"ดร.สามารถ" รัวหมัดต่อเนื่อง "1 เดียวในโลก" ใช้เทอร์มินัล 2 ต้อง "ลอยฟ้า-มุดดิน" ไม่มีที่ไหนในโลกทำผดส. เดือดร้อนก่อนขึ้นเครื่องบิน

"ดร.สามารถ" รัวหมัดต่อเนื่อง "1 เดียวในโลก" ใช้เทอร์มินัล 2 ต้อง "ลอยฟ้า-มุดดิน" ไม่มีที่ไหนในโลกทำผดส. เดือดร้อนก่อนขึ้นเครื่องบิน

"ดร.สามารถ" รัวหมัดต่อเนื่อง "1 เดียวในโลก" ใช้เทอร์มินัล 2 ต้อง "ลอยฟ้า-มุดดิน" ไม่มีที่ไหนในโลกทำผดส. เดือดร้อนก่อนขึ้นเครื่องบิน

 

    ยังคงเป็นประเด็นที่ต้องเกาะติดอย่างใกล้ชิดเพราะเกี่ยวโยงกับภาษีประชาชนโดยตรง กับกรณีการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 หรือ เทอร์มินัล 2 ภายในสนามบินสุวรรณภูมิซึ่งกำลังอยู่ในช่วงคาบลูกคาบดอกยังไม่ได้ข้อสรุป ว่าจะเดินหน้าก่อสร้างต่อสวนทางกับกระแสหลักจากภาคประชาชนที่พยายามคัดค้านหรือไม่อย่างไร แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ได้นำมาซึ่งข้อถกเถียงเชิงวิชาการจากเหล่าผู้เชี่ยวชาญ ถึงความคุ้มค่าและเหมาะสมจากโครงการดังกล่าว

 

    ล่าสุด 29 ต.ค. 2651 ได้มีความเคลื่อนไหวบนเฟซบุ๊กส่วนตัวของ ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และสส.พรรคประชาธิปัตย์ ที่ก่อนหน้านี้ได้พยายามปลุกกระแสความตื่นตัว ว่าด้วยความไม่โปร่งใสของโครงการนี้มาโดยตลอด 

 

    บทความนี้นับเป็นบทความที่ 7 ในหัวข้อ "1 เดียวในโลก" ใช้เทอร์มินัล 2 ต้อง "ลอยฟ้า-มุดดิน" สรุปความได้ว่า จากกระแสคัดค้านจากหลายหน่วยงานที่มีมาอย่างต่อเนื่อง แต่ดูเหมือนว่าทาง ทอท. ในฐานะเจ้าของโครงการและผู้มีอำนาจที่เกี่ยวข้องยังคงมีความพยายามที่จะเดินหน้าก่อสร้างให้ได้

 

    ก่อนหน้านี้มีการเขียนบทความ เกี่ยวกับเทอร์มินัล 2 ที่ผิดแผนแม่บทซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเทอร์มินัล 1 บนฝั่งมอเตอร์เวย์ โดยพยายามชี้ให้เห็นข้อเสียจากการพยายามสร้างเทอร์มินัล 2 หลากหลายประการ โดยทาง ดร.สามารถ ได้เสนอแนะให้ ทอท.ขยายเทอร์มินัล 1 ออกไปทางด้านตะวันออกและด้านตะวันตกแทน เนื่องจากประหยัดทั้งเวลาและงบประมาณ อีกทั้งยังเพิ่มปริมาณความจุของผู้โดยสาร หลังจากนั้นให้สร้างเทอร์มินัล 2 ทางทิศใต้บนฝั่งถนนบางนา-ตราด ตามแผนแม่บทก็จะทำให้สนามบินสุวรรณภูมิมีขีดความสามารถรองรับผู้โดยสารได้ถึง 100-120 ล้านคนต่อปี
 

 

    และบทความนี้ จะชี้ให้เห็นถึงความยุ่งยาก ซับซ้อน และไม่สะดวกสบายในการใช้เทอร์มินัล 2 กล่าวคือตามลำดับขั้นตอนการใช้บริการสนามบินนั้น หลังจากผู้โดยสารเช็กอิน ผู้โดยสารบางส่วนจะไม่สามารถเดินไปขึ้นเครื่องบินซึ่งจอดรออยู่ที่หลุมจอดประชิดอาคารได้ เพราะเทอร์มินัล 2 ที่ผิดแผนแม่บทมีหลุมจอดประชิดอาคารเพียง 14 หลุมเท่านั้น ย่อมไม่เพียงพอที่จะรองรับผู้โดยสารที่เช็กอินที่เทอร์มินัล 2 ได้ทั้งหมด

 

    จำเป็นจะต้องไปขึ้นเครื่องบินที่จอดรออยู่ที่อาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (SAT1) ซึ่งอยู่ห่างไกลจากเทอร์มินัล 2 ประมาณ 2.2 กิโลเมตร เหตุที่มีระยะทางห่างไกลเช่นนี้เป็นเพราะอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 ไม่ได้ถูกออกแบบไว้สำหรับรองรับผู้โดยสารจากการก่อสร้างเทอร์มินัล 2 แต่ได้ถูกออกแบบไว้สำหรับรองรับผู้โดยสารจากการขยายเทอร์มินัล 1 เพราะอยู่ใกล้กัน

    นำมาซึ่งความพยายามแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าด้วยแนวคิดที่จะก่อสร้างรถไฟฟ้าไร้คนขับ (Automated People Mover) หรือเอพีเอ็มให้ผู้โดยสารใช้บริการ ดังเช่นที่มีอยู่ในหลายสนามบินทั่วโลก แต่เอพีเอ็มในสนามบินสุวรรณภูมินั้นจะต่างออกไป กล่าวคือ ทอท.จะก่อสร้างเอพีเอ็มถึง 3 สาย ประกอบด้วยสายลอยฟ้า 2 สาย  และสายใต้ดิน 1 สาย ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการก่อสร้าง ทำให้ผู้โดยสารต้องพาตัวเองพร้อมด้วยสัมภาระไปใช้เอพีเอ็มถึง 3 สาย ซึ่งเป็นการสร้างความลำบากแก่ผู้โดยสาร ที่ทำให้เกิดคำถามต่อมาว่าถ้าเป็นเช่นนี้ใครจะอยากใช้บริการ เพราะไม่มีสนามบินที่ไหนในโลกทำให้ผู้โดยสารเดือดร้อนก่อนขึ้นเครื่องบินเช่นนี้

 

 

"ดร.สามารถ" รัวหมัดต่อเนื่อง "1 เดียวในโลก" ใช้เทอร์มินัล 2 ต้อง "ลอยฟ้า-มุดดิน" ไม่มีที่ไหนในโลกทำผดส. เดือดร้อนก่อนขึ้นเครื่องบิน

 

 

"ดร.สามารถ" รัวหมัดต่อเนื่อง "1 เดียวในโลก" ใช้เทอร์มินัล 2 ต้อง "ลอยฟ้า-มุดดิน" ไม่มีที่ไหนในโลกทำผดส. เดือดร้อนก่อนขึ้นเครื่องบิน

 

 

"ดร.สามารถ" รัวหมัดต่อเนื่อง "1 เดียวในโลก" ใช้เทอร์มินัล 2 ต้อง "ลอยฟ้า-มุดดิน" ไม่มีที่ไหนในโลกทำผดส. เดือดร้อนก่อนขึ้นเครื่องบิน
 

 

รายละเอียดการใช้เอพีเอ็ม 3 สาย มีดังนี้

 

1. หลังจากผู้โดยสารเช็กอินที่เทอร์มินัล 2 แล้ว จะต้องเดินไปที่สถานีที่ 1 เพื่อขึ้นเอพีเอ็มลอยฟ้าสายที่ 1 ซึ่งอยู่ภายนอกเทอร์มินัล 2

 

2. เอพีเอ็มลอยฟ้าสายที่ 1 จะนำผู้โดยสารจากเทอร์มินัล 2 ไปยังสถานีที่ 2 ซึ่งเป็นจุดตัดของอาคารเทียบเครื่องบิน A, และ B (Concourses A, B) ที่อยู่ด้านตะวันออกของเทอร์มินัล 1 ระยะทางจากสถานีที่ 1 ถึงสถานีที่ 2 ประมาณ 800 เมตร ต่อจากนั้นผู้โดยสารจะต้องลงจากเอพีเอ็มลอยฟ้าสายที่ 1 แล้วเดินเข้าอาคารเพื่อเปลี่ยนไปใช้เอพีเอ็มลอยฟ้าสายที่ 2 ที่สถานีที่ 3 ทั้งนี้ เอพีเอ็มลอยฟ้าสายที่ 2 จะวิ่งไปถึงจุดตัดของอาคารเทียบเครื่องบิน D และ E (Concourses D, E) ที่อยู่ด้านตะวันตกของเทอร์มินัล 1 โดยวิ่งขนานไปกับอาคารเทียบเครื่องบิน D ที่อยู่ตรงกลางของเทอร์มินัล 1 แต่ผู้โดยสารจะต้องลงจากเอพีเอ็มลอยฟ้าสายที่ 2 ที่สถานีที่ 4 ซึ่งเป็นจุดกึ่งกลางของอาคารเทียบเครื่องบิน D คิดเป็นระยะทางประมาณ 405 เมตร แล้วเดินไปที่สถานีเอพีเอ็มสายใต้ดิน

 

อนึ่ง ทอท.ระบุไว้ในเอกสาร “กรอบแนวคิดสำหรับการออกแบบ” ว่า เอพีเอ็มลอยฟ้าสายที่ 2 นั้นไม่มีงบประมาณรวมอยู่ในการก่อสร้างเทอร์มินัล 2 งบประมาณมีเฉพาะเอพีเอ็มลอยฟ้าสายที่ 1 เท่านั้น แต่ผู้ชนะการประกวดแบบเทอร์มินัล 2 จะต้องออกแบบให้ผู้โดยสารสามารถเปลี่ยนเส้นทางจากเอพีเอ็มลอยฟ้าสายที่ 1 ไปสู่เอพีเอ็มลอยฟ้าสายที่ 2 ได้ ด้วยเหตุนี้ จึงเห็นได้ว่า ทอท.ไม่มีความพร้อมในการก่อสร้างเอพีเอ็มลอยฟ้า เนื่องจากเอพีเอ็มลอยฟ้าไม่มีอยู่ในแผนแม่บทหรือไม่ได้เตรียมพื้นที่ไว้รองรับนั่นเอง เพราะทอท.เพิ่งคิดที่จะก่อสร้างเอพีเอ็มลอยฟ้าขึ้นมาใหม่

3. ยิ่งกว่านั้นผู้โดยสารยังจะต้องพาตัวเองพร้อมด้วยสัมภาระลงไปยังสถานีใต้ดินแล้วขึ้นเอพีเอ็มใต้ดินไปสู่อาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (SAT1) ระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร เพื่อรอขึ้นเครื่องบินต่อไป

 

    จากการใช้เอพีเอ็มถึง 3 สาย จะเป็นการเพิ่มความยุ่งยาก ทำให้ผู้โดยสารไม่ได้รับความสะดวกและเกิดความสับสน สอดคล้องกับบทความก่อนหน้านี้ที่ ดร.สามารถ ได้กล่าวว่า การก่อสร้างเทอร์มินัล 2 ที่ผิดแผนแม่บท เปรียบเหมือนการก่อสร้างห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ในซอยเล็กๆ ซึ่งจะทำให้รถติดอย่างหนัก อีกทั้ง จะต้องขนลูกค้าจากท้ายซอยไปสู่ปากซอยด้วยเอพีเอ็มถึง 3 สาย ทั้งลอยฟ้าและใต้ดิน

 

 

"ดร.สามารถ" รัวหมัดต่อเนื่อง "1 เดียวในโลก" ใช้เทอร์มินัล 2 ต้อง "ลอยฟ้า-มุดดิน" ไม่มีที่ไหนในโลกทำผดส. เดือดร้อนก่อนขึ้นเครื่องบิน

 

    การกระทำเช่นนี้ จะส่งผลถึงคุณภาพการให้บริการของสนามบินสุวรรณภูมิ ในปีนี้ Skytrax ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาในการจัดอันดับสนามบินและสายการบินทั่วโลกของประเทศอังกฤษได้จัดอันดับให้สนามบินสุวรรณภูมิอยู่อันดับที่ 36 ของโลก แต่หาก ทอท.ยังดื้อดึงที่จะก่อสร้างเทอร์มินัล 2 บนตำแหน่งที่ผิดแผนแม่บทต่อไป ย่อมทำให้อันดับตกลงไปอย่างแน่นอน

 

    นำมาซึ่งคำถามต่อไปว่า ขณะที่สนามบินสุวรรณภูมิของเรามีพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาลถึง 20,000 ไร่ แต่ทำไมผู้บริหารของ ทอท.จึงเลือกที่จะสร้างเทอร์มินัล 2 ลงบนพื้นที่แคบๆ และมีอุปสรรคต่างๆ นานา และเหตุใดจึงไม่เลือกที่จะสร้างบนพื้นที่กว้าง และไม่มีสิ่งกีดขวางทางด้านใต้บนฝั่งถนนบางนา-ตราด ตามแผนแม่บทที่วางไว้ 

 

    โดย ดร.สามารถยังได้ทิ้งท้ายว่า ตนนั้นต้องการให้สนามบินสุวรรณภูมิได้รับการพัฒนาไปในทิศทางที่ถูกต้อง และได้รับการคัดเลือกให้เป็นสนามบินยอดเยี่ยมอันดับต้นๆ ของโลก ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เป็นคน ทอท. แต่ก็มีความรักในสนามบินสุวรรณภูมิไม่ยิ่งหย่อนกว่าคน ทอท.

 

สำหรับบทสรุปของการดำเนินโครงการจะเป็นอย่างไรต่อไปนั้น ต้องติดตามกันอย่างใกล้ชิด

 

ขอบคุณ : ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ 

 

 

"ดร.สามารถ" รัวหมัดต่อเนื่อง "1 เดียวในโลก" ใช้เทอร์มินัล 2 ต้อง "ลอยฟ้า-มุดดิน" ไม่มีที่ไหนในโลกทำผดส. เดือดร้อนก่อนขึ้นเครื่องบิน