ด่วนที่สุด!ศาลฎีกายกฟ้อง 6 ตร.กาฬสินธุ์ แขวนคอหนุ่มวัย17อำพรางคดีปี47

สืบเนื่องจากกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สภ.เมืองกาฬสินธุ์ ได้ลงมือร่วมกันฆ่า นายเกียรติศักดิ์ ถิตย์บุญครอง อายุ 17 ปี ซึ่งเป็นผู้ต้องหาในคดีลัก ขโมยรถจักรยานยนต์ ขณะนำตัวออกจากโรงพั กด้วยการบีบรัดคอจนเสียชีวิต ก่อนจะร่วมกันปิดบังโดยย้ายศพจากท้องที่เกิดเหตุไปแขวนคอไว้ที่กระท่อมนาบ้านบึงโดน หมู่ 5 ต.แสนชาติ อ.จังหาร จ.ร้อยเอ็ด ซึ่งเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อปี 2547 

ละเมื่อวันที่ 6 ก.ย. 2561 ที่ผ่านมา ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา คดีฆ่าแขวนคอ หมายเลขดำ อ.3252/2552 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 และนายกิตติศัพท์ ถิตย์บุญครอง บิดาผู้ตาย เป็นโจทก์และโจทก์ร่วมยื่นฟ้อง 1.ด.ต.อังคาร คำมูลนา อายุ 54 ปี ,2.ด.ต.สุดธินันท์ โนนทิง อายุ 49 ปี ,3.ด.ต.พรรณศิลป์ อุปนันท์ อายุ 48 ปี ,4.พ.ต.ท.สำเภา อินดี อายุ 57 ปี อดีต สวป.สภ.เมืองกาฬสินธุ์ 

 

 


5.พ.ต.อ.มนตรี ศรีบุญลือ อายุ 68 ปี อดีตผกก.สภ.เมืองกาฬสินธุ์ และ 6.พ.ต.ท.สุมิตร นันท์สถิต อายุ 51 ปี อดีตรอง ผกก.สภ.เมืองกาฬสินธุ์ (ทั้งหมดมียศและตำแหน่งขณะนั้น) เป็นจำเลยที่ 1-6 ในความผิดฐานร่วมกันฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ย้ายศพเพื่อปิดบังเหตุแห่งการตาย เป็นเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญากระทำการในตำแหน่งอันเป็นการมิชอบ เพื่อช่วยเหลือบุคคลหนึ่งบุคคลใดมิให้ต้องรับโทษ 

 

 


ซึ่งการนัดฟังคำพิพากษาในครั้งนี้ พ.ต.อ.มนตรี จำเลยที่ 5 ที่ได้รับการประกันตัวนั้น ไม่มาศาล ศาลได้สอบถามทนายความแล้ว ทราบว่าไม่สามารถติดต่อกับจำเลยที่ 5 ได้ ศาลจึงถือว่ามีพฤติการณ์หลบหนี และให้ดำเนินการออกหมายจับ และนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกาอีกครั้งวันที่ 11 ต.ค.นี้ เวลา 09.00 น.
 

 

ด่วนที่สุด!ศาลฎีกายกฟ้อง 6 ตร.กาฬสินธุ์ แขวนคอหนุ่มวัย17อำพรางคดีปี47

 

 

ล่าสุดทางด้านเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้เบิกตัว ด.ต.อังคาร คำมูลนา, ด.ต.สุดธินันท์ โนนทิง  และด.ต.พรรณศิลป์ อุปนันท์ จากเรือนจำบางขวางมายังศาลอาญา เพื่อฟังคำพิพากษาศาลฎีกาในคดีฆ่าแขวนคอ นายเกียรติศักดิ์ วัยรุ่น อายุ 17 ปี หมายเลขดำ อ.3252/2552 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 และนายกิตติศัพท์ ถิตย์บุญครอง บิดาผู้เสียชีวิต ร่วมกันเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง ด.ต.อังคาร คำมูลนา อายุ 54 ปี ,ด.ต.สุดธินันท์ โนนทิง อายุ 49 ปี ,ด.ต.พรรณศิลป์ อุปนันท์ อายุ 48 ปี ,พ.ต.ท.สำเภา อินดี อายุ 57 ปี อดีต สวป.สภ.เมืองกาฬสินธุ์, พ.ต.อ.มนตรี ศรีบุญลือ อายุ 68 ปี อดีต ผกก.สภ.เมืองกาฬสินธุ์ และพ.ต.ท.สุมิตร นันท์สถิต อายุ 51 ปี อดีตรอง ผกก.สภ.เมืองกาฬสินธุ์  เป็นจำเลยที่ 1-6 ในความผิดฐาน "ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ย้ายศพเพื่อปิดบังเหตุแห่งการตาย และเป็นเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญากระทำการในตำแหน่งอันเป็นการมิชอบ เพื่อช่วยเหลือบุคคลหนึ่งบุคคลใดมิให้ต้องรับโทษ"

 

 

ด่วนที่สุด!ศาลฎีกายกฟ้อง 6 ตร.กาฬสินธุ์ แขวนคอหนุ่มวัย17อำพรางคดีปี47

 

 

สืบเนื่องจากกรณีเมื่อระหว่างวันที่  22-23  ก.ค.  2547 จำเลยที่ 1-3 และจำเลยที่ 6 ซึ่งเป็นตำรวจฝ่ายสืบสวนสภ.เมืองกาฬสินธุ์ ร่วมกันฆ่านายเกียรติศักดิ์ ถิตย์บุญครอง อายุ 17 ปี ผู้ต้องหาคดีลักรถจยย. ขณะนำตัวออกจาก สภ.เมืองกาฬสินธุ์ ด้วยการบีบรัดคอจนเสียชีวิต  ก่อนนำศพไปอำพรางคดีด้วยการแขวนคอ และคดีนี้ล่าสุดเมื่อวันที่ 6 ก.ย. 2561 ศาลได้ออกหมายจับพ.ต.อ.มนตรี พร้อมปรับนายประกัน 1 ล้านบาท เนื่องจากพ.ต.อ.มนตรี ไม่มาฟังคำพิพากษาศาลฎีกา  

 

 

ขณะที่ญาติของจำเลยทั้งหมด ได้เดินทางมาร่วมฟังคำพิพากษาที่ห้องพิจารณาคดีที่ 902 ซึ่งภายหลังศาลฎีกาพิพากษายกฟ้องจำเลยทั้ง 6 คน โดยญาติทั้งหมดต่างส่งเสียงดีใจและขอบคุณศาล 

 

 

ด่วนที่สุด!ศาลฎีกายกฟ้อง 6 ตร.กาฬสินธุ์ แขวนคอหนุ่มวัย17อำพรางคดีปี47

 

 


โดยคดีดังกล่าวนี้ ศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาไป เมื่อวันที่ 30 ก.ค.2555 ให้ประหารชีวิตจำเลยที่ 1-3 ส่วนจำเลยที่ 6 ลงโทษจำคุกตลอดชีวิต จำเลยที่ 5 ลงโทษจำคุก 7 ปี และให้ยกฟ้องจำเลยที่ 4 ต่อมาอัยการโจทก์, โจทก์ร่วมและจำเลยยื่นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า จำเลยที่ 1-3 มีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาฯ และย้ายศพเพื่อปิดบังเหตุแห่งการตาย ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาประหารชีวิตจำเลยที่ 1-3 นั้น ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย 


แต่คำให้การของจำเลยที่ 2 มีประโยชน์ในการพิจารณาคดี ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยที่ 2 ไว้ 50 ปี และพิพากษาแก้ว่า จำเลยที่ 4 มีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาฯ ลงโทษประหารชีวิต แต่จำเลยให้การเป็นประโยชน์ลดโทษ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยที่ 4 ไว้ตลอดชีวิต ส่วนจำเลยที่ 5-6 มีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญากระทำการในตำแหน่งอันเป็นการมิชอบฯ แต่ที่ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุก 7 ปีนั้น เห็นว่าหนักเกินไป จึงพิพากษาแก้ให้ลงโทษจำคุกคนละ 5 ปี

 

 

ด้านนางพิกุล พรหมจันทร์ อาของนายเกียรติศักดิ์ ผู้เสียชีวิตและนายรัษฎา มนูรัษฎา ทนายความ ต่างก็ทำใจยอมรับคำพิพากษา แต่ไม่เห็นพ้องด้วย และขอฝากถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องสืบสวนหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี เพราะคนร้ายยังลอยนวล และถือว่าคดีนี้ดำเนินมาอย่างยาวนานถึง 14 ปี ตั้งแต่ปี 2547-2561