งานนี้ใครแอบอู้มีหนาว!  ผบช.ภ.1  สั่งตำรวจ 134 โรงพัก เข้าเวรต้องตีระฆังรายงานตัว

งานนี้ใครแอบอู้มีหนาว! ผบช.ภ.1 สั่งตำรวจ 134 โรงพัก เข้าเวรต้องตีระฆังรายงานตัว

ในปัจจุบันปัญหายาเสพติดมีอยู่ในสังคมไทยจำนวนมาก โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่น มีการเสพยาเสพติดและหาเงินจากการขายยาเสพติดจำนวนมาก เนื่องจากเป็นวิธีหาเงินที่ง่ายสบาย ได้เงินเยอะ แต่ลืมไปว่าเป็นอาชีพที่ผิดกฎหมายลำลายประเทศ และอนาคตของเด็กรุ่นใหม่ ทื่ไปเสียให้กับภัยของยาเสพติด ที่เจ้าตัวอาจจะไม่รุ้เท่าทัน พิษภัยของยาเสพติด เลยต้องมีโครงการต้านภัยยาเสพติด เพื่อที่จะให้ประชาชนรับรู้ถึงข้อเสียของยาเสพติด หากได้ลองหรือ ขายให้กับบุคคลอื่นก็จะทำให้บุคคลที่เสพเกิดอันตรายได้ 

 

 

ล่าสุด พล.ต.ต.อำพล บัวรับพร รักษาราชการแทน ผู้บัญชาการ ภาค1 (รรท.ผบช.ภ.1) และพลตำรวจตรี กรไชย คล้ายคลึง รองผู้บัญชาการภาค 1  พร้อมคณะลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมโครงการประชารัฐร่วมใจ ต้านภัยยาเสพติด (ปักกลด) และโครงการระฆังทอง ในจังหวัดนนทบุรี โดยมี พลตำรวจเอก ไพศาล วงศ์วัชรมงคล รรท.ผบก.ภ.จว.นนทบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรี และทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนนทบุรี สภ.ปากเกร็ด คณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจ (กต.ตร.) และประชาชนชุมชน วัดนครอินทร์ อ.เมือง จ.นนทบุรี ประชาชนชุมชนประเสริฐอิสลาม อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี เข้าร่วมในโครงการดังกล่าว เพื่อหาความร่วมมือจากประชาชนในการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมและยาเสพติดในพื้นที่นนทบุรี  โดยสามารร่วมแจ้งเบาะแส เพื่อเป็นการป้องกันและลดการะบาดของยาเสพติดในชุมชนที่สามารถนำไปสู่ปัญหาอื่นๆได้

 

 

 

งานนี้ใครแอบอู้มีหนาว!  ผบช.ภ.1  สั่งตำรวจ 134 โรงพัก เข้าเวรต้องตีระฆังรายงานตัว

 

 

โดยได้ลงพื้นที่ในวันนี้ ได้ตรวจเยี่ยมการทำงานของ สภ.เมืองนนทบุรี ถึงสภาพความเป็นอยู่ของข้าราชการตำรวจ รวมทั้งให้เแนวความคิดโครงการระฆังทอง ที่มีการสั่งให้ทุกสถานีตำรวจภูธร ในภาค 1 จำนวน 134 สถานี มีการติดตั้งระฆังไว้ที่ด้านหน้าสถานี และให้สิบเวรตีระฆังทุกๆ 1 ชม. แต่มีการจำกัดความดัง เพื่อเป็นกุศโลบายว่าตำรวจที่เข้าเวรจะต้องไม่หลับเวร ต้องตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา และมีตำรวจประจำสถานี เป็นการอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่จะมาแจ้งความร้องทุกข์

 

 

ส่วนโครงการปักกลด ก็จะมีการลงพื้นที่ ชุมชนวัดนครอินทร์ พื้นที่ สภ.เมืองนนทบุรี และชุมชนประเสริฐอิสลาม พื้นที่ สภ.ปากเกร็ด เป็นโครงการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปอยู่ในชุมชนกับชาวบ้านเพื่อศึกษาข้อมูลของแต่ละชุมชน และวิเคราะห์ปัญหาของชุมชน โดยการออกพบปะกับชาวบ้าน โดยให้ประชาชนในชุมชนเป็นผู้ให้ข้อมูลของแหล่งยาเสพติดและปัญหาอาชญากรรมในหมู่บ้าน รวมถึงแจ้งข่าวสารให้กับตำรวจ เพื่อนำมาวางแนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหาให้ตรงจุด เพื่อสร้างความเข้มแข็งหใ้ชุมชนนั้นๆ  เป็นชุมชนสีขาวปลอดภัยจากยาเสพติด

 

 

งานนี้ใครแอบอู้มีหนาว!  ผบช.ภ.1  สั่งตำรวจ 134 โรงพัก เข้าเวรต้องตีระฆังรายงานตัว

 

 

ทางด้านของ พลตำรวจตรี อำพล บัวรับพร รรท.ผบช.ภ.1 ได้กล่าวว่า "โครงการระฆังทอง เป็นกุศโลบายให้ตำรวจอยู่ประจำในโรงพัก ไม่หลับเวลาเข้าเวร เรื่องตีระฆังทุกชั่วโมง หลังจากตีเสร็จก็ให้เดินตรวจรอบๆ สถานีตำรวจ ถือเป็นการตรวจความเรียบร้อยและระวังเหตุไม่ให้ผู้ต้องหาหลบหนีหรือทำร้ายตัวเอง อีกทั้งเมื่อประชาชนมาแจ้งความก็จะมีตำรวจอยุ่ในสถานี ไม่ใช่มาแล้วไม่มีตำรวจอยู่ เสียเวลา ถ้าพบว่าไม่มีตำรวจ ก็ให้ประชาชน ตีระฆังเรียกได้เลย แล้วถ้าสถานีไหนประชาชนต้องตีระฆังเรียกตำรวจ ตนก็จะดำเนินการกับสถานีนั้น"

 

 

สำหรับโครงการปักกลด นั้นเป็นการให้ตำรวจเข้าไปสัมผัสกับชาวบ้าน รู้ถึงปัญหาว่าในชุมชนนั้นๆมีปัญหาด้านไหนอะไรยังไงบ้าง โดยเฉพาะปัญหาเกี่ยวกับเรื่องยาเสพติด ต้องไม่มีอีกต่อไป และให้หาข้อมูลรายละเอียดแหล่งจำหน่ายหรือต้นตอยาเสพติดมาให้ได้ เพราะชาวบ้านรู้ดีที่สุด ลูกหลานใครติดยาก็นำมาทำการรักษาตัว ถือว่าเป้นการป้องกันอาชญากรรมอื่นๆที่จะเกิดขึ้นตามมาด้วย เพราะเมื่อมียาเสพติด ติดยา ไม่มีเงินก็นำไปสู่อาชญากรรมตามมาในที่สุด
 

 

 

งานนี้ใครแอบอู้มีหนาว!  ผบช.ภ.1  สั่งตำรวจ 134 โรงพัก เข้าเวรต้องตีระฆังรายงานตัว

 

 

ดังนั้นตำรวจที่ลงไปอาศัยกับชาวบ้านต้องสร้างความไว้วางใจให้กับคนในชุมชน เป็นที่ปรึกษาที่ดี สามารถปรึกษาปัญหาต่างๆได้ และนำไปสู่การแก้ปัญหา แนวทางแก้ไขให้ดีขึ้นได้ ถ้าปัญหาใดใหญ่มากๆ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้นำปัญหานั้นกลับมาวิเคราะห์กับผู้บังคับบัญชาอีกครั้งหนึ่ง และส่งทีมสืบสวนและติดตามหาทางแก้ไขและจัดการเกี่ยวกับเรื่องนั้นๆ ต่อไป

 

 

 

งานนี้ใครแอบอู้มีหนาว!  ผบช.ภ.1  สั่งตำรวจ 134 โรงพัก เข้าเวรต้องตีระฆังรายงานตัว

 

 

งานนี้ใครแอบอู้มีหนาว!  ผบช.ภ.1  สั่งตำรวจ 134 โรงพัก เข้าเวรต้องตีระฆังรายงานตัว

 

 

ขอบคุณ เฟซบุ๊ก พลตำรวจตรี อำพล บัวรับพร