คนไข้เป็นเหยื่อ! เลขาธิการแพทยสภา แจ้งลงโทษแพทย์กว่า 60 คน โฆษณา โอ้อวดเกินจริง

ในปัจจุบันได้มีสถานพยาบาล คลีนิกต่างๆ ตามตัวจังหวัด หรือในกรุงเทพฯ ที่ถูกตั้งขึ้นมาอย่างไม่ถูกกฎหมาย ในบางที่อาจจะก่อตั้งขึ้นมาอย่างถูกกฎหมายก็จริง แต่ได้มีการใช้เอเจนซี่ได้เข้ามาทำโฆษณาโปรโมทโรงพยาบาลหรือคลินิกดังกล่าว โดยที่ไม่ได้ศึกษาให้ดี และยังมีหลายสถานพยาบาล มีการโฆษณาโอ้อวดเกินจริง อาจจะผิดแพทยสภา ทั้งนี้การโฆษณาสถานพยาบาลในทำนองโอ้อวดของสถานพยาบาลนั้น หรือกิจกรรมอื่นของสถานพยาบาลเกินกว่าที่เป็นจริงส่วนแพทย์ที่ไม่ใช่ผู้ดำเนินการสถานพยาบาล ต้องระมัดระวังในการเผยแพร่เรื่องการรักษาพยาบาลของตน 

 

 

โดยเฉพาะการลงรูปถ่ายต่างๆ ในโชเชียลมีเดีย เป็นไปในทำนองเข้าข่ายโอ้อวดความสามารถ ความเชี่ยวชาญเกินกว่าความเป็นจริง เพราะข้อบังคับแพทยสภา ว่าด้วยการรักษาจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ. 2549 จะอาจผิดข้อบังคับแพทยสภา ว่าด้วยการรักษาจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ. 2549 ใน หมวด 3 การโฆษณาการประกอบวิชาชีพเวชกรรม ข้อ 8 ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมต้องไม่โฆษณา ใช้ จ้าง หรือยินยอมให้ผู้อื่นโฆษณาการประกอบวิชาชีพเวชกรรม ความรู้ความชำนาญในการประกอบวิชาชีพเวชกรรมของตน ซึ่งมีบทลงโทษทางจริยธรรมตั้งแต่ตักเตือน พักใช้ และเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรมได้ และอีกอย่างนึงที่สำคัญก็คือ การที่สถานพยาบาลหรือคลีนิกนำหมอที่ไม่มีใบอนุญาตเข้ามารักษาคนไข้ ก็ถือว่าเป็นความผิดเช่นกัน 

 

ล่าสุด พลอากาศตรี นายแพทย์ อิทธพร คณะเจริญ เลขาธิการแพทยสภา ได้โพสต์เตือนผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ชื่อ Ittaporn Kanacharoen ระบุข้อความว่า "เรื่องที่ไม่อยากเล่า" วันนี้ต้องออกคำสั่งลงโทษแพทย์ไปกว่า 60 คน ด้วยเรื่องของโฆษณา ในระดับว่ากล่าวตักเตือน เพราะเป็นคลินิกเครือข่าย ที่ให้เอเจนซี่ทำโฆษณาให้ และใส่ชื่อคลีนิคน้องๆลงไป และเป็นครั้งแรกของน้องๆ แม้กรรมการแพทยสภา จะเข้าใจได้ว่าน้องอาจจะไม่รู้กลไก ของการโฆษณาตามกฎหมายว่าไม่ถูกต้องอย่างไร แต่เมื่อน้องเป็นผู้ดำเนินการสถานพยาบาลแล้ว จะปฏิเสธความรับผิดตามกฎหมายไม่ได้"

 

(พลอากาศตรี นายแพทย์ อิทธพร คณะเจริญ โพสต์เตือน)

 

 

"ดังนั้นอยากให้น้องๆทราบว่า ถ้าต้องรับเป็นผู้ดำเนินการสถานพยาบาลใดแล้ว ต้องรู้กฎหมายพระราชบัญญัติสถานพยาบาลนั้นอย่างดีด้วย โดยเฉพาะเรื่องโฆษณา ที่ผ่านมามักตะถูกลงโทษ อีกเรื่องที่เจอบ่อยคือ เจ้าของสถานพยาบาลนำบุคคลอื่นมาตรวจรักษาในช่วงเวลาที่น้องไม่อยู่ อาทิเช่นหมอเถื่อนหรือวิชาชีพอื่นที่ไม่มีชื่ออนุญาต ตลอดจนบางที่เจ้าของสถานพยาบาลตรวจเอง อันนี้เป็นความผิดแน่นอน"

 

 

"สุดท้ายคือน้องที่อยู่ต่างจังหวัดแล้วย้ายเข้ากรุงเทพ มาเรียนหนังสือแต่มิได้ปิดคลีนิคนั้น ปล่อยให้คนอื่นทำต่อ แต่น้องยังเป็นเจ้าของนะครับ ก็ต้องรับผิดชอบตามกฎหมาย ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่อยากเตือนถ้ามีปัญหาใดก็ถามหลังไมค์มาได้นะครับ ที่สำคัญทุกอย่างต้องถูกตามกฎหมายครับ ปล.ลงโทษครั้งแรกตักเตือน ครั้งที่ 2 ภาคทัณฑ์ ถึงพักใช้ใบอนุญาต ถือว่าเราเตือนคุณแล้ว" 

 

อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมอนุกรรมการจริยธรรมแพทยสภาชุดที่ 4 ได้มีอาจารย์ใหญ่มาให้ความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่่งในคณะกรรมการจริยธรรม ที่สอบสวนนั้นมีกว่า 30 ชุด  โดยจะมีการหมุนเวียนกันเข้าประชุมตลอดทั้งเดือน เพื่อให้คดีจริยธรรมนี้ดำเนินไปได้อย่างรวดเร็วที่สุด โดยประชุมที่ สำนักเลขาธิการ แพทยสภา 

 

 

(โพสต์เตือนอย่าพลาดเรื่องโฆษณา)

 

 

ขอบคุณ เฟซบุ๊ก Ittaporn Kanacharoen