ย้อนชีวิตตายายใจบุญ ฝาบ้านคือสิ่งเตือนใจ ล้มป่วยหลังในหลวงร.9 เสด็จสวรรคต ก่อนทิ้งความดีให้แผ่นดิน

ย้อนชีวิตตายายใจบุญ ฝาบ้านคือสิ่งเตือนใจ ล้มป่วยหลังในหลวงร.9 เสด็จสวรรคตเพียง1เดือน ก่อนทิ้งความดีให้คู่แผ่นดิน

จากกรณีเฟซบุ๊ก ราชสีห์ จิตอาสา ได้โพสต์ข้อความ โดยระบุว่า#สองตายาย ผู้ปิดทองหลังพระ บริจาคเงินและที่ดิน มูลค่าเกือบ สองร้อยล้านบาท ใช้ชีวิตแบบพอเพียงด้วยการเก็บผัก ตัดกล้วยขาย จนคุณตาเสียชีวิต แต่คุณงามความดีที่ สองตายาย เศรษฐีผู้ใจบุญ ได้ทำไว้ยังคงปรากฏ และช่วยเหลือคนได้เป็นจำนวนมาก นับไม่ถ้วนโดยลุงกับป้ายังคงดำเนินชีวิตแบบพอเพียงเป็นตัวอย่างที่ดีงาม งานศพลุงวันนี้ คุณยายชม้อย ทองคำ ไม่รับเงินช่วยงาน แต่แจกเงินเพื่อทานบารมี แก่ผู้มาร่วมงานทุกคนด้วย เงินของท่านช่างเป็นมงคลยิ่งนักแล

 

ย้อนชีวิตตายายใจบุญ ฝาบ้านคือสิ่งเตือนใจ ล้มป่วยหลังในหลวงร.9 เสด็จสวรรคต ก่อนทิ้งความดีให้แผ่นดิน

 

ย้อนเรื่องราวของเหตุการณ์ไปก่อนหน้านี้ คือเมื่อปลายปี2559 รายการคนเฝ้าข่าว ทางช่อง 28 ได้รายงานถึงคุณตาสวิง และคุณยายชม้อย ทองคำ สองสามีภรรยาที่ใช้ชีวิตสมถะ อยู่บ้านไม้หลังเล็กๆ แต่กลับทำเรื่องที่ปิดทองหลังพระ ด้วยการบริจาคเงินและที่ดินนับร้อยล้านร่วมสร้างโรงพยาบาลปากเกร็ดแห่งใหม่ ตั้งอยู่ที่หมู่ 5 ตำบล คลองข่อย อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี

 

โดยสองตายายไม่ต้องการประกาศให้ใครรู้ว่าได้บริจาคที่ดินมูลค่ากว่า 100 ล้านบาทให้สร้างโรงพยาบาลแห่งนี้ และบริจาคเงินสดอีก 3 ล้านให้ใช้ซื้อเครื่องมือทางการแพทย์ โดยที่สองตายายยังคงอาศัยในบ้านหลังเล็กๆที่ภายในจะเห็นว่าติดพระบรมฉายาลักษณ์ในหลวงรัชกาลที่ 9 ไว้ในบ้าน เพื่อเตือนใจถึงความพอเพียง

 

ย้อนชีวิตตายายใจบุญ ฝาบ้านคือสิ่งเตือนใจ ล้มป่วยหลังในหลวงร.9 เสด็จสวรรคต ก่อนทิ้งความดีให้แผ่นดิน

 

 

 

ทั้งนี้ตายายคู่นี้ยังคงใช้ชีวิตที่แสนเรียบง่าย เพราะไม่มีลูกหลาน จึงปลูกผักผลไม้ไว้กินเอง ส่วนที่เหลือก็นำไปขายราคาถูกเพื่อช่วยคนจน ซึ่งตาสวิงป่วยต้องฟอกไตทุกสัปดาห์ ทางโรงพยาบาลดูแลเสมือนญาติผู้ใหญ่รักษาฟรีตลอดชีวิต รวมทั้งทางโรงพยาบาลปากเกร็ดนำชื่อ “ชม้อย-สวิง ทองคำ”เป็นชื่อของห้องประชุมใหญ่เพื่อเป็นการระลึกถึงคุณงามความดีของตาสวิงและยายชม้อย

 

ย้อนชีวิตตายายใจบุญ ฝาบ้านคือสิ่งเตือนใจ ล้มป่วยหลังในหลวงร.9 เสด็จสวรรคต ก่อนทิ้งความดีให้แผ่นดิน

 

“นางชม้อย ทองคำ สองตายายวัยเกือบ 90 ปี ซึ่งทั้งคู่ไม่มีลูก สองตายายอาศัยอยู่ในบ้านไม้หลังเล็ก ๆ ด้วยกัน นอนในมุ้งเก่า ๆ ภายในบ้านรายล้อมไปบ้านพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เป็นเครื่องเตือนใจให้ทั้งคู่ยึดมั่นในพระราชดำริ และพระราชดำรัส ทั้งสองดำรงชีวิตด้วยการปลูกผัก-ผลไม้กิน และที่เหลือก็นำไปขายในราคาถูกเพื่อช่วยเหลือคนจน

 

คุณยายชม้อย ระบุว่าตนได้บริจาคที่ดินมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท เพื่อสร้างโรงพยาบาล และอีก 2 ล้านบาทให้กับโรงพยาบาลเพื่อซื้อเครื่องมือแพทย์ และช่วย 1 ล้านบาทสร้างห้องพิเศษ การที่ตนบริจาคนั้นตนไม่ได้อยากให้ใครรู้ ไม่อยากเปิดเผยตัว อยากทำเงียบ ๆ เป็นการปิดทองหลังพระ”

 

ย้อนชีวิตตายายใจบุญ ฝาบ้านคือสิ่งเตือนใจ ล้มป่วยหลังในหลวงร.9 เสด็จสวรรคต ก่อนทิ้งความดีให้แผ่นดิน

 

ขณะที่นายแพทย์อนุกูล เอกกุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลปากเกร็ด เผยว่า หลังจากที่ได้รับน้ำใจจากคุณตาคุณยาย และผู้ใจบุญทั้งหลายที่ช่วยนั้นตนสำนึกในบุญคุณเหล่านี้ และทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีเพื่อเป็นการตอบแทน และจะดูแลสองตายายอย่างดีที่สุด และคอยไปเยี่ยมที่บ้านที่อยู่ติดกับโรงพยาบาล ปัจจุบันคุณตาสวิง ป่วยต้องฟอกไตสัปดาห์ละ 2 ครั้ง ทั้งนี้คุณตาคุณยายถือเป็นผู้มีพระคุณกับชาวปากเกร็ด ซึ่งเราก็ต้องมีหน้าที่ดูแลตอบแทนเท่าที่จะทำได้ ทุกวันนี้ตนก็เหมือนเป็นลูกเป็นหลานของสองตายาย จะดูแลให้ดีที่สุดตลอดไป

 

ย้อนชีวิตตายายใจบุญ ฝาบ้านคือสิ่งเตือนใจ ล้มป่วยหลังในหลวงร.9 เสด็จสวรรคต ก่อนทิ้งความดีให้แผ่นดิน

 

“หลังจากที่ได้รับน้ำใจจากคุณตาคุณยาย และผู้ใจบุญทั้งหลายที่ช่วยนั้นตนสำนึกในบุญคุณเหล่านี้ และทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีเพื่อเป็นการตอบแทน และจะดูแลสองตายายอย่างดีที่สุด และคอยไปเยี่ยมที่บ้านที่อยู่ติดกับโรงพยาบาล ปัจจุบันคุณตาสวิง ป่วยต้องฟอกไตสัปดาห์ละ 2 ครั้ง ทั้งนี้คุณตาคุณยายถือเป็นผู้มีพระคุณกับชาวปากเกร็ด ซึ่งเราก็ต้องมีหน้าที่ดูแลตอบแทนเท่าที่จะทำได้ ทุกวันนี้ตนก็เหมือนเป็นลูกเป็นหลานของสองตายาย”

 

ย้อนชีวิตตายายใจบุญ ฝาบ้านคือสิ่งเตือนใจ ล้มป่วยหลังในหลวงร.9 เสด็จสวรรคต ก่อนทิ้งความดีให้แผ่นดิน

 

 

 

ขอบคุณเฟซบุ๊ก : ราชสีห์ จิตอาสา

รายการคนเฝ้าข่าว ช่อง 3SD