สุดยอด!!!รมต.กอบศักด์ ใช้วิกฤตให้เป็นโอกาส พาสื่อทัวร์ห้องทำงาน โชว์ผลงานซะเลย หลังเจอข่าวลือเก็บของเตรียมลาออก

นาย กอบศักดิ์ ภูตระกูล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดห้องทำงาน บนตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล วันนี้(4ตค.2561) เพื่อให้สื่อมวลชนตรวจสอบข้อเท็จจริงหลังมีกระเเสข่าวว่า เก็บของออกจากห้องทำงาน และเตรียมลาออกจากตำแหน่ง  ปรากฎว่า จากการตรวจสอบดูภายในห้องทำงานของนาย กอบศักดิ์ พบว่าของทุกอย่างยังคงอยู่ในสภาพปกติ โดยไม่มีการขนย้ายสิ่งของออกจากห้องทำงานตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด

การเปิดโชว์ห้องทำงานของนายกอบศักดิ์ ครั้งนี้  นาย กอบศักดิ์ถือโอกาสโชว์บอร์ดงานที่คั่งค้างให้สื่อมวลชนได้ดู  เป็นงาน4ด้าน ประกอบด้วย  กฎหมายปฎิรูป  กฎหมายสำนักงาน งานคนจน และงาน4.0 นาย กอบศักดิ์ กล่าวว่า ไม่เป็นความจริงเลยที่ว่าเก็บของ มีแต่จะต้องทำงานหนักขึ้น กับการลุยงานที่คั่งค้าง ให้เสร็จภายใน1-2เดือนนี้ โดยหากกฎหมายที่ค้างอยู่ทั้งหมด 5 พย.ไม่สามารถผ่านกฤษฎีกาได้ กฎหมายทั้งหมดจะตกขบวนทันที จึงพยายามทุกอย่าง โดยไปพบกับเลขากฤษฎีกาเพื่อชี้แจงว่า กฎหมายเหล่านี้เป็นกฎหมายประชาชน ต้องผ่านให้ได้ “กฎหมายขายฝาก นายกจะเอา กฎหมายป่าชุมชน กฎหมายป่าไม้มาตรา7 พวกนี้คือกม.ที่ขอ แต่เราต้องทำใจว่า คณะกรรมการกฤษฎีกาอาจต้องใช้เวลา “

นอกจากนี้ นาย กอบศักดิ์ ได้ย้ำกับผู้สื่อข่าว ว่า ถึงเวลาต้องทำใจกับงานที่คั่งค้างอยู่ เพราะทุกอย่างมีเวลาของมันอยู่ เพราะไม่รู้ว่าจะติดขั้นตอนตรงไหนบ้าง แต่จะทำให้เต็มที่ที่สุดเพราะกฎหมายทุกฉบับตนทราบว่าประชาชนรออยู่  จะพยายามดำเนินการให้ได้เร็วที่สุดโดยให้ผ่านครม.ภายในปลายเดือนนี้ให้ได้ แต่สุดท้ายก็ต้องทำใจเพราะว่าเรามีเวลาจำกัด แต่จะพยายามทำให้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ และสำหรับกฎหมายสำคัญ ตนจะมีเส้นชัยคือให้ถึงมือสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ตนจะเร่งรัดทุกขั้นตอนเพื่อนำไปสู่การขับเคลื่อนให้ทันให้ได้ และไปให้ได้ไกลที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

ผู้สื่อข่าวถามว่ามีแรงกดดันให้ออกจากตำแหน่งหรือไม่ นาย กอบศักดิ์ กล่าวว่า ไม่มีเลย มีแต่พรรคต่างๆมากดดันตน เรื่องทำงานไม่ค่อยกดดันหรอก 

“เมื่อคืนกลับบ้านตั้ง3ทุ่ม ที่ทำมีความสุขใจ เรารู้เลยว่าทำเเล้วมีคนได้ประโยชน์แค่ไหน และผมจะไปพร้อมกันทั้ง4คน”

ผู้สื่อข่าวถามว่า ข่าวที่ว่าคนใกล้ชิดนายกรัฐมนตรีกดดันให้ลาออกจริงหรือไม่ นาย กอบศักดิ์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบ แต่ที่บอกว่าตนเก็บของ ตนไม่เห็นจะเก็บข้าวของตรงไหน มีแต่งานเต็มไปหมด  นอกจากนี้ นาย กอบศักดิ์ กล่าวอวยพรขอให้คนที่มารับงานต่อ โชคดี และกล่าวว่าเรื่องงานคือความกดดันเพราะมีเวลาจำกัด คือจะทำให้โครงการเกิดขึ้นในระยะเวลาที่มีไม่มาก เพราะหลายครั้งไปติดที่ขั้นตอนของหน่วยงาน ที่เห็นไม่ตรงกัน 

“และหากทำทุกอย่างเสร็จ ผมว่าประเทศไทยก็จะเปลี่ยนครั้งยิ่งใหญ่ ผมมั่นใจเลยว่าประเทศไทยจะเปลี่ยนครั้งใหญ่ “

นาย กอบศักดิ์ กล่าวย้ำอีกว่า คนที่กดดันตนคือพรรคต่างๆ ตนอ่านมา3-4วันแล้ว ตนรับทราบในประเด็นต่างๆ และขอยืนยันว่าเราลาออกแน่

“มาตราฐานที่เราจะตั้งขึ้นมาจะเป็นมาตราฐานที่อยากให้ท่านอื่นๆทำตามไปด้วยเช่นเดียวกัน ถ้าเค้าจะทำได้ เพราะฉะนั้นผมคิดว่า ผมได้รับทราบแล้วว่ามีคนกดดันจากพรรคการเมืองต่างๆจำนวนมาก เราจะดำเนินการตามที่เค้าขอมา จะมีการลาออกจริงๆ และหวังว่าเมื่อเราลาออกแล้ว คนที่พูดเหล่านั้นขอให้ยึดถือเป็นมาตราฐานในการดำเนินการของเค้าในปีถัดๆไปด้วยแล้วกัน คือผมคิดว่า 4รมต.จะลาออกพร้อมกัน ผมคิดว่า เท่าที่เราตั้งใจไว้ขณะนี้นะครับ”

ผู้สื่อข่าวถามว่าได้เตรียมพร้อมสู่สนามการเมืองอย่างไร นาย กอบศักดิ์ กล่าวว่า ตื่นเต้น 
“(หัวเราะ ) ผมเป็นมือใหม่ใช่ไหมครับ พูดง่ายๆว่า ไม่เคยลงสนาม ไม่เคยทำการเมือง แต่มาด้วยใจรัก เสร็จแล้วพอลงสนามก็ได้รับน้องเรียบร้อยแล้ว ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ชีวิต และมีความตื่นเต้นเหมือนกันครับ ว่าเมื่อถึงเวลาจริงๆก็มีหลายเรื่องที่เราต้องพยายามเตรียมการต่างๆไว้ ก็จะมีเวลาอีกพักหนึ่ง ทางผมตื่นเต้น แต่ผมมองด้วยความกระตือรือร้น ผมคิดว่าประชาชนรอคนที่จะไปช่วยทำในสิ่งที่ปรารถนา ประชาชนอยากหาคนๆหนึ่งที่เข้าใจความคิดของเค้า ผมคิดว่าเค้าต้องการคนๆนั้น และผมคิดว่าในช่วงที่ผ่านมา ผมช่วยงานชาวบ้านมาเยอะมาก ใน2-3ปีที่ผ่านมา “

นาย กอบศักดิ์ กล่าวอีกว่า ผมรู้สึกตื่นเต้น และมีอาการกลัวเล็กน้อยด้วย กลัวที่เค้าจะมาแซะ คือในช่วง4-5วันที่ผ่านมาคือแซะๆๆทุกพรรคเลย ไม่เป็นไร ถือว่าเป็นประสบการณ์ และถือเป็นเรื่องปกติเชิงการเมือง ต้องให้โอกาสเค้า เค้าต้องทำหน้าที่ เราต้องทำหน้าที่ของเราเช่นกันและมาพิจารณา แต่ตนมั่นใจว่า เราออกแน่ และจะออกในจังหวะที่เหมาะสม และมั่นใจในมาตราฐานที่เราตั้งไว้ ขอให้พรรคการเมืองอื่นทำตามมาตราฐานนี้ด้วย ตนเจอแซะหนักตนไม่สนใจเลย เพราะทุกวันทำแต่งาน คือเรารู้อยู่แล้วว่าเค้าต้องยกประเด็นเรื่องนี้ขึ้นมา เราตั้งใจแต่ต้นแล้วว่าเราจะลาออก และจะลาออกในเวลาที่ทุกคนคิดว่า เป็นเวลาที่เหมาะสม มั่นใจว่าจะเป็นมาตราฐานใหม่ของการเมืองไทย ขอให้รอดู และขอให้สื่อเดาๆดูแล้วกันว่าเป็นเมื่อไหร่ และอย่างไรก็ตามเมื่อตนตัดสินใจลงสู่สนามการเมืองแล้วตนต้องทำใจ ในเมื่อเราเลือกทางนี้แล้ว

สุดท้าย นาย กอบศักดิ์ ยังได้ระบุถึงไอดอลในการทำงานว่า ตนมี นาย ป๋วย อึ้งภากรณ์ อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นไอดอล เพราะถือเป็นบุคคลที่เป็นนักเศรษฐศาสตร์ที่ดี ที่ทำทุกอย่างเพื่อคนจน รวมถึงแนวคิดทุกอย่างของอจ.ป๋วย ได้กลายมาแผนยุทธศาสตร์ทั้งหมดของประเทศไทย แต่เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ามีนักการเมืองต้นแบบหรือไม่ นาย กอบศักดิ์ กล่าวว่าตนขอแสวงหาก่อน