- 27 ต.ค. 2561
น้าทิวามาแล้วขอพูดฐานะคน6ตุลา...ชัดเจนทุกประโยค!แร็ฟต่ำทรามไร้หัวคิด เอาอย่างผู้ใหญ่สิ้นคิดด่าประเทศตัวเอง
จากกรณีกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์หลังกลุ่ม Rap Against Dictatorship หรือ RAD เผยแพร่เพลงแร็ป “ประเทศกูมี” ซึ่งเนื้อหาพูดถึงสภาพสังคมการเมืองไทยที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นรัฐประหาร การคอรัปชั่น เสือดำ บ้านพักศาล เช่น ประเทศที่นาฬิกา รมต. เป็นของศพ ประเทศที่ฯลฯ โดยเพลงดังกล่าวจนได้รับความนิยม พร้อมๆกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในเชิงลบด้วย ถึงความไม่เหมาะสมนั้น
ทั้งนี้เฟซบุ๊กเพจ “Rap Against Dictatorship (RAD)” ได้เผยแพร่ มิวสิควีดีโอ “ประเทศกูมี” อย่างเป็นทางการ โดยเลียนฉากจากโศกนาฎกรรม 6 ตุลา 19 โดยนำภาพความรุนแรงจากเหตุการณ์ดังกล่าวที่มีการใช้เก้าอี้ฟาดศพบริเวณสนามหลวง ขณะมีคนยืนล้อมวงดูด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม หลังมีการหลบหนีเข้าไปอยู่ภายในบริเวณมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งขณะนั้นมีการกล่าวหากันถึงภัยคุกคามคอมมิวนิสต์
ต่อมาพล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพรามณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงคลิปเพลงแร็พใต้ดิน ชื่อเพลงประเทศกูมี ที่มีการเผยแพร่ใน youtube ผ่านผู้ใช้ที่ชื่อว่า Rap Against Dictatorshipเบื้องต้นได้ดูคลิปเพลงดังกล่าวแล้ว ยังไม่ชัดเจนว่ามีเนื้อหาผิดหรือไม่ โดยส่วนตัวมองว่า 50:50 โดนจะให้ตำรวจ ปอท. ตรวจสอบอีกครั้ง ว่าเนื้อหาเข้าข่ายขัดคำสั่ง คสช. หรือไม่ ส่วนคนที่อยู่ในคลิปจะต้องเชิญตัวมาให้ปากคำ ว่ามีเจตนาที่จะทำให้เกิดความวุ่นวาย หรือขัดคำสั่ง คสช. ด้วยหรือไม่
อย่างไรก็ตามเมื่อกระแสเพลงดังกล่าวกลายเป็นประเด็นที่วิพากษ์วิจารณ์กว้างขวางของสังคม ก็มีบุคคลในหลายแวดวงออกมาให้ความเห็น แสดงความคิดเห็นกันอย่างหลากหลายทั้งสนับสนุนและตั้งข้อท้วงติงบางอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการด่าโจมตีประเทศซึ่งไม่เกี่ยวกับรัฐบาล รวมทั้งการนำเหตุการณ์6ตุลา19มาฉายซ้ำเรื่องความรุนแรง ดูไม่เหมาะสม และก็มีคนยุค14ตุลา 6ตุลาออกมาแสดงความเห็นไว้อย่างน่าสนใจ นั่นคือ ทิวา สาระจูฑะ นักแต่งเพลงและบรรณาธิการนิตยสารดนตรีระดับตำนานของประเทศอย่าง สีสัน ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กไว้ดังนี้
"ว่าจะไม่เขียนถึง แต่คิดแล้วคิดอีก ควรจะแสดงความรู้สึกสักหน่อย เพราะผมก็คนประชาธิปไตยเหมือนกัน หวังว่าจะไม่มีใครผูกขาดความรักประชาธิปไตยเอาไว้
ผมได้ดูและฟังเพลงแร็ปที่วิพากษ์วิจารณ์ประเทศไทยเพลงนั้นแล้ว ตั้งแต่วันแรกที่โพสต์และแชร์กัน ตัวเพลงไม่ติดใจอะไร ถือว่าเป็นเรื่องของความคิดคน อึดอัดก็ระบายออกมาเท่านั้น และในแง่การใช้คำก็พอมีฝีมือกันอยู่บ้าง แต่ด่าประเทศตัวเองหยาบๆคายๆนั่นก็เกินไป เกิดที่ไหนไม่มีหัวคิดเลยหรือ อย่าไปเอาอย่างผู้ใหญ่สิ้นคิดบางคนเลย
แต่ที่ทำให้เซ็งและเศร้าใจนิดหน่อยเมื่อเห็นมิวสิควิดีโอ ไม่ได้เศร้าที่เห็นหน้าตาคนร้อง แต่เศร้าที่ไปรื้อฟื้นนำเอาภาพเหตุการณ์วันที่ 6 ตุลาคม 2519 มาทำใหม่
นักแร็ปทั้งหลายในคลิปวิดีโอนี้คงเกิดไม่ทันเหตุการณ์ตอนนั้น ถึงบางคนเกิดทัน แต่กะเจี๊ยวก็คงยังไม่พัฒนาเป็นไอ้จู๋ และคงไม่รู้ว่า เผด็จการยุคโน้นเป็นอย่างไร
เพราะยุคนี้ใครจะทำปฏิวัติรัฐประหารต้องระมัดระวังพอสมควร รู้ว่าถ้ามีกรอบหรือกดกันมากเกินไป สุดท้ายก็จะถูกขับไล่โดยประชาชน และในสมัยที่โลกเปิดกว้าง ความสัมพันธ์ทั้งการเมืองและเศรษฐกิจระหว่างประเทศมีความสำคัญอย่างมาก ผู้ทำปฏิวัติจะขยับอะไรก็ต้องคิดแล้วคิดอีก
คนรุ่น 14 ตุลาคม 2516 ต่อเนื่องถึง 6 ตุลาคม 2519 ต้องเสียชีวิตเลือดเนื้อและพิกลพิการไปไม่รู้เท่าไหร่ในการต่อสู้เพื่อให้ได้สิทธิเสรีภาพ แม้จะชะงักไปบ้างในช่วงปี 2535 และ 2549 แต่ก็ไม่ได้เป็นเวลายาวนานนัก เพราะประตูได้ถูกเปิดออกแล้ว
เผด็จการยุคโน้นไม่ได้ละมุนละไมเหมือนยุคนี้ที่ปล่อยให้ด่ากันโครมๆ ภาษาวัยรุ่นก็คือ “มึงอย่ามาแอ๊ะ” พูดง่ายๆว่า ผู้ที่อ้างว่าเรียกร้องประชาธิปไตยสมัยนี้ ยังแทบไม่ได้ต่อสู้กับอะไรจริงๆเลย
การแต่งเพลงหรือเขียนวิพากษ์วิจารณ์อะไรสามารถทำได้ ไม่ว่าจะมาจากแนวคิดแบบไหน เพียงแต่ต้องระวังว่าจะไปละเมิดสิทธิของคนอื่นหรือเปล่าเท่านั้น เพราะนั่นเป็นเรื่องทางกฎหมาย
แต่การนำภาพจำลองโศกนาฏกรรมที่เป็นความขมขื่นปวดร้าวจากอดีตมาใช้ประโยชน์ ผมถือว่าขาดความเคารพกัน
ผมไม่อยากมองในแง่ลบว่า มีใครอยู่เบื้องหลังกิจกรรมครั้งนี้หรือเปล่า แต่ก็ได้ผลในการสร้างปฏิกิริยา ซึ่งคงสร้างความพะอืดพะอมต่อผู้มีอำนาจพอสมควร
แต่ปฏิกิริยาจากผม ในฐานะเป็นหนึ่งในคนยุค 14 ตุลาฯ และ 6 ตุลาฯ ถือว่าวิดีโอที่เอาภาพเหตุการณ์เก่ามารื้อฟื้นเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองใดๆในยุคปัจจุบัน เป็นความน่ารังเกียจ และออกจะต่ำทราม
และถ้าใครที่เป็นเพื่อนในเฟซบุ๊คผม เห็นดีเห็นงามกับคลิปวิดีโอนี้และไม่พอใจสิ่งที่ผมเขียนแสดงความรู้สึก ก็เชิญ unfriend ผมได้เลย ยิ่งเร็ว ยิ่งดี"
ขอบคุณเฟซบุ๊ก : Tiva Sarachudha