เปิดไทม์ไลน์ดราม่าไหทองคำแตก “อาม ชุติมา” เซ็นสัญญาผู้เยาว์

 

    ยังไม่มีทีท่าว่าจะได้บทสรุปโดยง่าย กับมหากาพย์ กรณีพิพาทระหว่าง ประจักษ์ชัย เนาวรัตน์ หรือนายห้างประจักษ์ชัย เจ้าของค่าย "ไหทองคำ เรคคอร์ด" กับอดีตนักร้องในสังกัด "อาม ชุติมา" หลังนายประจักษ์ชัย ทำการแจ้งความจับ อาม ชุติมา คาเวทีขณะขึ้นคอนเสิร์ต ที่ อ.วังสามหมอ จ.อุดรธานี เมื่อวันที่ 19 ต.ค. 2561 ที่ผ่านมา ฐานละเมิดลิขสิทธิ์ของนักแสดง 

 

    ด้านนายห้างไหทองคำ ได้ออกมาประกาศกร้าวว่าจะดำเนินคดีลิขสิทธิ์กับผู้จ้างงานอาม ทุกคน แต่อีกใจหนึ่งก็อยากให้นักร้องสาวเข้ามาเจรจาไกล่เกลี่ย เนื่องจาก อามยังมีพันธะกับทางค่ายเพลง จากสัญญาที่ยังเหลืออยู่กับค่ายไหทองคำถึง 2 ปี 7 เดือน ก่อนหน้านี้อามได้แยกทางกับค่ายไหทองคำไปตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา แต่เพลงยังเป็นลิขสิทธิ์ของทางค่ายจึงไม่สามารถนำไปร้องเองได้โดยพลการ

 

    ต่อมาวันที่ 22 ต.ค. 2561 อาม ได้นำพวงมาลัยเพื่อไปขอขมานายห้างประจักษ์ชัย หวังลบล้างความหมางใจต่อกันแต่นายห้าง ไม่อยู่ที่ค่าย เนื่องจากเดินทางไป บก. ปอท. เพื่อแจ้งความดำเนินคดีต่อผู้แสดงความคิดเห็นกล่าวโทษนายห้าง ทำให้ อาม ยังไม่มีโอกาสได้เจอนายห้างเพื่อเจรจาว่าด้วยเรื่องสัญญาดังกล่าว

 

 

 

    เรื่องชักจะอีรุงตุงนังมากขึ้น เมื่อนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ผู้ไม่ดูดายต่อความอยุติธรรมในสังคมออกมาโพสต์ยินดีให้ความช่วยเหลือ พร้อมส่งสารท้าทายค่ายเพลงความว่า "อยากรู้ประจักษ์เจ๋งจริงไหม" พร้อมมีการไลฟ์สดให้ความกระจ่างถึงสัญญาทาสไม่เป็นธรรมเอาเปรียบน้อง อาม ชุติมา โดยบอกว่าวันนี้จะมาฉีกสัญญาทาสที่ไม่เป็นธรรมในการเอาเปรียบ น้องอาม ชุติมา สัญญาดังกล่าวเป็นสัญญาทาส และจะขอช่วยเหลือน้องอามให้ถึงที่สุด ด้วยการดำเนินคดีตามกฎหมายกับตำรวจทุกนาย ตามมาตรา 157 เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม

    หลังจากนั้น อาม ก็ได้โพสต์ข้อความพร้อมภาพผ่านเฟซบุ๊กเป็นรูปกรวดน้ำ พร้อมข้อความระบุว่า "วันนี้เป็น วันเลิกทาส หนูถือโอกาสวันนี้ ประกาศ อิสรภาพ หนูขอความกรุณาจากเจ้าภาพได้โปรดเมตตาหนู ส่งยอดเงินทั้งหมดที่เคยจ้างหนู หรือเอกสาร ที่เคยว่าจ้าง ในอินบ็อกหนู หนูจะขอขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง  ขอความเป็นธรรมด้วยนะคะ แชร์ต่อๆกันด้วยนะคะ"  จากนั้นก็มีชาวเน็ตเข้ามาให้กำลังใจ อาม เป็นจำนวนมาก

 

 

 

 

 
 
    เหตุที่ อาม ชุติมา เลือกที่จะแยกทางเดินออกมาจากค่ายนั้นไม่ได้ถือดีหรือปีกกล้าขาแข็งแต่อย่างใด เพราะเมื่อช่วง มิ.ย. 2561 ที่ผ่านมา เจ้าตัวได้เผยว่า ถูกเอาเปรียบและไม่ได้รับความยุติธรรมในหลายๆเรื่อง เช่น เพลงที่เธอแต่งและมีการเผยแพร่ทางยูทูปรวมๆ แล้วกว่า 600 ล้านวิวนั้น เธอไม่ได้ส่วนแบ่ง อีกทั้งสัญญาลิขสิทธิ์เพลงผู้สาวขาเลาะที่โอนไป ก็ไม่ทราบเรื่องคิดว่าเพลงยังเป็นของตนเองอยู่  
 

 

    ด้วยความซับซ้อนของกฏหมายทำให้มีการตีความอย่างเป็นภววิสัยนำมาซึ่งการแสดงความเห็นที่แตกต่างกันไป จนวันที่ 26 ต.ค. 2561 ทนายรัชพล ศิริสาคร ประธานชมรมสนับสนุนการต่อสู้เพื่อความยุติธรรม ได้โพสต์ผ่านเพจ สายตรงกฎหมาย เกี่ยวกับกรณีดังกล่าว ที่ทางฝ่ายทนายความของอาม ยกเรื่องสัญญาเป็นโมฆียะเนื่องจากตอนที่เซ็นสัญญา อาม ยังไม่บรรลุนิติภาวะ

    โดยทนายรัชพลได้ยกฎีกาเพื่อเป็นการตอกย้ำว่า ประเด็นนี้ อาม ชุติมา ไม่น่าเป็นฝ่ายชนะ เพราะคดีนี้ไม่ใช่ช่คดีแรก แต่เคยมีคนฟ้องกันมาอย่างน้อย 2 คดี แล้วคดีขึ้นสู่ศาลฎีกา ซึ่งทั้ง 2 คดี ศาลตัดสินในทำนองที่ว่า การที่เด็กทำสัญญาโดยที่คุณแม่เซ็นเป็นพยาน ถือว่าคุณแม่ได้ให้ความยินยอมแล้ว 

 

    ทางทนายดังได้ยกฎีกา 2 คดี มาเป็นตัวอย่าง ดังนี้ 1319/2512 "ผู้เยาว์ลงนามทำสัญญาโดยมีผู้แทนโดยชอบธรรมลงลายพิมพ์นิ้วมือเป็นพยานในเอกสารสัญญานั้นถือได้ว่าผู้แทนโดยชอบธรรมให้ความยินยอมแล้ว" และ 3496/2537 "สัญญาประนีประนอมยอมความที่โจทก์ผู้เยาว์ทำขึ้น มี บ.ผู้แทนโดยชอบธรรมลงลายมือชื่อเป็นพยานในเอกสารนั้น ย่อมถือได้ว่าผู้แทนโดยชอบธรรมให้ความยินยอมแล้ว" พร้อมเสนอว่าควรจะหาช่องทางอื่นเพื่อช่วยเหลืออามน่าจะมีโอกาสดีกว่าสู้กันทางกฏหมาย
 

 

    ความคืบหน้าล่าสุด 27 ต.ค. 2561 มีความเคลื่อนไหวบนเฟซบุ๊กส่วนตัวของ นายประจักษ์ชัย ไหทองคำ โดยมีการโพสต์ข้อความดังต่อไปนี้ 

 

 

 

 

 

    สำหรับบทสรุปของคดีจะเป็นอย่างนั้นต้องติดตามกันต่อไปอย่างใกล้ชิด โดยจะมีการพิจาณาที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาในวันจันทร์ที่จะถึงนี้