รัฐฯ ปฏิเสธข่าว "งดโอนเงิน-หากผู้สูงอายุไม่รายงานตัว" ยันมีแต่จะเพิ่มเงินให้ผู้ถือ"บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ" กว่า 4 ล้านราย   

รัฐฯ ปฏิเสธข่าว "งดโอนเงิน-หากผู้สูงอายุไม่รายงานตัว" ยันมีแต่จะเพิ่มเงินให้ผู้ถือ"บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ" กว่า 4 ล้านราย  

รัฐฯ ปฏิเสธข่าว "งดโอนเงิน-หากผู้สูงอายุไม่รายงานตัว" ยันมีแต่จะเพิ่มเงินให้ผู้ถือ"บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ" กว่า 4 ล้านราย

 
 

"พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด" โฆษกรัฐบาลปฏิเสธข่าว "งดโอนเงินเข้าบัญชี-หากผู้สูงอายุไม่มารายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่" ยันเรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง ผู้สูงอายุที่ลงทะเบียนแล้วยังคงได้รับเบี้ยยังชีพเช่นเดิม แถมรัฐฯ เพิ่มเงินให้ผู้ถือ"บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ" อีกกว่า 4 ล้านราย 50 - 100 บาท/เดือน/ราย เนื่องจากมีผู้สูงอายุจำนวนหนึ่งบริจาคเงินกลับคืนกองทุนผู้สูงอายุ


วันนี้ (9 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า "พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด" โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ออกมาปฏิเสธถึงกระแสข่าว ที่มีการแชร์ข้อความในไลน์ว่า "รัฐบาลจะเพิ่มเบี้ยผู้สูงอายุ 100 บาท ให้กับทุกคน แต่ผู้สูงอายุต้องรีบนำสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน และหน้าสมุดบัญชีธนาคาร ไปรายงานตัวที่ อบต.หรือสำนักงานเขต ภายในเดือน ต.ค.นี้เท่านั้น หากไม่ไปรายงานตัวจะไม่ได้รับเงินโอนเข้าบัญชี" ว่า เรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง ยืนยันว่า ผู้สูงอายุที่ลงทะเบียนแล้วยังคงได้รับเบี้ยยังชีพตามปกติ และไม่ต้องไปรายงานตัว

 

ส่วนยอดเงินที่ได้รับนั้นทุกคนสามารถตรวจสอบได้จากการอัพเดทบัญชีธนาคารที่ได้แจ้งไว้ หรือติดต่อที่ เทศบาล อบต.หรือสำนักงานเขต ที่ตนเองลงทะเบียน โดยผู้ที่มีอายุ 60 - 69 ปี รับเบี้ยผู้สูงอายุ 600 บาท/เดือน อายุ 70 - 79 ปี 700 บาท/เดือน อายุ 80 - 89 ปี 800 บาท/เดือน และอายุ 90 ปีขึ้นไป 1,000 บาท/เดือน

 

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ย้ำว่า ในส่วนของผู้สูงอายุที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐซึ่งเป็นผู้มีรายได้น้อย จำนวนกว่า 4 ล้านคน รัฐบาลได้จัดสรรเงินเพิ่มให้ 50 - 100 บาท/เดือน/ราย เนื่องจากมีผู้สูงอายุจำนวนหนึ่งบริจาคเงินกลับคืนกองทุนผู้สูงอายุ โดยจะจ่ายเงินทุกวันที่ 15 ของเดือน เริ่มตั้งแต่วันที่ 15 ส.ค.61 ไปจนถึง 15 มิ.ย.62  สำหรับผู้สูงอายุที่มีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี จะได้รับเงินเพิ่มเดือนละ 100 บาท และผู้ที่มีรายได้เกินกว่า 30,000 บาท แต่ไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี จะได้รับเงินเพิ่มเดือนละ 50 บาท

 

"นายกรัฐมนตรีได้รับทราบกรณีดังกล่าวแล้ว โดยขอให้ประชาชนติดตามข้อมูลข่าวสารจากแหล่งที่เชื่อถือได้ หรือสอบถามจากเจ้าหน้าที่โดยตรง เพื่อป้องกันความสับสนที่เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา พร้อมทั้งย้ำว่ารัฐบาลจะดูแลผู้สูงอายุให้ดีที่สุด" พล.ท.สรรเสริญ ระบุ


ทั้งนี้ สำหรับโครงการ "บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ" เป็นนโยบายที่รัฐบาล คสช. ต้องการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยในการใช้ชีวิตประจำวันให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ขณะเดียวกันก็เป็นการนำข้อมูลของประชาชนมาจัดทำนโยบาย เพื่อให้ตรงกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด อีกทั้งยังต้องการให้ผู้มีรายได้น้อยได้พัฒนาชีวิตของตัวเองให้ดีขึ้น ซึ่งการดำเนินการโครงการดังกล่าวมีประชาชนลงทะเบียนรับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐทั้งสิ้น 14.1 ล้านคน ผ่านหลักเกณฑ์ได้รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 11.4 ล้านคน ซึ่งขณะนี้ได้รับบัตรไปแล้ว 97% โดยสวัสดิการจากบัตรดังกล่าวในเฟสแรก ระหว่างเดือน ต.ค. 2560 – มิ.ย. 2561