รวบแล้ว! โชว์เฟอร์รถตู้หัวร้อน ตบพยาบาลสาว จนมุมที่พระพุทธบาทย่องไปหาเมีย

จากกรณีที่ได้มีผู้ใช้เฟสบุ๊ก " Mai Nur " โพสต์แชร์เรื่องราวที่เจอกับตนเอง หลังจากที่ตนได้เดินทางกลับมาจากต่างจังหวัด ได้โพสต์คลิปพร้อมระบุข้อความเล่าเหตุการณ์ว่า "ต้องทำผิดมากแค่ไหนกันจนถึงขนาดทำให้คนแปลกหน้ามาตบหน้าเราได้ง่ายๆอย่างนี้... ที่ตัดสินใจโพสต์ก็เพื่อต้องการตามหาคนที่เห็นเหตุการณ์เมื่อวาน และเตือนภัยใกล้ตัว ที่เราต้องระวังตัวเองแม้ว่าเราจะใช้บริการรถสาธารณะก็ตาม  

 

 

 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : พยาบาลสาวยืนงง เปิดอีกคลิปคนขับรถตู้สายกรุงเทพ-ลพบุรี เดินมาตบหน้า แบบไร้เหตุผล! จำหมายเลขข้างรถได้ชัดเจน(คลิป)

 

 

 

"สวัสดีคะ เราทำงานที่ จว. สมุทรสาครเป็นคนต่างจังหวัดทางค่ะ ต้องเดินทางไปๆมาๆระหว่างที่ทำงานกับที่บ้านบ่อยโดยใช้รถสาธารณะ วันที่11/10/2561 เราเพิ่งเดินทางกลับมาจากต่างจังหวัดแต่คราวนี้เราอาศัยนั่งรถส่วนตัวมากับคุณน้าซึ่งทำงานแถวๆวังน้อย เราจึงให้เค้ามาส่งขึ้นรถที่ท่ารถวังน้อยเพื่อมาต่อรถตู้มามหาชัย ก่อนขึ้นรถเราก็สอบถามกับคู่กรณีว่ามีรถตู้มาถึงมหาชัยมั้ย เค้าก็ตอบเราว่าต้องมาต่อรถที่รังสิต หรือไม่ก็หมอชิต เราเลยเลือกลงรังสิต ระหว่างที่เรานั่งบนรถก็หยิบโทรศัพท์มาเช็คและเห็นมีสายเรียกเข้ามาจากน้องที่ทำงานเลยโทรกลับและหลังจากนั้นเราจึงคุยกับน้องเกี่ยวกับแพลนงานในวันพรุ่งนี้ และงานอื่นๆที่ต้องทำหลังจากที่เราลาหยุดมา รวมๆแล้ว19นาที โดยที่เราไม่ได้เอ่ยอะไรถึงคู่กรณีเลย (ที่นั่งเราอยู่ด้านประตูแถวที่สามเป็นที่นั่งเดี่ยว เราขึ้นคนสุดท้ายค่ะ) พอถึงจุดที่เราลง คือบริเวณหน้าฟิวเจอร์ปาร์ครังสิต ช่วงเวลา 16.42 น. ...ตามคลิปเลยค่ะ..."
 

 

 

 

 

ทั้งนี้ชาวเน็ตได้มาแสดงความคิกเห็นถึงเรื่องนี้กันอย่างมากมาย ซึ่งส่วนใหญ่ไม่พอใจกับพฤติกรรมของผู้ขับรถตู้รายนี้
 

 

 

 

 

ล่าสุดวันนี้ พล.ต.ต. ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 เปิดเผยความคืบหน้าในการติดตามตัว นายมานะ นามเงิน อายุ 34 ปี คนขับรถโดยสารประจำทาง กรุงเทพ-ลพบุรี ที่ก่อเหตุตบหน้าผู้โดยสารโดยที่ไม่ทราบสาเหตุ เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นในพื้นที่ สภ. จุฬาลงกรณ์ จ.ปทุมธานี ตอนนี้สามารถจับกุม นายมานะได้แล้ว หลังนายมานะ แวะมาหาภรรยาที่ อ.พระพุทธบาท ตอนนี้ยังอยู่ในระหว่างการนำตัวมาสอบสวนที่ สภ.จุฬาลงกรณ์ ซึ่งจะต้องรอความคืบหน้าจากเจ้าหน้าที่อีกครั้งนึง 

 

 

 

 

 

 

ขอบคุณเฟซบุ๊ก Mai Nur