- 07 พ.ย. 2561
ลามหนัก จนต้องถามคนไทยเห็นด้วยไหม? จะให้สมเด็จพระสังฆราชต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินด้วย วิษณุถกด่วนปปช.
จากกรณีพล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ออกมาถึงกรณีกรรมการสภามหาวิทยาลัยต่างๆเตรียมยื่นลาออกจากตำแหน่ง เนื่องจากไม่พอใจประกาศป.ป.ช.ที่กำหนดให้ตำแหน่งกรรมการสภามหาวิทยาลัยต้องยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อป.ป.ช.ว่า พร้อมรับฟังข้อสังเกตและข้อทักท้วงจากกรรมการสภามหาวิทยาลัย เพื่อนำมาทบทวนหาทางแก้ไขปัญหาทางออกเหตุผลที่กรรมการสภามหาวิทยาลัยต้องยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สิน
“เนื่องจาก พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริต ปี2561 ระบุให้ป.ป.ช.เป็นผู้กำหนดตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงทั้งหมดที่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สิน ซึ่งหมายความรวมถึงกรรมการบริหารในหน่วยงานของรัฐที่ครอบคลุมถึงกรรมการสภามหาวิทยาลัยของรัฐด้วย การที่กรรมการสภามหาวิทยาลัย อยากให้ป.ป.ช.ตัดข้อกำหนดเรื่องการยื่นบัญชีทรัพย์สินทิ้ง คงเป็นไปได้ยาก เพราะกฎหมายป.ป.ช.ระบุให้ตำแหน่งดังกล่าวยื่นบัญชีทรัพย์สิน กฎหมายเขียนอย่างไรต้องเป็นตามนั้น ไม่มีทางเป็นอย่างอื่น กฎหมายใหม่ป.ป.ช.กำหนดถึงขั้นให้ข้าราชการทุกคนต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินในอนาคต โดยข้าราชการระดับสูงยื่นต่อป.ป.ช. ส่วนระดับอื่นๆยื่นต่อผู้บังคับบัญชา”
ล่าสุดวานนี้ (6 พ.ย.) ได้มีรายงานข่าวจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธาน แจ้งว่านายกฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุม ครม.ทราบถึงการประชุม คสช.ในช่วงเช้า วันเดียวกัน ที่มีการพูดคุยกันถึงประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ฉบับล่าสุด เรื่อง "กำหนดตำแหน่งของผู้มีหน้าที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน" ที่มีปัญหากันอยู่ขณะนี้ว่า ไม่ใช่เรื่องเล็ก เพราะตำแหน่งที่ข้าราชการและผู้เกี่ยวข้องจะต้องยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินขยายวงกว้างมากขึ้นจากเดิม
“ตอนนี้นายกและกรรมการสภามหาวิทยาลัยหลายแห่งกำลังทยอยจะลาออก โดยในที่ประชุม ครม.มีการถกกัน และตอนหนึ่งมีการยกตัวอย่างว่า หากตำแหน่งนายกสภามหาวิทยาลัยจะต้องยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน จะรวมถึงตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราชด้วย เนื่องจากดำรงตำแหน่งนายกสภามหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย หรือมหาวิทยาลัยสงฆ์ ดังนั้นจะต้องส่งตัวแทนรัฐบาลไปพูดคุยกับ ป.ป.ช. โดยนายกฯมอบหมายอย่างไม่เป็นทางการให้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีไปหารือกับ ป.ป.ช.เพื่อหาทางออกเรื่องนี้ว่า จะแก้ไขปัญหาได้อย่างไร”
อย่างไรก็ตามหากลองย้อนไปก่อนหน้านี้ที่ได้รับทราบเรื่องราวของสมเด็จพระสังฆราช องค์ปัจจุบันเกี่ยวกับวัตรปฏิบัติ แม้ขณะนั้นท่านเป็นถึงพระเถระชั้นผู้ใหญ่แล้ว แต่ก็ทรงสมถะเป็นอย่างยิ่ง และหนึ่งในคำสอนของท่านก็ยังเป็นที่พูดถึงในขณะนี้
เรื่องราวของสมเด็จพระมหามุนีวงศ์ ที่มีผู้จารึกไว้ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 20 เมษายน พุทธศักราช 2555 ซึ่งแม้ขณะนี้ท่านฯ จะมีพระนามว่า สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช พระองค์ที่ 20 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ หากแต่สำหรับผู้ที่เลื่อมใสศรัทธาต่อวัตรปฏิบัติของท่านฯก็ยังพูดต่อกล่าวขานว่า พระองค์เป็น พระชั้นผู้ใหญ่ที่มีความเป็นกันเองอย่างมาก ทั้งยังมีความสมถะเป็นที่สุด รถยนต์ท่านก็ไม่มี ใครนิมนต์ไป หากมารับไม่ทัน ท่านก็นั่งแท็กซี่ไปเอง
บ่ายวันหนึ่ง ที่กุฏิเจ้าประคุณสมเด็จพระมหามุนีวงศ์ หลังจากผู้ที่มาถวายสักการะท่านเจ้าประคุณสมเด็จกลับไปหมดแล้ว มีโยมท่านหนึ่งกราบเรียนถามท่านเจ้าประคุณสมเด็จว่า
“ท่านอาจารย์ ปัจจัยมากๆ ท่านอาจารย์ใช้ปัจจัยอย่างไรครับผม?”
โดยท่านเจ้าประคุณสมเด็จ ก็เมตตาพูดให้ฟังว่า ปัจจัยที่เราได้มานั้น
1.นำเข้ามูลนิธิหลวงปู่ฝั้น อาจาโร ที่ท่านเป็นประธานอยู่
2.นำไปช่วยเหลือโรงเรียนวัดราชบพิธฯ ที่ท่านเป็นประธานอยู่
3.นำมาสงเคราะห์ให้กับพระเณร ที่อยู่ในวัดราชบพิธฯ และช่วยเหลือผู้คนที่ยากไร้
สุดท้าย ท่านเจ้าประคุณสมเด็จได้กล่าวไว้ว่า.........
“เราไม่มีแม้สักแดงเดียวนะ เราไม่สะสม แม้แต่เหรียญอาจารย์ฝั้นสักเหรียญเรายังไม่มี รถเราก็ไม่มี”