คดีตัวอย่าง!ศาลพิพากษาจำคุก 5 ปี ผอ.สถานพินิจนำรถหลวงใช้ส่วนตัว จ่อฟันวินัยซ้ำถึงไล่ออก

สืบเนื่องจากกรณีที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 6 มีคำพิพากษา จำคุก 5 ปี นางนุสรา แสนนาม ผู้อำนวยการ สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดเพชรบูรณ์ สังกัดกระทรวงยุติธรรม ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่โดยทุจริตกรณีเอารถยนต์ส่วนกลางไปใช้ภารกิจส่วนตัว ไปรับส่งที่บ้าน และใช้งานส่วนตัว ตั้งแต่ปี 2551-2554 ซึ่งภายหลังได้มีผู้ร้องเรียนไปยัง ป.ป.ช.จนกระทั่งมีการชี้มูลความผิด (คดีหมายเลขแดงที่ อท.33/2561) นั้น

 

ต่อมา เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2561 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 6 อ่านคำพิพากษาคดีที่พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 1 ภาค 6 ยื่นฟ้อง นางนุสรา แสนนาม อดีต ผอ.สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน จังหวัดเพชรบูรณ์ ฐานความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ

 

 

 

โดยคดีนี้ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า การกระทำของนางนุสรา เป็นการใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริตอันเป็นการเสียหายแก่สถานพินิจญ อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 151 จริง จึงพิพากษาให้ลงโทษจำคุก 5 ปี

 

 

 

ด้าน นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า เรื่องเกิดขึ้นเมื่อปี 2551-2554 สมัยที่นางนุสรา ย้ายไปเป็นผอ.สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดเพชรบูรณ์ และได้สั่งใช้รถส่วนกลางของสถานพินิจฯ รับส่งเช้า-เย็นระหว่างโรงแรมที่พักและสถานพินิจฯ ในระยะทาง 1 กิโลเมตร และใช้รถส่วนกลางนำไปใช้ทำธุระส่วนตัว ในส่วนของการสอบสวนทางวินัย กรมพินิจฯ ได้ตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรงเมื่อปี 2560 ขณะนี้อยู่ระหว่างสรุปผลสอบคาดว่าจะเสนอคณะกรรมการกระทรวงยุติธรรม (ก.ยธ.) ลงมติได้ภายในปลายเดือนต.ค.นี้ หากมีความผิดวินัยร้ายแรงจริงก็มีโทษ 2 อย่าง คือ ไล่ออกหรือปลดออก 

 

อย่างไรก็ตาม นางนุสราให้ถ้อยคำไว้กับคณะกรรมการสอบสวนว่า เส้นทางระหว่างที่พักและที่ทำงานไม่มีรถประจำทาง ซึ่งตำแหน่งผู้อำนวยการจะไม่มีรถยนต์ประจำตำแหน่งและไม่มีค่ารถยนต์ให้ ถือเป็นความรับผิดชอบส่วนตัวที่จะต้องหารถมาทำงานและออกค่าใช้จ่ายเอง เมื่อนำรถส่วนกลางมาใช้ก็ถือว่ามีความผิด ซึ่งระเบียบและกฎหมายก็ได้ระบุชัดเจนห้ามใช้ทรัพยากรของทางราชการโดยไม่ชอบ