หนนี้เกินไป!ชายเบ่งกร่างเป็นสื่อใหญ่ บุกรพ.พัทยาขู่อาฆาตหมอ ไลฟ์สดด่าหยาบหาไม่ดูแลญาติ "นพ.กิตติ"เหลืออดต้องโพสต์สู้ให้รู้ใครผิด

หนนี้เกินไป!ชายเบ่งกร่างเป็นสื่อใหญ่ บุกรพ.พัทยาขู่อาฆาตหมอ ไลฟ์สดด่าหยาบหาไม่ดูแลญาติ "นพ.กิตติ"เหลืออดต้องโพสต์สู้ให้รู้ใครผิด

ผู้ใช้เฟซบุ๊ก "กิตติ ปรมัตผล" ซึ่งเป็นเฟซบุ๊กส่วนตัวของนายแพทย์กิติ ปรมัตผล ผู้จัดการโครงการโรงพยาบาลเมืองพัทยา ได้โพสต์ข้อความชี้เเจ้งหลังโดนหนุ่มอ้างเป็นนักข่าวไลฟ์สดด่าสาดเสียเทเสียโรงพยาบาล อ้างทอดทิ้งผู้ป่วย

 

 

หนนี้เกินไป!ชายเบ่งกร่างเป็นสื่อใหญ่ บุกรพ.พัทยาขู่อาฆาตหมอ ไลฟ์สดด่าหยาบหาไม่ดูแลญาติ "นพ.กิตติ"เหลืออดต้องโพสต์สู้ให้รู้ใครผิด

 

โดยมีใจความดังนี้ " บันทึกเรื่องโรงพยาบาล ผมมารับงานช่วยดูแล รพ. เมืองพัทยาและ รพ.สาขาที่เกาะล้านได้เกือบเดือนแล้วครับ ที่ผ่านมามีกัลยาณมิตรผู้หวังดีได้เตือนว่า อายุท่านก็มากแล้ว ควรวางมือพักผ่อน ดูแลมารดาที่เจ็บป่วย เล่นหมากรุก และเลี้ยงลูกเลี้ยงหลาน จึงน่าจะเป็นหนทางที่ชอบที่ควรกว่า

แต่ด้วยความทะนงตน ความถือมั่นในตัวตนอย่างล้นเหลือ ทำให้ผมยังคงมั่นใจและคาดหวังว่าจะทำงานชิ้นนี้ให้เกิดผลสำเร็จ และทำให้ รพ.ทั้ง 2 แห่งนี้เป็นที่พึ่งแก่ชาวพัทยาและผู้คนนานาชาติที่มาพักอาศัยในเมืองแห่งนี้ได้อย่างมีคุณภาพ แต่มาในวันนี้ ความมั่นใจเช่นนั้น ก็เริ่มรู้สึกคลอนแคลน ผมได้ประสบพบเจอด้วยตนเอง ผมได้ผ่านการดูแล รพ.มาหลายแห่ง ไม่เคยมีการคุกคามข่มขู่แพทย์อย่างหนักหน่วงเช่นนี้มาก่อน ผมจะยกกรณีให้ท่านอ่านดังนี้

 

 

 

เมื่อคืนมีผู้ป่วยเด็กมาพบแพทย์รายหนึ่ง ขณะนั้นเวลา 04.03 นาฬิกา คุณหมอที่ทำหน้าที่ตรวจท่านนั้นเป็นข้าราชการสังกัดโรงพยาบาลในจังหวัดชลบุรี ท่านกรุณามาช่วยอยู่เวรให้เพราะ รพ.เราไปเชื้อเชิญท่านมาช่วย ในขณะนั้นมีผู้ป่วยอุบัติเหตุบาดเจ็บทางสมองและและผู้ป่วยแพ้ยาไกล้ช็อก นอนรออยู่ในห้องฉุกเฉิน 7 ราย ผู้ป่วยเด็กรายดังกล่าวมีอาการเพียงแค่อาเจียร เพราะรับประทานไส้กรอกมาเมื่อเย็น พยาบาลวัดไข้และตรวจสัญญาณชีพแล้วพบว่าปกติ เดินมาชั่งนำหนักได้ ค่าO2 SAT 99 %

 

 

 

ซึ่งก็แปลว่ามิได้มีอาการขาด อ็อกซิเจนแต่ประการใด คุณหมอผู้ตรวจแจ้งให้รอสักครู่เพื่อทำการรักษาผู้ป่วยหนักก่อน แต่ญาติผู้ป่วยไม่ยอมฟังเสียง ชี้หน้าด่าหมอว่าจะต้องรอให้ตายเสียก่อนค่อยรักษาใช่หรือไม่ แล้วล้วงโทรศัพท์มือถือมาถ่ายภาพคุณหมอ แล้วตะโกนว่า กูเป็นนักข่าวสื่อยักษ์ใหญ่ของที่นี่ พวกมึงจะได้รู้จักเสียบ้างว่าผู้เสียภาษีอย่างกูไม่มีวันยอมให้พวกมึงมารังแกหรอก
 

เมื่อพนักงานรักษาความปลอดภัยได้ยินเสียงเอะอะในห้องฉุกเฉินก็เข้ามาขอร้องว่าให้หยุดการถ่ายภาพ นักข่าวผู้นั้นก็ชี้หน้าพยาบาลในห้องฉุกเฉินว่า พวกมึงจำเอาไว้ ปฏิเสธการรักษา ไล่คนไข้ออกจากโรงพยาบาล เห็นพวกกูเป็นคนจนใช้บัตร 30 บาทใช่ไหม แล้วพรุ่งนี้จะได้เห็นดีกัน ว่าแล้วพวกเขาก็ออกจากห้องฉุกเฉินไปโดยไม่ยอมให้หมอตรวจ

 

 

หลังจากนั้นอีก 2นาที เขาก็เอารถนักข่าวมาเร่งเครื่องอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน แล้วตะโกนว่า พวกเอ็งบอกมาดีๆ หมอเวรชื่ออะไร กูจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด พนักงานรักษาความปลอดภัยเห็นท่าไม่ดี พากันมายืนขวางประตูห้องฉุกเฉินเพื่อไม่ให้เขาบุกรุกเข้ามาทำร้ายคุณหมอ วันรุ่งขึ้นนักข่าวโทรศัพท์ให้หัวหน้าพยาบาลมาพบที่สำนักงานข่าวด้วยตนเองก่อนเวลา 15.00 เพื่อรับข้อร้องเรียนด้วยเอกสาร มิฉะนั้นจะไม่รับประกันว่าจะทำให้ รพ. เมืองพัทยาเสื่อมเสียชื่อเสียงหรือไม่

 

 

 

เมื่อหัวหน้าพยาบาลไปพบเพื่อรับข้อร้องเรียนตามหน้าที่ เขาก็ถือโอกาสถ่ายวิดีโอภาพหัวหน้าพยาบาลท่านนั้นลง FB Live สด แล้วกล่าวหา รพ. อย่างสาดเสียเทเสีย ที่รับไม่ได้อย่างที่สุดคือเรื่องที่กล่าวหาว่า รพ.เมืองพัทยา ทอดทิ้งผู้ป่วยยากจน และปฏิเสธการรักษา มีชาวบ้านไม่ทราบเรื่องด้วยความเข้าใจผิดมาผสมโรงรุมด่า รพ. เมืองพัทยา เป็นจำนวนมาก เช่นคำว่า ชาติชั่- พวกเนรคุณ หนักแผ่นดิน เป็นต้น

 

 

แต่ในขณะที่ รพ. ขนาดจิ๋ว แห่งนี้มีผู้มารับบริการถึงวันละ 950-1100 คนต่อวัน และเพิ่มขึ้นทุกเดือนๆละ ประมาณ2% ท่ามกลางงบประมาณที่มีอยู่จำกัด มีแพทย์และพยาบาลน้อยกว่า รพ. สังกัดกระทรวงสาธารณสุขหลายเท่า พวกเราก็ไม่เคยย่อท้อ คงมุ่งมั่นที่จะรับใช้พี่น้องประชาชาชนอย่างเต็มกำลัง เมื่อมามาเจอเหตุการณ์เช่นนี้ ผมอาจต้องตัดสินใจทำอะไรบางอย่างเพื่อให้คนทำงานของเรา ยังคงเดินหน้าต่อไปได้

 

 

ท่านผู้เจริญทั้งหลาย โปรดพิจารณาเรื่องราวเหล่านี้ด้วยใจเป็นธรรมเหตุการณ์ที่ผมเขียนมาทั้งหมดนี้เป็นแค่เศษเสี้ยวเล็กๆที่แสดงให้เห็นความโหดร้ายที่เกิดขึ้นในสังคมของเรา บรรดาผู้คนที่ขาดเมตตาธรรมเอาแต่ความพอใจส่วนตัวแล้วมาทำร้ายผู้อื่น หากท่านเห็นว่าจะเป็นประโยชน์ที่จะตีแผ่เผยแพร่ความทุกข์ยากลำบากที่บรรดาแพทย์พยาบาลและบุคคลากรทางสาธารณสุขต่างๆที่ต้องทนรับอยู่ ก็จะเป็นกุศลผลบุญยิ่งนัก ดังเรื่องจริงที่ผมได้ประสบมาข้างต้น อย่างน้อยก็ให้ผู้คนที่กล่าวร้ายพวกเราอย่างไม่จำแนกและไม่เลือกหน้า ได้เกิดความเห็นอกเห็นใจบ้างว่า คนดีๆก็ย่อมมีอยู่ในทุกวงการ ขอขอบคุณ

 

 

 

ขอบคุณที่มาเฟซบุ๊ก กิตติ ปรมัตผล