- 31 ต.ค. 2561
กลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นอีกครั้ง จากกรณีนายกสมาคมแท็กซี่ เสนอเกี่ยวกับการให้บริการแท็กซี่รูปแบบใหม่ ด้วยวิธีเหมารายเดือนๆ ละ 10,200 บาท ใช้ได้ไม่จำกัดเที่ยว ไม่จำกัดระยะทาง โดยเมื่อวันที่ 31 ต.ค. 2561 ที่ผ่านมา
กลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นอีกครั้ง จากกรณีนายกสมาคมแท็กซี่ เสนอเกี่ยวกับการให้บริการแท็กซี่รูปแบบใหม่ ด้วยวิธีเหมารายเดือนๆ ละ 10,200 บาท ใช้ได้ไม่จำกัดเที่ยว ไม่จำกัดระยะทาง โดยเมื่อวันที่ 31 ต.ค. 2561 ที่ผ่านมา นายวรพล แกมขุนทด นายกสมาคมวิชาชีพผู้ขับขี่รถยนต์สาธารณะแท็กซี่ เผยว่าจากกรณีที่กรมการขนส่งทางบก เตรียมให้ปรับขึ้นค่าโดยสารแท็กซี่โอเค 8% จำนวนกว่า 13,000 คัน จากทั้งหมดที่มีประมาณ 80,000 คันทั่วประเทศ เพื่อเป็นการชดเชยสภาวะการจราจรติดขัด
นายวรพล จึงประสงค์ให้บริษัท มายแท็กซี่ (My Taxi) เข้าร่วมกับนักลงทุนรายใหญ่ภายในประเทศ และให้บริการแท็กซี่แบบเหมาจ่ายรายเดือน ไม่ต้องกดมิเตอร์ อีกประการเพื่อที่จะได้ไม่ต้องพึ่งพาการปรับค่าโดยสารจากกรมการขนส่งทางบก โดยผู้โดยสารที่สมัครจะสามารถเรียกใช้บริการได้ตลอดในเส้นทางเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล พร้อมแถมน้ำผลไม้จำนวน 6 ขวด และผลิตภัณฑ์อาหารเสริม โดยคาดการณ์ว่าจะได้รับเสียงตอบรับในทิศทางที่ดี จะเห็นได้ว่าแนวคิดดังกล่าวมาจาก การที่กรมการขนส่งฯ ปรับค่าโดยสารให้แต่เพียงรถที่เข้าร่วมโครงการ TAXI OK แต่อีก 80,000 ที่เหลือกลับไม่ได้รับความเท่าเทียม
ทั้งนี้นายวรพล ได้ยืนยันว่ารูปแบบการให้บริการดังกล่าวจะช่วยลดปัญหาการปฏิเสธผู้โดยสาร เพราะจะมีการจ่ายเงินแก่แท็กซี่ที่เข้าร่วมให้บริการเป็นเงิน 2 พันบาทต่อวัน ดังนั้นคนขับแท็กซี่จึงไม่มีความจำเป็นต้องวิ่งหาผู้โดยสาร และจะมีทีมงานคอยสอดส่องดูแลเพื่อรักษามาตรฐานการให้บริการ ขณะนี้เริ่มดำเนินการเตรียมความพร้อมเรียบร้อยแล้ว โดยมีการฝึกอบรมคนขับรถแท็กซี่อย่างต่อเนื่อง ส่วนรายละเอียดเพิ่มเติมยังไม่มีการเปิดเผยเพราะเป็นความลับทางธุรกิจ
โดยในวันที่ 7 พ.ย.นี้ ตัวแทนแท็กซี่กว่า 10 กลุ่มทั้งในเขตกทม.และต่างจังหวัด จะรวมตัวกันไปยื่นหนังสือร้องเพรียนต่อพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล ให้ช่วยปรับขึ้นค่าโดยสารรอบ 2 อีก 5% ปรับขึ้นค่าเซอร์ชาร์ตให้แท็กซี่ขนาดใหญ่ที่วิ่งในสนามบินและแก้ไขปัญหารถแท็กซี่ในวงรวม
อย่างไรก็ดีแนวคิดดังกล่าวนำมาซึ่งความเห็นที่แตกต่างออกไป เมื่อปรากฏมีประชาชนไม่เห็นด้วยเนื่องจากเกรงว่าปริมาณรถที่ให้บริการแบบเหมาจ่าย จะไม่เพียงพอต่อความต้องการ ทำให้ผู้ใช้งานต้องเสียเงินเพิ่มกับการใช้รถแท็กซี่อื่นๆ อีกทั้งการเหมาจ่ายเป็นจำนวนเงิน 10,200 ต่อเดือนนั้น หากเปรียบเทียบกับค่าแรงขั้นต่ำย่อมกระทบปากท้องสร้างความลำบากแก่ผู้บริโภคอย่างแน่นอน ทั้งนี้หากมองในระยะยาวจะพบว่าเงินจำนวนดังกล่าวเทียบเท่ากับค่าผ่อนรถยนต์ส่วนตัว จึงไม่มีเหตุผลที่ต้องสมัครใช้บริการ ทั้งนี้กรมการขนส่งทางบก ยืนยันว่า หากแท็กซี่ไม่กดมิเตอร์ ถือว่าผิดกฎหมาย ตาม พ.ร.บ.รถยนต์ เพราะจดทะเบียนเป็นแท็กซี่มิเตอร์ และต้องกดมิเตอร์
ก่อนหน้านี้กรมขนส่งทางบกได้ดำเนินโครงการ TAXI OK เพื่อยกระดับคุณภาพการให้บริการแท็กซี่ อีกทั้งเพื่อเป็นการเข้าถึงการใช้บริการผ่านแอพพลิเคชั่น ขั้นตอนการขอรับบริการนั้นหลังจากติดตั้งและลงทะเบียน ก็สามารถใช้แอพพลิเคชั่นเพื่อเรียกรถได้ทันที โดยการระบุสถานที่ต้นทาง-ปลายทาง และกด“จองรถ” ระบบจะค้นหาคนขับรถที่อยู่ใกล้ที่สุด และเมื่อคนขับรถตอบรับงาน ระบบจะแสดงชื่อ-สกุล หมายเลขทะเบียนรถ เบอร์ติดต่อของผู้ขับรถคันที่รับงาน
เมื่อรถแท็กซี่มารับผู้ขับรถจะทำการกดมิเตอร์พร้อมถ่ายภาพ Snap Shot เพื่อบันทึกข้อมูลส่งศูนย์ให้บริการแท็กซี่ ทำการติดตามการเดินทางแบบ Realtime โดยแอปพลิเคชั่น TAXI OK สามารถร้องเรียนการให้บริการ ตรวจสอบความถูกต้องของค่าบริการ โดยที่ประชาชนยังสามารถโบกเรียกใช้บริการรถ TAXI OK ได้เหมือนรถแท็กซี่ทั่วไป เพียงสังเกตรถแท็กซี่ที่ใช้โป๊ะไฟบนหลังคาแบบใหม่ ที่มีป้ายไฟแสดงสถานะ "ว่าง" เป็นสีเขียวพร้อมให้บริการ
จะเห็นได้ว่าการใช้บริการ TAXI OK นั้นมีความเหมาะสมทั้งด้านราคาและการให้บริการ มากกว่าการให้บริการของบริษัท มายแท็กซี่ (My Taxi) ที่อาจกำลังเกิดขึ้นในอนาคตด้วยค่าใช้จ่ายที่สูงและไม่สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจของสังคมไทยในช่วงเวลานี้ อย่างไรก็ตามแนวคิดดังกล่าวอาจเป็นอันต้องตกไป เพราะขัดกับ พ.ร.บ. และยังไม่ได้รับการอนุมัติจากทางกรมขนส่งฯ แต่อย่างใด
ขอบคุณ : กรมขนส่งทางบก