป็นการกระตุ้นให้ผู้คนตระหนักถึงโรค ALS และระดมเงินบริจาคให้กับการทำวิจัยและช่วยเหลือผู้ป่วยโรคดังกล่าว ซึ่งความร้ายแรงของโรคสามารถทำลายสมองและไขสันหลังที่ควบคุมการเคลื่อนไหวของมนุษย์ แต่จากการกระทำของฟิล์ม รัฐภูมิในครั้งนี้ถือเป็นเรื่องผิดกฏหมายเนื่องจากมีการถอดเสื้อ จึงเข้าข่ายอนาจารในที่สาธารณะ เป็นเหตุให้โดนปรับเป็นเงินจำนวน 4,000 บาท

 

 

    ทว่าหลังจากนั้นไม่นาน ในโลกออนไลน์มีการตั้งข้อสังเกตว่ากรณีดังกล่าวน่าจะเป็นการจัดฉาก เนื่องจากการเข้าจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจตามคลิป ดูจะเป็นการจงใจรอจังหวะที่เหมาะสมให้ฟิล์ม รัฐภูมิ พูดจบ ถือเป็นเรื่องผิดวิสัย ประการที่สองเครื่องแบบตำรวจ ไม่ตรงกับชุดตำรวจเกาหลี เนื่องจากชุดของตำรวจเกาหลี มีโทนออกสีฟ้า และสีขาวเทา ไม่ใช่เสื้อสีขาวตามที่ปรากฎในคลิป และหากเป็นเสื้อแขนสั้น จะไม่ใส่เนคไท และต้องมีกระเป๋าทั้ง 2 ข้าง พร้อมป้ายชื่อตรงหน้าอกด้านขวา และอาร์มสัญลักษณ์ตำรวจของเกาหลี 

 

 

 

    และล่าสุดในปี 2560 ธนาคารแห่งประเทศไทยได้เข้าร้องเรียนต่อกองปราบปราม เนื่องจากฟิล์ม รัฐภูมิ ทำกิจการบริษัทโดยไม่ได้ขออนุญาตและดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและอาญา
 

   

    เรียกได้ว่าเป็นบุคคลสาธารณะที่ฝ่าฟันมรสุมชีวิตล้มลุกคลุกคลาน แต่ก็กลับมาลุกขึ้นยืนได้ทุกครั้ง สมกับเป็นผู้ถือครองฉายา "ดราม่าฆ่าไม่ตาย" โดยแท้ แต่อย่างไรแล้วเส้นทางสายการเมืองมักไม่ได้โรยด้วยกุหลาบ หากเต็มไปด้วยอุปสรรคและขวากหนาม ซึ่งฟิล์ม รัฐภูมิ จะสามารถบุกบั่นฝ่าฟันไปถึงฝั่งฝันได้หรือไม่อย่างไรนั้น คงต้องติดตามต่อไปอย่างใกล้ชิด