เวรกรรม! อธิบดีคุกอัพเดทชีวิต "นช.บุญทรง" เครียดโรครุม นั่งรถเข็นนอนรพ.รอคิวผ่าตัดใหญ่

จากกรณีที่ศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้พิพากษาให้ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ รับโทษสั่งจำคุก 42 ปี ในคดีระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐหรือ จีทูจี 
 

 

 

 

และได้สั่งจำคุกนายภูมิ 36 ปี ไม่รอลงอาญา ส่วนนายอภิชาติ จันทร์สกุลพร หรือ เสี่ยเปี๋ยง อดีตพ่อค้าข้าวชื่อดัง โดนโทษจำคุก 48 ปี ส่วนจำเลยคนอื่นๆ มีโทษลดหย่อนกันลงไป พร้อมให้ชดใช้ค่าเสียหายคืนแก่รัฐรวมกันเป็นจำนวน 16,000 ล้านบาทนั้น ซึ่งจากการตรวจร่างกายก่อนเข้าเรือนจำ พบว่านายบุญทรงมีโรคประจำตัวคือ โรคภูมิแพ้ และโรคความดัน และนายบุญทรงมีความดันสูงกว่าปกติ ซึ่งอาจจะเกิดจากความเครียด

 

 

    
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : มันเป็นเวรเป็นกรรม..!!! "บุญทรง" วืดประกันตัว ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพรับตัวนักโทษ ตรวจร่างกายมีอาการเครียดทำความดันขึ้น
 

และหลังจากที่นายบุญทรง ได้ถูกสั่งจำคุก ผ่านมาเกือบ 1 ปี ในคดีจำนำข้าวนั้น ล่าสุดพ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ได้เปิดเผยถึงการคุมขังนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรมว.พาณิชย์ ซึ่งต้องโทษจำคุก 42 ปี ตามคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในคดีทุจริตระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ ว่า ขณะนี้เรือนจำกลางคลองเปรมได้ส่งตัวนายบุญทรงมาควบคุมไว้ที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ 

 

 

 

พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์

 

 

เนื่องจากนายบุญทรงป่วยด้วยโรคเกี่ยวกับกระดูกสันหลัง และต้องนั่งรถเข็น แต่เรือนจำไม่มีแพทย์และเครื่องมือเฉพาะทางที่จะรักษาอาการป่วยของนายบุญทรง ที่ผ่านมาจึงได้ตัวนายบุญทรงออกไปตรวจรักษาอาการป่วยเกี่ยวกับกระดูกสันหลัง ตามหนังสือขอตัวจากผอ.โรงพยาบาลตำรวจ เมื่อตรวจรักษาเสร็จเรือนจำได้นำตัวนายบุญทรงกลับมาควบคุมไว้ที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ตามเดิม 

 

 

 

 

และในเร็ววันนี้ ทางทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ต้องส่งตัวนายบุญทรงออกไปผ่าตัดกระดูกสันหลัง หรือกระดูกต้นคอที่โรงพยาบาลตำรวจ ตามหนังสือขอตัวคนไข้จากโรงพยาบาลตำรวจ  เนื่องจากทัณฑสถานโรงพยาบาลไม่มีห้องผ่าตัดและเครื่องมือผ่าตัด 

 

ทั้งนี้การส่งตัวผู้ต้องขังออกไปรักษาพยาบาลภายนอก ต้องมีผู้คุมติดตามไปควบคุมตัว 2 คน ในกรณีที่ต้องพักค้างในโรงพยาบาลภายนอก ต้องมีผู้คุมผลัดละ 2 คน เข้าเวรควบคุมตัวผู้ต้องขังตลอด 24 ชั่วโมง 

 

 

 

 

"การส่งตัวนายบุญทรงมาควบคุมไว้ที่ทัณฑสถานโรงพยาบาล รวมถึงการส่งตัวออกไปรักษาที่โรงพยาบาลภายนอกเป็นไปตามดุลพินิจของแพทย์ ยืนยันว่านายบุญทรงป่วยจริง และในการส่งตัวออกไปรักษาพยาบาลก็มีเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวอยู่ตลอด จึงไม่น่าเป็นไปได้ที่จะมีใครเข้ามาติดต่อหรือเจรจาให้ซัดทอดบุคคลอื่น"