หนุ่มทะเลาะพี่ชายเพื่อนรัก ใช้มีดกระหน่ำแทงจนเสียชีวิต

ร.ต.อ.ดนกอหนี ทิ้งหลง รอง สว.(สอบสวน) สน.ตลิ่งชัน รับแจ้งเหตุแทงกันตาย บริเวณปากซอยชัยพฤกษ์ 12 (ซอยโชคอำนวย) ถ.ชัยพฤกษ์ แขวงและเขตตลิ่งชัน กทม. จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วยพ.ต.อ.สุวโรจน์ โชติกาญจนรัศมิ์ ฝ่ายสืบสวน สน.ตลิ่งชัน เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน แพทย์นิติเวชรพ.ศิริราช และมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง
 

 

 

หนุ่มทะเลาะพี่ชายเพื่อนรัก ใช้มีดกระหน่ำแทงจนเสียชีวิต

 ที่เกิดเหตุพบศพนายนิพัฒวุฒิ หรือพัฒ จารุนาค อายุ 39 ปี สภาพนอนหงายจมกองเลือด สวมเสื้อยืดคอกลม สีดำ นุ่งกางเกงขาสั้นลายฟ้า-ดำ มีบาดแผลถูกของมีคมแทงพรุนทั่วร่างกายมากกว่า 10 แห่ง ใกล้กับพบรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นมีโอ สีเหลือง-ดำ หมายเลขทะเบียน ฬสฉ 594 กรุงเทพมหานคร พลิกคว่ำอยู่ เจ้าหน้าที่จึงเจ็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน 

 

 

หนุ่มทะเลาะพี่ชายเพื่อนรัก ใช้มีดกระหน่ำแทงจนเสียชีวิต

 

 

สอบสวนผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า โดยก่อนเกิดเหตุพบนายนิพัฒวุฒิ ขี่รถจักรยานยนต์มายังจุดเกิดเหตุก่อนพบกับนายบุญเสริม หรือแบงค์ สุวรรณบุญทวี อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 999/115 ซ.หมู่บ้านเศรษฐกิจ 31 แขวงบางแคเหนือ เขตบางแค กทม. เมื่อผ่านไปได้สักระยะทั้งคู่เกิดการทะเลาะเบาะแว้งถึงขั้นชกต่อยกัน จากนั้นนายบุญเสริม ซึ่งมีรูปร่างเล็กกว่าได้ชักอาวุธมีดพกสั้น ขนาดความยาว 12 นิ้ว ออกมากระหน่ำแทงนิพัฒวุฒิ จนล้มฟุบนอนแน่นิ่งก่อนเสียชีวิตในเวลาต่อมา จากนั้นนายบุญเสริม ได้ยืนรอมอบตัวกับทางเจ้าหน้าที่บริเวณจุดเกิดเหตุดังกล่าว

หนุ่มทะเลาะพี่ชายเพื่อนรัก ใช้มีดกระหน่ำแทงจนเสียชีวิต

 

 

นายฉมาดนัย จารุนาค อายุ 29 ปี ให้การว่า ตนเป็นน้องชายของผู้เสียชีวิต โดยผู้ก่อเหตุเป็นเพื่อนสนิทตน และรู้จักกับพี่ชายตนเป็นอย่างดี ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อประมาณ 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา นายบุญเสริมยังเดินทางมาเยี่ยมตนที่บ้านพักเนื่องจากตนประสบอุบัติเหตุ อีกทั้งยังพูดคุยทักทายกับพี่ชายตนตามปกติ ทั้งนี้ทั้งคู่ไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันมาก่อนแม้แต่อย่างใด จนกระทั่งมาทราบว่าก่อเหตุสลดดังกล่าว

  
ด้านพ.ต.อ.สุวโรจน์ เปิดเผยว่า จากการสอบปากคำนายบุญเสริม ให้การรับสารภาพว่า เป็นผู้ลงมือก่อเหตุจริง ส่วนสาเหตุเกิดมาจากเรื่องปัญหาส่วนตัว กระทั่งมาพบเจอกันโดยบังเอิญจนกระทั่งก่อเหตุสลดดังกล่าว โดยเบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และพกพาอาวุธมีดไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป